คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วุฒิศักดิ์เนตินาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงทำแผนที่เพื่อพิสูจน์สิทธิในที่ดิน หากผลไม่เป็นไปตามตกลง ฝ่ายที่ผิดสัญญาต้องแพ้คดี
ท้ากันให้พนักงานป่าไม้ชี้ที่พิพาท ถ้าเป็นป่าสงวน โจทก์ยอมแพ้ถ้าไม่เป็นป่าสงวน จำเลยยอมแพ้ ทางราชการแจ้งว่าการสงวนป่ารายนี้ทางราชการสั่งระงับแล้ว ดังนี้จำเลยต้องแพ้ ศาลพิพากษาขับไล่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมาว่าความ: ค่าจ้างต้องจ่ายเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุด แม้วิธีการสิ้นสุดคดี
ข้อความในสัญญาจ้างว่าความตอนหนึ่งมีความชัดเจนว่า "ค่าจ้างทั้งสิ้นเป็นเงิน 9,000 บาท จ่ายเป็น 3 งวด ๆ ที่ 1 จ่าย 3,000 บาท หลังวันทำสัญญา 7 วัน งวดที่ 2 จ่ายในระหว่างคดี 3,000 บาท งวดที่ 3 อีก 3,000 บาท เมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดเป็นอันหมดเงินค่าจ้าง " ข้อความแห่งสัญญาดังกล่าวเป็นการจ้างเหมาทั้งหมด เมื่อโจทก์ว่าความให้แก่จำเลยจนคดีเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว แม้จะถึงที่สุดโดยวิธีใดที่ศาลใดก็ตามจำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เต็มตามจำนวนที่กล่าวไว้ในสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมาว่าความ: ค่าจ้างต้องจ่ายเมื่อคดีถึงที่สุด แม้ด้วยวิธีใดก็ตาม
ข้อความในสัญญาจ้างว่าความตอนหนึ่งมีความชัดเจนว่า"ค่าจ้างทั้งสิ้นเป็นเงิน 9,000 บาท จ่ายเป็น 3 งวดๆ ที่ 1 จ่าย 3,000 บาท หลังวันทำสัญญา 7 วัน งวดที่ 2 จ่ายในระหว่างคดี 3,000 บาท งวดที่ 3 อีก3,000 บาท เมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดเป็นอันหมดเงินค่าจ้าง" ข้อความแห่งสัญญาดังกล่าวเป็นการจ้างเหมาทั้งหมดเมื่อโจทก์ว่าความให้แก่จำเลยจนคดีเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้วแม้จะถึงที่สุดโดยวิธีใดที่ศาลใดก็ตามจำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์เต็มตามจำนวนที่กล่าวไว้ในสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารซื้อเชื่อที่ไม่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุความหนี้ค่าซื้อเชื่อผ้า 2 ปี ไม่ถือเป็นหนี้เพื่ออุตสาหกรรม
เอกสารที่ไม่ระบุชื่อหรือยี่ห้อผู้รับเงิน ไม่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน จะละไว้ในฐานที่เข้าใจไม่ได้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสดุดหยุดลง แต่ไม่เปลี่ยนสภาพของหนี้ ไม่ทำให้กำหนดอายุความเปลี่ยนไป
หนี้ค่าซื้อของที่พ่อค้าขายเชื่อให้พ่อค้าไปขายต่อไปมีอายุความ 2 ปีไม่ใช่เพื่ออุตสาหกรรมของลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยสุจริตและเจตนาเป็นเจ้าของ การพิสูจน์ภาระการนำสืบของผู้ถูกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินมีโฉนดมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน จำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้สิทธิมาโดยการครอบครอง โจทก์ได้รับโอนโดยไม่สุจริต เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: โจทก์ซื้อโดยสุจริต จำเลยต้องพิสูจน์การครอบครองปรปักษ์
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับโอนที่ดินมีโฉนดมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน จำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้สิทธิมาโดยการครอบครอง โจทก์ได้รับโอนโดยไม่สุจริต เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าโจทก์ได้รับโอนมาโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีแพ่งต้องพิจารณาประเด็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้ตัดสินในคดีอาญา
ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านเหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้นศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีแพ่งต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน แม้มีคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง
ในคดีอาญาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกโดยจำเลยขึงลวดหนามรุกล้ำเข้าไปในบริเวณที่ดินบางส่วนของโจทก์ต่อมาโจทก์มาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยบุกรุกและให้ออกจากที่ดินส่วนเลยขึ้นไปทางด้านหนืออีก ซึ่งในคดีอาญาเดิมนั้น ศาลฎีกายังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือ เช่นนี้ ศาลจะงดสืบพยานทั้งสองฝ่าย โดยถือเอาข้อเท็จจริงในสำนวนคดีอาญาและเอกสารที่คู่ความส่งอ้างในคดีแพ่งเท่านั้นมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งหาเพียงพอไม่ เพราะในคดีอาญาศาลยังมิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินพิพาทส่วนที่เลยขึ้นไปทางด้านเหนือนั้นเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057-1058/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินโดยผู้ซื้อทราบว่ามีผู้อื่นครอบครองก่อน การฟ้องขับไล่ทำไม่ได้
ผู้ที่ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิแล้วมีการรังวัด จึงปรากฏว่าที่ดินส่วนหนึ่งมีคนครอบครองมาเกิน 10 ปีได้กรรมสิทธิ์ทั้งก่อนที่จะซื้อที่ดินแปลงนั้นตนก็รู้ว่าเขาครอบครองที่ดินส่วนนั้นอยู่ ดังนี้ ถือว่า ผู้ซื้อซื้อไว้โดยไม่สุจริต จึงหามีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้ที่ครอบครองที่ดินส่วนนั้นจนได้กรรมสิทธิ์แล้วไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057-1058/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินโดยผู้ขายรู้ว่ามีผู้อื่นครอบครองก่อนแล้ว ทำให้ผู้ซื้อไม่สุจริต และไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
ผู้ที่ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนสิทธิแล้วมีการรังวัด จึงปรากฎว่าที่ดินส่วนหนึ่งมีคนครอบครองมาเกิน 10 ปีได้กรรมสิทธิ์ทั้งก่อนที่จะซื้อที่ดินแปลงนั้นตนก็รู้ว่าเขาครอบครองที่ดินส่วนนั้นอยู่ ดังนี้ ถือว่า ผู้ซื้อซื้อไว้โดยไม่สุจริต จึงหามีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้ที่ครอบครองที่ดินส่วนนั้นจนได้กรรมสิทธิแล้วไม่
of 8