คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไชยเจริญ สันติศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำในคดีพนัน: โทษที่รอลงโทษยังไม่ถือว่าพ้นโทษ
พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 14 ทวิ ซึ่งเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2485 มาตรา 3 ได้บัญญัติการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดกฎหมายซ้ำกันไว้เป็นพิเศษ
โทษจำคุกในเรื่องการพนันที่ยังอยู่ในระหว่างรอการลงโทษนั้นไม่ถือว่าพ้นโทษไปแล้ว ฉะนั้นผู้ที่ทำผิดพระราชบัญญัติการพนันซ้ำในระหว่างรอการลงโทษจำคุกในคดีก่อนย่อมจะถูกเพิ่มโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษผู้กระทำผิด พ.ร.บ.การพนันซ้ำ: การพิจารณาโทษเดิมที่ยังไม่พ้นโทษ
พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ ซึ่งเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. การพนัน (ฉบับที่ 3) 2485 มาตรา 3 ได้บัญญัติการเพิ่มโทษผู้กระทำผิดกฎหมายซ้ำไว้เป็นพิเศษ
โทษจำคุกในเรื่องการพนันที่ยังอยู่ในระหว่างรอการลงโทษนั้นไม่ถือว่าพ้นโทษไปแล้ว ฉะนั้นผู้ที่ทำผิด พ.ร.บ. การพนันซ้ำในระหว่างรอการลงโทษจำคุกในคดีก่อน ยอมจะถูกเพิ่มโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ: ไม่ต้องบรรยายราคา, สำเร็จเมื่อขาย, ผู้ซื้อเป็นตำรวจไม่เป็นเหตุแก้ตัว
ในคำฟ้องฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โจทก์ไม่จำต้องบรรยายว่า จำเลยขายสลากราคาสลากละเท่าใด
จำเลยขายสลากกินรวบแล้ว แม้สลากกินแบ่งของรัฐบาลงวดซึ่งจำเลยถือเอาเป็นเกณฑ์ในการรับกินรับใช้จะยังไม่ออกความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาตก็สำเร็จแล้ว และแม้คนซื้อสลากจากจำเลยจะเป็นคนที่ตำรวจจัดให้ไปซื้อ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยอ้างเป็นข้อแก้ตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายสลากกินรวบถือเป็นการจัดให้มีการพนัน แม้ผลสลากยังไม่ออก
การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวมโดยอาศัยเลขท้ายของสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการรับกินรับใช้นั้น เพียงแต่จำเลยทำการขายสลากไป ก็ถือได้แล้วว่า จำเลยได้จัดให้มีการเล่นการพนัน เป็นความผิดสำเร็จตามกฎหมายแล้ว ฉะนั้น ถึงแม้สลากกินแบ่งของรัฐบาลจะยังไม่ออกหรือยังไม่ทราบผลแพ้ชนะ และคนซื้อสลากจากจำเลยเป็นคนที่เจ้าพนักงานตำรวจให้ไปซื้อ ก็ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะอ้างมาเป็นข้อแก้ตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในมรดก การครอบครองแทนกัน และอายุความมรดก
โจทก์อยู่กับมารดาที่เรือนมารดาในที่พิพาท ก่อนมารดาตาย มารดาตายที่พิพาทตกเป็นมรดกของมารดา โจทก์ก็ยังคงอยู่ที่เรือนมารดาอีกหลายเดือนนับแต่มารดาตาย แล้วเรือนมารดาก็ถูกรื้อถวายวัด โจทก์จึงมาอยู่ที่เรือนจำเลยในที่พิพาทอีกหลายเดือน รวมเวลาที่โจทก์อยู่ในที่พิพาทหลังจากมารดาตายได้ราวปีเศษ โจทก์จึงไปอยู่ที่จังหวัดอื่น นับว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมากับจำเลยด้วยกันในตอนแรก โจทก์กับจำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมา การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทต่อมาถือได้ว่าครอบครองที่พิพาทไว้แทนในฐานะเจ้าของร่วม แม้โจทก์มาฟ้องขอให้แบ่งมรดกที่พิพาทภายหลังมารดาตายแล้ว 18 ปี คดีก็ไม่ขาดอายุความ
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องจำเลยคนเดียว ขอให้แบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองคนคนละ 1 ใน 3 ส่วน แต่ปรากฏว่าคดีสำหรับโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความมรดกแล้ว โจทก์ที่ 2 คงมีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลยเพียง 2 คน ดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 2 ส่วนไม่ได้ เพราะเกินคำขอ คงพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 3 ส่วน ตามคำขอ
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมและครอบครองปรปักษ์: การครอบครองทรัพย์มรดกโดยเจ้าของร่วมและการคำนวณอายุความ
โจทก์อยู่กับมารดาที่เรือนมารดาในที่พิพาทก่อนมารดาตายมารดาตายที่พิพาทตกเป็นมรดกของมารดา โจทก์ก็ยังคงอยู่ที่เรือนมารดาอีกหลายเดือนนับแต่มารดาตาย แล้วเรือนมารดาก็ถูกรื้อถวายวัด โจทก์จึงมาอยู่ที่เรือนจำเลยในที่พิพาทอีกหลายเดือน รวมเวลาที่โจทก์อยู่ในที่พิพาทหลังจากมารดาตายได้ราวปีเศษ โจทก์จึงไปอยู่ที่จังหวัดอื่น นับว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกมากับจำเลยด้วยกันในตอนแรก โจทก์กับจำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมา การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทต่อมาถือได้ว่าครอบครองที่พิพาทไว้แทนในฐานะเป็นเจ้าของร่วม แม้โจทก์มาฟ้องขอให้แบ่งมรดกที่พิพาทภายหลังมารดาตายแล้ว 18 ปี คดีก็ไม่ขาดอายุความ
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องจำเลยคนเดียว ขอให้แบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสองคนละ 1 ใน 3 ส่วน แต่ปรากฏว่าคดีสำหรับโจทก์ที่ 1 ขาดอายุความมรดกแล้ว โจทก์ที่ 2 คงมีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลยเพียง 2 คนดังนี้ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 2 ส่วน ไม่ได้เพราะเกินคำขอ คงพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดก 1 ใน 3 ส่วนตามคำขอ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อวัตถุระเบิดโดยมีใบอนุญาต และการไม่มีข้อจำกัดในการนำไปเก็บรักษา ทำให้ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
จำเลยได้รับใบอนุญาตแบบ ป.5 ให้มีและใช้วัตถุระเบิดในจังหวัดชุมพร โดยซื้อจากจังหวัดพระนคร จำเลยซื้อแล้วนำติดตัวไปจังหวัดสระบุรีก่อนแล้วนำไปจังหวัดชุมพร โดยผ่านจังหวัดพระนครอีก แต่จำเลยถูกจับเสียก่อนในเขตจังหวัดสระบุรี เช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการย้ายวัตถุระเบิดตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ไม่ต้องได้รับอนุญาตให้ย้ายวัตถุระเบิดจากเจ้าพนักงานอีก เพราะเป็นการซื้อโดยได้รับอนุญาตแล้วจะนำไป และใบอนุญาตแบบ ป.5 ก็มิได้กำหนดเงื่อนไขในการนำไปไว้แต่อย่างไร ทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ในเรื่องนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอนุญาตและสถานที่ซื้อขายวัตถุระเบิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
เจ้าพนักงานอำเภอเมืองชุมพรออกใบอนุญาตให้จำเลยมีและใช้วัตถุระเบิดในจังหวัดชุมพร โดยให้ซื้อจากจังหวัดพระนครจำเลยซื้อแล้วกลับนำไปจังหวัดสระบุรี แล้วจะนำจากจังหวัดสระบุรีไปจังหวัดชุมพรโดยผ่านจังหวัดพระนครอีก ก็ถูกจับเสียก่อน ในท้องที่จังหวัดสระบุรี ดังนี้จำเลยไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 43

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ และการริบทรัพย์ของบุคคลที่มิได้กระทำผิด
เมื่อยังไม่มีรัฐธรรมนูญการปกครองประเทศเป็นการแน่นอนและไม่มีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ การวินิจฉัยบทกฎหมายใด ตลอดทั้งการตีความตามรัฐธรรมนูญ อันมิใช่เป็นเรื่องในวงงานของสภา ศาลย่อมมีอำนาจกระทำได้
พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ที่ให้ริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นของบุคคลใดและเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้นได้บัญญัติในสมัยใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2489 ต่อมาได้ใช้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2492 และรัฐธรรมนูญฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2495 ข้อความที่ให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับหลังนี้จึงเป็นโมฆะตามรัฐธรรมนูญฯฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2495มาตรา 113 เทียบได้กับคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเรื่องการริบทรัพย์ของบุคคลผู้มิได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินจากบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองกรรมสิทธิ์
ในขณะนี้ยังไม่มีรัฐธรรมนูญการปกครองประเทศเป็นการแน่นอน และไม่มีคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ การวินิจฉัยบทกฎหมายใด ตลอดทั้งการตีความตามรัฐธรรมนูญ อันมิใช่เป็นเรื่องในวงงานของสภา ศาลย่อมมีอำาจกระทำได้
พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกฯ แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ที่ให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นผู้มิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด ได้บัญญัติในสมัยใช้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2489 ต่อมาได้ใช้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2492 และรัฐธรรมนูญฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 ข้อความที่ให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับหลังนี้ จึงเป็นโมฆะใช้ไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 มาตรา 113 และคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญในคำพิพากษาฎีกาเรื่องความผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวย่อมนำมาเปรียบเทียบกับคดีนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องในทำนองเดียวกัน
of 56