พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมือเปล่า-อายุความ: พิจารณาที่ดินเป็นที่บ้านตั้งแต่เมื่อใด เพื่อคุ้มครองตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ
ที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่าตามสภาพพออนุมานได้ว่าเป็นที่บ้านเมื่อโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ใช่แต่เพียงสิทธิครอบครองจึงควรฟังข้อนำสืบของโจทก์ว่ามีกรรมสิทธิ์โดยอาศัยกฎหมายบทใดเสียก่อนไม่ควรด่วนงดสืบพยานอนึ่ง ในเรื่องอายุความ จะถือเอาระยะเริ่มที่โจทก์เข้าครอบครองที่ดินเป็นต้นมาไม่ได้ต้องพิจารณาว่าที่เป็นที่บ้านมาแต่เมื่อใดถ้าที่ดินได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลักษณะ เบ็ดเสร็จบทที่ 42 แล้วโจทก์จะต้องละทิ้ง 9 ปี 10 ปี จึงจะขาดสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งออกสิ่งของชำรุดเพื่อซ่อมแซม ไม่ถือเป็นสินค้าต้องห้าม ตาม พ.ร.ก. ควบคุมการส่งออก
จำเลยได้นำเครื่องขยายเสียและสิ่งอุปกรณ์ซึ่งเป็นของจำเลยมีไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2496 สำหรับรับจ้างโฆษณาในงานต่าง ๆ ออกไปนอกราชอาณาจักร สู่ประเทศลาว เพื่อให้วาดผาทดซึ่งอยู่ในประเทศ ลาวคนฝั่งแม่น้ำโขงกับจังหวัดเลยเช่าเมื่อเดือน มิถุนายน 2500 ต่อมาเครื่องชำรุดระหว่างงานจำเลยจังได้ขายเครื่องนี้ให้แก่วัดผาหดไปในราคา 6,200 บาท โดยมิได้รับอนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบ เพื่อการนำออกนอกราชอาณาจักร ดังนี้ มิใช่เป็นเรื่องจำเลยได้นำเครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์รายนี้ไปในฐานะสินค้าเพื่อเสนอขายแต่เป็นเรื่องที่จำเลยมีเครื่องขยายเสียงไว้สำหรับให้เช่าใช้โฆษณาในงานของวัดผาหด แล้วจะกลับเข้ามา แต่ในระหว่างงานเครื่องได้เกิดชำรุด จำเลยจึงขายให้แก่วัดผาหดไป ตามพฤติการณ์ดังกล่าว ถือไม่ได้ว่า เครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์รายนี้ เป็นสินค้าตามความหมายแห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งสินค้า บางอย่าง (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2482 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเครื่องขยายเสียงออกนอกราชอาณาจักรเพื่อเช่า ไม่ใช่การส่งออกสินค้าต้องขออนุญาต
จำเลยได้นำเครื่องขยายเสียงและสิ่งอุปกรณ์ซึ่งเป็นของจำเลยมีไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2496 สำหรับรับจ้างโฆษณาในงานต่างๆ ออกไปนอกราชอาณาจักรสู่ประเทศลาว เพื่อให้วัดผาหดซึ่งอยู่ในประเทศลาวคนละฝั่งแม่น้ำโขงกับจังหวัดเลยเช่าเมื่อเดือนมิถุนายน 2500 ต่อมาเครื่องชำรุดระหว่างงาน จำเลยจึงได้ขายเครื่องนี้ให้แก่วัดผาหดไปในราคา 6,200 บาทโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบ เพื่อการนำออกนอกราชอาณาจักร ดังนี้ มิใช่เป็นเรื่องจำเลยได้นำเครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์รายนี้ไปในฐานะสินค้าเพื่อเสนอขายแต่เป็นเรื่องที่จำเลยมีเครื่องขยายเสียงไว้สำหรับให้เช่าใช้โฆษณาในงานของวัดผาหดแล้วจะนำกลับเข้ามาแต่ในระหว่างงานเครื่องได้เกิดชำรุด จำเลยจึงขายให้แก่วัดผาหดไป ตามพฤติการณ์ ดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าเครื่องขยายเสียงและอุปกรณ์รายนี้เป็นสินค้าตามความหมายแห่งพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2492 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความและเล่าเรื่องต่อบุคคลอื่นเพื่อแสวงหาความจริง ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
การที่จำเลยแจ้งความว่าโจทก์ได้สมคบกับพวกจ้างคนให้ไปยิงจำเลยเป็นการที่จำเลยกระทำตามกฎหมาย เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนจับกุมโจทก์กับพวกมาดำเนินคดีและเพื่อขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองความปลอดภัยแก่ตัวจำเลยเองด้วยและแม้ว่าจำเลยจะไปเล่าให้คนอื่นฟังเพื่อให้ช่วยสอบถามโจทก์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ทั้งๆที่ได้แจ้งความไว้แล้วก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีความชอบธรรมที่จะแสวงหาพยานหลักฐานมาฟ้องร้องโจทก์ได้ จำเลยมิได้มีเจตนาใส่ความโจทก์เพื่อให้เสียชื่อเสียงการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความและเล่าเรื่องให้ผู้อื่นฟังเพื่อหาพยานหลักฐาน ไม่ถือเป็นความผิดหมิ่นประมาท
การที่จำเลยแจ้งความว่าโจทก์ได้สมคบกับพวกจ้างคนให้ไปยิงจำเลยเป็นการที่จำเลยกระทำตามกฎหมาย เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนจับกุมโจทก์กับพวกมาดำเนินคดีและเพื่อขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองความปลอดภัยแก่ตัวจำเลยเองด้วยและแม้ว่าจำเลยจะไปเล่าให้คนอื่นฟังเพื่อให้ช่วยสอบถามโจทก์ว่าเป็นความจริงไม่ ทั้ง ๆ ที่ได้แจ้งความไว้ แล้วก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีความชอบธรรมที่จะแสดงหาพยานหลักฐานมาฟ้องร้องโจทก์ได้ จำเลยมิได้มีเจตนาใส่ความโจทก์เพื่อให้เสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้เพื่อสะดวกการชักลาก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ หากเป็นการตกแต่งจำเป็น
ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 ให้ความหมายการแปรรูปไม้ว่าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ไม้ คือเลื่อย ผ่า ถาก ขุดหรือกระทำด้วยประการอื่นใดแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิมนอกจากการลอกเปลือกหรือตบแต่งอันจำเป็นแก่การชักลากฉะนั้น การที่จำเลยถากไม้ของกลางเป็นเหลี่ยมเพื่อสะดวกแก่การชักลาก และเป็นไม้ที่จำเลยซื้อไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงถือได้ว่าจำเลยได้ตบแต่งอันจำเป็นโดยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใดจำเลยจึงไม่ควรมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 83/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปรรูปไม้เพื่อการชักลากโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 ให้ความหมายการแปรรูปไม้ว่า การกระทำอย่างใดอย่างแก่ไม่คือ เลื่อย ผ่า ถาก ขุดหรือกระทำด้วยประการอื่นใดแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือ ขนาดไปจากเดิม นอกจากการลอกเปลือกหรือตบแต่งอันจำเป็นแก่การชักลาก ฉะนั้นการที่จำเลยถากไม้ของกลางเป็นเหลี่ยม เพื่อสดวกแก่การชักลาก และเป็นไม่ที่จำเลยซื้อไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงถือได้ว่า จำเลยได้ตกแต่งอันจำเป็นโดยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใดจำเลยจึงไม่ควรมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในสถานที่ที่เข้าข่ายทั้งสถานที่บริการสาธารณะและสาธารณสถานสำหรับขนถ่ายสินค้า ศาลพิจารณาโทษตามมาตรา 335(9) ที่เฉพาะเจาะจงกว่า
จำเลยบังอาจลอบเข้าไปลักทรัพย์ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นการลักทรัพย์ในสถานที่ที่จัดไว้เพื่อบริการสาธารณะ มาตรา 335(8) หรือลักทรัพย์ในสาธารณสถานสำหรับขนถ่ายสินค้า มาตรา 335(9)
อนุมาตรา 8 เป็นสถานที่บริการสาธารณะทั่วๆไป ส่วนอนุมาตรา 9 จำกัดสถานที่บางแห่งไว้โดยเฉพาะ แต่การกระทำผิดของจำเลยนี้เข้าอนุมาตรา 9 ตรงกว่าจำเลยมีผิดตาม มาตรา 335(9) อนุมาตราเดียวจึงต้องลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ตอน 1 ไม่ใช่ ตอน 2
อนุมาตรา 8 เป็นสถานที่บริการสาธารณะทั่วๆไป ส่วนอนุมาตรา 9 จำกัดสถานที่บางแห่งไว้โดยเฉพาะ แต่การกระทำผิดของจำเลยนี้เข้าอนุมาตรา 9 ตรงกว่าจำเลยมีผิดตาม มาตรา 335(9) อนุมาตราเดียวจึงต้องลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ตอน 1 ไม่ใช่ ตอน 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานลักทรัพย์ในสถานที่ที่เข้าข่ายทั้งสถานที่บริการสาธารณะและสาธารณะสถานสำหรับขนถ่ายสินค้า
จำเลยบังอาจลอบเข้าไปลักทรัพย์ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นการลักทรัพย์ในสถานที่ที่จัดไว้ เพื่อบริการสาธารณะมาตรา 335 (8) หรือลักทรัพย์ในสาธารณะสถานสำหรับขนถ่ายสินค้ามาตรา 335 (9)
อนุมาตรา 8 เป็นสถานที่บริการสาธารณะทั่ว ๆ ไป ส่วนอนุมาตรา 9 จำกัดสถานที่บางแห่งไว้โดยเฉพาะ แต่การกระทำของจำเลยนี้เข้าอนุมาตรา 9 ตรงกว่า จำเลยมีผิดตาม มาตรา 335 (9) ตอน 1 ไม่ใช่ตอน 2
อนุมาตรา 8 เป็นสถานที่บริการสาธารณะทั่ว ๆ ไป ส่วนอนุมาตรา 9 จำกัดสถานที่บางแห่งไว้โดยเฉพาะ แต่การกระทำของจำเลยนี้เข้าอนุมาตรา 9 ตรงกว่า จำเลยมีผิดตาม มาตรา 335 (9) ตอน 1 ไม่ใช่ตอน 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ไม่เข้าข่ายสมัครใจวิวาท
จำเลยทั้งสองย้อนกลับมาที่ร้านขายเหล้าและอาหาร ต่อว่าเจ้าของร้านว่าทอนสตางค์ไม่ครบ จึงเกิดเถียงกันจำเลยที่ 1 ฉุดเจ้าของร้านออกไปนอกร้าน โดยมีจำเลยที่ 2 ดันหลัง แล้วจำเลยที่ 1 ต่อยเจ้าของร้านด้วยสนับมือที่พกมา จำเลยที่ 2 ก็แทงเจ้าของร้านในเวลาติดต่อกันไปแล้วจำเลยก็พากันหนีไปต่อมาไม่ช้าเจ้าของร้านก็ตาย ถือว่า จำเลยทั้งสองร่วมมือกันฆ่าเจ้าของร้านตายไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครใจวิวาท