พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร ต้องมีหลักฐานการลักทรัพย์ก่อน จึงจะมีความผิด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา357 บัญญัติเกณฑ์ความผิดฐานรับของโจรไว้ว่า การรับด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดอันจำกัดไว้ว่า ความผิดนั้น ต้องเข้าลักษณะความผิดฐานลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งหมายความว่าทรัพย์นั้นจะต้องเป็นทรัพย์ที่ถูกลัก ฯลฯมาเสียก่อนจึงจะเกิดความผิดฐานรับของโจรต่อไปได้ เมื่อกรณีเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่ามิได้มีการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้น ก็ย่อมไม่อาจมีความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจรต้องมีทรัพย์ที่ถูกลักขโมยมาแล้วก่อน จึงจะมีความผิดได้
ประมวล ก.ม. อาญา ม. 357 บัญญัติเกณฑ์ความผิดฐานรับของโจรไว้ว่า การรับด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดอันจำกัดไว้ว่า ความผิดนั้น ต้องเข้าลักษณะความผิดฐานลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งหมายความว่า ทรัพย์นั้นจะต้องเป็นทรัพย์ที่ถูกลักฯลฯ มาเสียก่อนจึงจะเกิดความผิดฐานรับของโจรต่อไปได้ เมื่อกรณีเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่ามิได้มีการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้น ก็ย่อมไม่อาจมีความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: การกำหนดบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 แทนกฎหมายลักษณะอาญา
จำเลยเป็นเสมียนแผนกตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดพังงา ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงาผู้เป็นหัวหน้าได้มอบหมายการงานซึ่งอยู่ในแผนกให้แก่จำเลยปฏิบัติ จำเลยได้ยักยอกเงินและสิ่งของที่ได้รับมอบหมายไว้ตามหน้าที่ ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอก
อัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ย่อมเบากว่าตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131
อัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ย่อมเบากว่าตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: การพิจารณาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 แทนกฎหมายลักษณะอาญา
จำเลยเป็นเสมียนแผนกตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดพังงา ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา ผู้เป็นหัวหน้าได้มอบหมายการงานซึ่งอยู่ในแผนกให้แก่จำเลยปฏิบัติ จำเลยได้ยักยอกเงินและสิ่งของที่ได้รับมอบหมายไว้ตามหน้าที่ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอก
อัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ย่อมเบากว่าตามกฎหมาย ลักษณะอาญา มาตรา 131
อัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ย่อมเบากว่าตามกฎหมาย ลักษณะอาญา มาตรา 131
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเอาทรัพย์สิน: การกระทำความผิดฐานข่มขืนใจ แม้ยังมิได้มอบทรัพย์สิน และความแตกต่างจากฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นพลตำรวจประจำสถานีตำรวจ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดเพื่อส่งเจ้าพนักงานดำเนินคดี จำเลยได้แกล้งจับกุมผู้เสียหายหาว่าเล่นการพนันไม่รับอนุญาต และบังคับให้ขึ้นรถรับจ้างไปกับจำเลย ในระหว่างทางจำเลยได้พูดข่มขืนใจผู้เสียหายเพื่อให้มอบเงินให้แก่จำเลย ถ้าไม่ให้เงินจำเลยจะเอาตัวส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยได้ค้นลักเงินของผู้เสียหายไป 120 บาท ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท คือ มาตรา 148,310,334ประมวลกฎหมายอาญา
การข่มขืนใจเพียงเพื่อให้มอบให้แม้แต่ยังมิได้มอบทรัพย์สินให้แก่กัน ก็เป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว
จำเลยเป็นพลตำรวจพูดว่า ถ้าผู้เสียหายไม่มอบเงินให้จำเลย จำเลยจะเอาตัวส่งสถานีตำรวจในข้อหาฐานเล่นการพนันไม่ได้รับอนุญาต เพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่เป็นการขู่เข็ญที่จะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339
การข่มขืนใจเพียงเพื่อให้มอบให้แม้แต่ยังมิได้มอบทรัพย์สินให้แก่กัน ก็เป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว
จำเลยเป็นพลตำรวจพูดว่า ถ้าผู้เสียหายไม่มอบเงินให้จำเลย จำเลยจะเอาตัวส่งสถานีตำรวจในข้อหาฐานเล่นการพนันไม่ได้รับอนุญาต เพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่เป็นการขู่เข็ญที่จะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเอาทรัพย์สิน: การกระทำความผิดฐานข่มขืนใจ แม้ยังมิได้มอบทรัพย์สิน และความแตกต่างจากฐานชิงทรัพย์
จำเลยเป็นพลตำรวจประจำสถานีตำรวจ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดเพื่อส่งเจ้าพนักงานดำเนินคดี จำเลยได้แกล้งจับกุมผู้เสียหายหาว่าเล่นการพนันไม่รับอนุญาต และบังคับให้ขึ้นรถรับจ้างไปกับจำเลย ในระหว่างทางจำเลยได้พูดข่มขืนใจผู้เสียหายให้มอบเงินให้แก่จำเลย ถ้าไม่ให้เงินจำเลยจะเอาตัวส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยได้ค้นลักเงินของผู้เสียหายไป 120 บาท ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบทคือ มาตรา 148, 310, 334 ประมวลกฎหมายอาญา
การข่มขืนใจเพียงเพื่อให้มอบให้แม้แต่ยังมิได้มอบทรัพย์สินให้แก่กัน ก็เป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว
จำเลยเป็นพลตำรวจพูดว่า ถ้าผู้เสียหายไม่มอบเงินให้จำเลย ๆ จะอาตัวส่งสถานีตำรวจในข้อหาฐานเล่นการพนันไม่ได้รับอนุญาต เพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่เป็นการขู่เข็ญที่จะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ตาม มาตรา 339
การข่มขืนใจเพียงเพื่อให้มอบให้แม้แต่ยังมิได้มอบทรัพย์สินให้แก่กัน ก็เป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว
จำเลยเป็นพลตำรวจพูดว่า ถ้าผู้เสียหายไม่มอบเงินให้จำเลย ๆ จะอาตัวส่งสถานีตำรวจในข้อหาฐานเล่นการพนันไม่ได้รับอนุญาต เพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่เป็นการขู่เข็ญที่จะใช้กำลังประทุษร้ายอันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ตาม มาตรา 339
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์: การขอทดลองขี่ม้าแล้วหลบหนี ถือเป็นการแสดงเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ ซึ่งความจริงแล้ววันขึ้น13ค่ำเดือนยี่ ตรงกับวันที่ 2 มกราคม2501 ตามที่จำเลยให้การและลำดับเหตุการณ์ในวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2501 เป็นการเจือสมกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นแต่นำสืบปฏิเสธต่อสู้ปัดความรับผิดเท่านั้น จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์: การกระทำโดยทุจริตตั้งแต่แรก แม้มีการอ้างขอซื้อหรือลองขี่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดวันขึ้น 13 ค่ำเดือนยี่ ซึ่งความจริงแล้ววันขึ้น 13 ค่ำเดือนยี่ ตรงกับวันที่ 2 มกราคม 2501 ตามที่จำเลยให้การและลำดับเหตุการณ์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 เป็นการเจือสมกับการกระทำที่โจทก์ฟ้อง จำเลยเป็นแต่นำสืบปฏิเสธต่อสู้ปัดความรับผิดเท่านั้น จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า ๆ ยังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเอง พวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้ จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า ๆ ยังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเอง พวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้ จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาและย้ายซ่อนเร้นศพ โดยพิจารณาความร่วมมือและเจตนาของผู้กระทำ
ขณะนายไปล่ผู้ตายกับนายไสวจำเลยทุ่มเถียงกันจนนายไปล่ผู้ตายเตะปากนายไสวจำเลยไปทีหนึ่ง นายไสวจำเลยคว้าไม้ตะพดตีนายไปล่ถูกแถวต้นคอทันที นายไปล่ยังไม่ทันทำอะไรต่อไป นายแหวนจำเลยอยู่ที่บ้านของตนเห็นนายไสวจำเลยซึ่งเป็นน้องชายถูกนายไปล่เตะปาก จึงพลอยเจ็บแค้น วิ่งมาเตะนายไปล่ มิได้คบคิดกันมาก่อนแต่อย่างใด นายไปล่ตายเพราะถูกตีคอหัก ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองนี้ได้ร่วมกันกระทำร้ายนายไปล่ ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่จำเลยต่างคนต่างทำใครทำเท่าไหร่ ก็ผิดเท่านั้น ความตายของนายไปล่เป็นผลจากการกระทำของนายไสวจำเลย นายไสวจำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา ส่วนนายแหวนจำเลยผิดเพียงฐานกระทำให้นายไปล่ได้รับอันตรายแก่กาย
ส่วนตอนที่จำเลยทั้งสองช่วยกันหามนายไปล่ผู้ตายไปทิ้งน้ำต่อไปนั้น เป็นการกระทำต่อศพนายไปล่ เป็นเหตุการณ์ต่างหากอีกตอนหนึ่ง และตอนนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานย้ายและซ่อนเร้นศพ เพื่อปกปิดการตายและเหตุแห่งการตายของนายไปล่
ส่วนตอนที่จำเลยทั้งสองช่วยกันหามนายไปล่ผู้ตายไปทิ้งน้ำต่อไปนั้น เป็นการกระทำต่อศพนายไปล่ เป็นเหตุการณ์ต่างหากอีกตอนหนึ่ง และตอนนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานย้ายและซ่อนเร้นศพ เพื่อปกปิดการตายและเหตุแห่งการตายของนายไปล่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีซื้อขาย: 'หินอัด' ไม่ใช่เพชรพลอย ไม่ต้องเสียภาษี
ซินเธติคสโตน ตามภาษาตลาดเรียกว่า พลอยเทียมหรือหินอัด เป็นวัตถุผสมโดยทางวิทยาศาสตร์แล้วหลอมเป็นก้อนบ้าง เป็นแท่งบ้าง ไม่มีเงา ไม่มีแสงเหมือนเพชรพลอย จะต้องนำไปเจียรไนตบแต่งเสียก่อน จึงจะมีลักษณะเหมือนพลอยและใช้ทำเครื่องประดับกาย หรือทำของอย่างอื่นได้ เช่น ใช้ต่างทับทิมรองรับตัวจักรนาฬิกาข้อมือเป็นต้น จึงไม่ใช่เพชรพลอยตามความในบัญชีอัตราการซื้อในโภคภัณฑ์ประเภทที่ 1 ข. ท้ายลักษณะ 4 แห่งประมวลรัษฎากรฉบับก่อนเมื่อยังมิได้แก้ไขโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2501 มาตรา 5