พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สัญชาติไทย: พยานผู้เชี่ยวชาญและสิทธิฟ้องร้องเมื่อถูกโต้แย้ง
โจทก์อ้างผู้มีความรู้เชี่ยวชาญมาเบิกความเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์เป็นบุตรของนางกิมไน้ และเป็นพี่ของน้องอีก 3 คน การตรวจพิสูจน์นี้ต้องมีการฉายเอกซเรย์กระดูก ตรวจโลหิต และถ่ายรูปแล้วทำรายงานการตรวจพิสูจน์พร้อมด้วยความเห็นตามหลักวิชาการ การที่โจทก์ให้พยานดูหลักฐานเหล่านี้แล้วส่งต่อศาลก็เพื่อประกอบคำเบิกความของพยานผู้มีความรู้เชี่ยวชาญนี้ รายงานและภาพถ่ายต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่พยานเอกสารโดยตรง โจทก์ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน 3 วัน
โจทก์จำต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงออกหนังสือเดินทางให้เป็นบุคคลสัญชาติจีนเพื่อให้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเท่านั้น ครั้นมาถึง โจทก์ได้อ้างตนต่อกองตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย และขอพิสูจน์สัญชาติ แต่ถูกปฏิเสธ ถือได้ว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจ และหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้องได้
โจทก์จำต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงออกหนังสือเดินทางให้เป็นบุคคลสัญชาติจีนเพื่อให้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเท่านั้น ครั้นมาถึง โจทก์ได้อ้างตนต่อกองตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย และขอพิสูจน์สัญชาติ แต่ถูกปฏิเสธ ถือได้ว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจ และหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สัญชาติไทย: หลักฐานประกอบคำเบิกความพยานผู้เชี่ยวชาญและการโต้แย้งสิทธิ
โจทก์อ้างผู้มีความรู้เชี่ยวชาญมาเบิกความเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์เป็นบุตรของนางกิมไน้ และเป็นพี่ของน้องอีก 3 คน การตรวจพิสูจน์นี้ต้องมีการฉายเอ๊กซเรย์กระดูกตรวจโลหิต และถ่ายรูปแล้วทำรายงานการตรวจพิสูจน์พร้อมด้วยความเห็นตามหลักวิชาการ การที่โจทก์ให้พยานดูหลักฐานเหล่านี้แล้วส่งต่อศาลก็เพื่อประกอบคำเบิกความของพยานผู้มีความรู้เชี่ยวชาญนี้ รายงานและภาพถ่ายต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่พยานเอกสารโดยตรง โจทก์ไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน 3 วัน
โจทก์จำต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงออกหนังสือเดินทางให้เป็นบุคคลสัญชาติจีนเพื่อให้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเท่านั้น ครั้นมาถึง โจทก์ได้อ้างตนต่อกองตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย และขอพิสูจน์สัญชาติ แต่ถูกปฏิเสธ ถือได้ว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจ และหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายโจทก์มีอำนาจฟ้องได้
โจทก์จำต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลฮ่องกงออกหนังสือเดินทางให้เป็นบุคคลสัญชาติจีนเพื่อให้ได้เดินทางกลับมาประเทศไทยเท่านั้น ครั้นมาถึง โจทก์ได้อ้างตนต่อกองตรวจคนเข้าเมืองว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย และขอพิสูจน์สัญชาติ แต่ถูกปฏิเสธ ถือได้ว่ากระทรวงมหาดไทย กรมตำรวจ และหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายโจทก์มีอำนาจฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกทรัพย์ไม่สมบูรณ์ เหตุไม่ระบุวันเวลาที่จำเลยมีเจตนาทุจริต
บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2502 เวลากลางวัน โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปซื้อกระบือมาให้โจทก์ จำเลยรับรองว่าจะซื้อมาให้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2503 ครั้นถึงกำหนด จำเลยก็มิได้นำกระบือมาให้ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน 2503 โจทก์จึงทราบว่าจำเลยได้ยักยอกเอาเงินที่โจทก์มอบให้นั้นเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ฟ้องเช่นนี้หาได้กล่าวถึงวันเวลาที่จำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้นไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่สมบูรณ์ต้องระบุวันเวลาการกระทำความผิด แม้โจทก์ไม่ทราบวันเวลาที่จำเลยมีเจตนาทุจริตก็ต้องระบุช่วงเวลา
บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2502เวลากลางวัน โจทก์มอบเงินให้จำเลยไปซื้อกระบือมาให้โจทก์ จำเลยรับรองว่าจะซื้อมาให้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2503 ครั้นถึงกำหนด จำเลยก็มิได้นำกระบือมาให้ ต่อมาวันที่ 10 มิถุนายน 2503 โจทก์จึงทราบว่าจำเลยได้ยักยอกเอาเงินที่โจทก์มอบให้นั้นเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ฟ้องเช่นนี้หาได้กล่าวถึงวันเวลาที่จำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้นไม่ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาวุธปืนสงครามที่ไม่ได้แจ้งการครอบครองและการรับฝากอาวุธปืนเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
ปืนของกลางเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เมื่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2501 ออกใช้และรัฐมนตรีได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ปืนชนิดนี้เป็นปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามแล้ว เจ้าของก็มิได้นำไปมอบให้กับนายทะเบียนท้องที่ตามมาตรา 10 ปืนนี้จึงเป็นของมีไว้เป็นความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 จำเลยรับฝากปืนนี้ไว้จากเจ้าของก็ต้องมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาว่าเป็นของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท้จจริง ต้องห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาว่าเป็นของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท้จจริง ต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนและข้อพิพาทเกี่ยวกับประเภทของอาวุธปืนตามกฎหมายอาวุธปืน
ปืนของกลางเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2500เมื่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับที่3 พ.ศ.2501 ออกใช้และรัฐมนตรีได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ปืนชนิดนี้เป็นที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามแล้วเจ้าของก็มิได้นำไปมอบให้กับนายทะเบียนท้องที่ตามมาตรา10 ปืนนี้จึงเป็นของมีไว้เป็นความผิดอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32. จำเลยรับฝากปืนนี้ไว้จากเจ้าของก็ต้องมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่าปืนของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษปรับจำเลยตามศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่าปืนของกลางไม่ใช่ปืนเล็กยาวแบบ 83 ซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เป็นการโต้เถียงคำวินิจฉัยและดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินปลูกเรือนเพื่อปล่อยเช่า มิได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ แม้จะเข้าอยู่อาศัยเองภายหลัง
จำเลยเช่าที่ดินโจทก์ปลูกเรือนแล้วให้ผู้อื่นเช่าอยู่อาศัยในเรือนนั้นตลอดมา โดยจำเลยไม่ได้เข้าอยู่อาศัยเอง ก่อนครบกำหนดสัญญาเช่าราว 5 เดือนจำเลยจึงได้เข้าไปอยู่อาศัยในเรือนหลังนั้น แต่เป็นเวลาภายหลังที่โจทก์ได้แจ้งความประสงค์ให้จำเลยทราบแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญาเช่าให้ เพราะโจทก์ตั้งใจจะเข้าอยู่ในที่ดินนั้นเอง ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าจะมีข้อความว่า "เช่าอยู่อาศัยหรือปลูกบ้านให้ผู้อื่นเช่า" ก็ตาม ย่อมเห็นได้ว่าความจริงจำเลยได้เช่าที่ดินปลูกเรือนให้ผู้อื่นเช่าเพื่อเก็บผลประโยชน์มาตั้งแต่ต้น จึงไม่เป็นการอยู่อาศัยอันควร ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ทั้งพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิโดยสุจริตตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ นั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยมรดกอิสลาม: ศาลต้องใช้กฎหมายอิสลามและดะโต๊ะยุติธรรมชี้ขาด หากศาลล่างผิดพลาด ศาลฎีกายกคำพิพากษาให้พิจารณาใหม่
การวินิจฉัยคดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องมรดกอิสลามศาสนิกในศาลจังหวัดปัตตานีซึ่งศาลชั้นต้นต้องใช้กฎหมายอิสลามและต้องให้ดะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามนั้น หากศาลชั้นต้นปฏิบัติไม่ถูกต้อง ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเสียให้ถูกต้องแล้วพิพากษาใหม่ได้
ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามได้ เพราะถ้ามีคำวินิจฉัยชี้ขาดของดะโต๊ะยุติธรรมในข้อกฎหมายอิสลามมาโดยถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นอันเด็ดขาดในคดีนั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามได้ เพราะถ้ามีคำวินิจฉัยชี้ขาดของดะโต๊ะยุติธรรมในข้อกฎหมายอิสลามมาโดยถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นอันเด็ดขาดในคดีนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกอิสลาม: ศาลต้องใช้กฎหมายอิสลาม & ให้คะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามในเขตปัตตานี
การวินิจฉัยคดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องมรดกอิสลามศาสนิกในศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งศาลชั้นต้นต้องใช้กฎหมายอิสลามและต้องให้คะโต๊ะยุติธรรมวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามนั้น หากศาลชั้นต้นปฏิบัติไม่ถูกต้อง ศาลสูงก็มีอำนาจยกคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเสียให้ถูกต้องแล้วพิพากษาใหม่ได้
ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามได้ เพราะถ้ามีคำวินิจฉัยชี้ขาดของคะโต๊ะยุติธรรมในข้อกฎหมายอิสลามมาโดยถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นอันเด็ดขาดในคดีนั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อกฎหมายอิสลามได้ เพราะถ้ามีคำวินิจฉัยชี้ขาดของคะโต๊ะยุติธรรมในข้อกฎหมายอิสลามมาโดยถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นอันเด็ดขาดในคดีนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการพิสูจน์สัญชาติ: ผู้เข้ามาอ้างเป็นคนไทยมีสิทธิร้องต่อศาล แม้ไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิ/หน้าที่
ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 43 นั้นผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรอ้างตนว่าเป็นคนไทย ผู้นั้นย่อมร้องขอพิสูจน์สัญชาติต่อศาลได้ โดยไม่จำต้องมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของผู้นั้นแต่อย่างใด