พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ขอให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แล้วต่อมาจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอมโดยหาได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะเลิกบริษัทดังฟ้องไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194, 1236 (4) โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 อยู่ด้วย ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีปลดเปลื้องความเสียหายโดยขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ในอันที่จะให้บริษัทจำเลยที่ 1 คงมีอยู่ต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องปลดเปลื้องความเสียหาย
จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ขอให้เลิกบริษัทจำเลยที่1 จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แล้วต่อมาจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอมโดยหาได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะเลิกบริษัทดังฟ้องไม่ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194,1236(4) โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 อยู่ด้วย ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีปลดเปลื้องความเสียหาย โดยขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1ในอันที่จะให้บริษัทจำเลยที่ 1 คงมีอยู่ต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต แม้การซื้อขายมีเจตนาฉ้อฉล ก่อนฟ้องเพิกถอน
ตามมาตรา 238 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริต เช่น ในคดีร้องขัดทรัพย์ (โจทก์นำยึดทรัพย์อ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้อง ๆ ว่าทรัพย์นั้นผู้ร้องซื้อจากจำเลยแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านโดยอ้างว่าการซื้อขายไม่เป็นไปโดยสุจริต เพราะจำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยการสมยอมกัน) ผู้ร้องได้โอนทรัพย์นั้นให้บุคคลภายนอกไปอีกทอดหนึ่งแล้ว ถ้าโจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้สำเร็จ ผลแห่งการเพิกถอนนั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนไป (อีกทอดหนึ่งนั้น) โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต แม้การซื้อขายมีเจตนาฉ้อฉลก่อนฟ้องคดี
ตามมาตรา 238 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยสุจริตเช่นในคดีร้องขัดทรัพย์ (โจทก์นำยึดทรัพย์ที่อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ร้อง ร้องว่าทรัพย์นั้นผู้ร้องซื้อจากจำเลยแล้ว ขอให้ถอนการยึด โจทก์คัดค้านโดยอ้างว่าการซื้อขายไม่เป็นไปโดยสุจริต เพราะจำเลยโอนทรัพย์ให้ผู้ร้องโดยการสมยอมกัน)ผู้ร้องได้โอนทรัพย์นั้นให้บุคคลภายนอกไปอีกทอดหนึ่งแล้วถ้าโจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้สำเร็จผลแห่งการเพิกถอนนั้นย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนไป(อีกทอดหนึ่งนั้น)โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนก่อนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิฟ้องร้องก่อนปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย
ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นจำเลยว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนแต่ยังมิได้จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชี โจทก์เตือนให้ไปจัดการ จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้บังคับ จำเลยให้การแต่เพียงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงกันแบ่งทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนกันเอง หนี้สินของห้างหุ้นส่วนก็ไม่มี เป็นการเลิกและชำระบัญชีกันเองเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นที่จะขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องแล้ว ดังนี้ ในชั้นฎีกาจำเลยจะยกปัญหาเรื่องคำฟ้องของโจทก์ขึ้นฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061, 1251 หาใช่ห้างหุ้นส่วนเป็นผู้จัดการชำระบัญชีไม่ คำฟ้องของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าจำเลยไม่จัดการชำระบัญชี ต้องถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายใน 2 มาตรานั้นก่อน จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชี แต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำานจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชี แต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำานจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับชำระบัญชีห้างหุ้นส่วน: สิทธิโจทก์เมื่อจำเลยเพิกเฉยต่อการชำระบัญชีตามกฎหมาย
ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนเป็นจำเลยว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนตกลงเลิกห้างหุ้นส่วน แต่ยังมิได้จดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีโจทก์เตือนให้ไปจัดการ จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้บังคับ จำเลยให้การแต่เพียงว่าผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงกันแบ่งทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนกันเองหนี้สินของห้างหุ้นส่วนก็ไม่มี เป็นการเลิกและชำระบัญชีกันเองเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นที่จะขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามฟ้องแล้ว ดังนี้ ในชั้นฎีกาจำเลยจะยกปัญหาเรื่องคำฟ้องของโจทก์ขึ้นฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1061,1251 หาใช่ห้างหุ้นส่วนเป็นผู้จัดการชำระบัญชีไม่ คำฟ้องของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าจำเลยไม่จัดการชำระบัญชีต้องถือว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามความหมายใน 2มาตรานั้นก่อน จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชีแต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ได้เตือนให้จำเลยไปจัดการจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีกับตั้งผู้ชำระบัญชีแต่จำเลยเพิกเฉย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 1061 แล้ว โจทก์ชอบที่จะนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนการตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนต้องใช้มาตรา 1251 โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ตั้งกองหมายเป็นผู้ชำระบัญชีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนฟ้องคดีจึงมีผล
จำเลยเช่าห้องของโจทก์โดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ค่าเช่าคิดกันรายเดือนโดยถือเอาวันที่ 1 ของทุก ๆเดือนเป็นเกณฑ์ชำระ โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยในวันที่ 19 ตุลาคม 2502 แม้จะได้แจ้งไปในหนังสือบอกกล่าวด้วยว่าให้จำเลยขนย้ายออกไปภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2502 น้อยกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจนเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2503 คำบอกกล่าวของโจทก์มีผลใช้ด้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชญื มาตรา 566
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมาย ระยะเวลาบอกกล่าวและการฟ้องขับไล่
จำเลยเช่าห้องของโจทก์โดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ค่าเช่าคิดกันรายเดือนโดยถือเอาวันที่ 1 ของทุก ๆ เดือนเป็นเกณฑ์ชำระ โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยในวันที่ 19ตุลาคม 2502 แม้จะได้แจ้งไปในหนังสือบอกกล่าวด้วยว่าให้จำเลยขนย้ายออกไปภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2502 น้อยกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจนเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 5มกราคม 2503 คำบอกกล่าวของโจทก์มีผลใช้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องหนี้ที่มีจำนอง เจ้าหนี้เลือกบังคับได้ทั้งจากทรัพย์สินทั่วไปและทรัพย์จำนอง
หนี้ที่มีจำนองเป็นประกัน เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างหนี้สามัญ คือ บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินทั่วไปของลูกหนี้ หรือจะบังคับจำนอง คือ ใช้บุริมสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้จำนอง: บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินลูกหนี้นอกเหนือจากจำนองได้
หนี้ที่มีจำนองเป็นประกัน เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างหนี้สามัญ คือ บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินทั่วไปของลูกหนี้ หรือจะบังคับจำนอง คือ ใช้บุริมสิทธิบังคับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนอง อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้