พบผลลัพธ์ทั้งหมด 101 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผูกพันตาม พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แม้ไม่ฟ้องอาญา ก็ดำเนินคดีแพ่งได้
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัย พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ฯ โดยกล่าวว่า จำเลยได้เข้าไปทำสัญญาผูกพันตนต่อเจ้าพนักงานแลกเปลี่ยนเงิน โดยรับรองขายเงินตราต่างประเทศให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากจำเลยได้ขอและรับอนุญาตให้ส่งสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตออกนอกราชอาณาจักร เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันนั้นแม้โจทก์จะมิได้ดำเนินคดีอาญาตามที่ พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ฯ บัญญัติโทษไว้ ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะดำเนินคดีทางแพ่งแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผูกพันตามสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศกับธนาคารแห่งประเทศไทย แม้ไม่ฟ้องอาญา ก็ดำเนินคดีแพ่งได้
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัย พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินฯโดยกล่าวว่าจำเลยได้เข้าทำสัญญาผูกพันตนต่อเจ้าพนักงานแลกเปลี่ยนเงิน โดยรับรองขายเงินตราต่างประเทศให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากจำเลยได้ขอและรับอนุญาตให้ส่งสินค้าที่ต้องมีใบอนุญาตออกนอกราชอาณาจักร เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันนั้น แม้โจทก์จะมิได้ดำเนินคดีอาญาตามที่ พระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินฯบัญญัติโทษไว้ ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะดำเนินคดีทางแพ่งแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญาเกินอัตราโทษประมวลกฎหมายอาญา ศาลไม่สั่งกำหนดโทษใหม่
คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว จำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา เป็นอัตราโทษหนักกว่าประมวลกฎหมายอาญา นั้น เป็นกรณีไม่เข้าอยู่ใน มาตรา3(1) ประมวลกฎหมายอาญาที่ศาลจะกำหนดโทษเสียใหม่หรือจะปล่อยจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษทางอาญา: ศาลไม่สามารถลดโทษหรือปล่อยตัวจำเลยได้ตามมาตรา 3(1) ป.อาญา
คดีอาญาถึงที่สุด จำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา เป็นอัตราโทษหนักว่าประมวลกฎหมายอาญานั้น เป็นกรณีไม่เข้าอยู่ใน มาตรา 3(1) ประมวลกฎหมายอาญาที่ศาลจะกำหนดโทษเสียใหม่ หรือจะปล่อยจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ความผิดฐานเบียดบังทรัพย์: คำว่า 'โดยทุจริต' ไม่จำเป็นต้องระบุชัด ฟ้องสมบูรณ์ได้หากบรรยายพฤติการณ์แสดงเจตนาแสวงหาประโยชน์มิชอบ
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ในหน้าที่ เพียงแต่การที่โจทก์มิได้ระบุคำว่า "โดยทุจริต" ไว้ในคำฟ้อง หาทำให้กลายเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ เสมอไปไม่เพราะถ้าโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิดมาในฟ้องประกอบด้วยข้อความอื่น ๆ ที่กฎหมายต้องการแล้ว ฟ้องนั้นก็สมบูรณ์
เรื่องนี้โจทก์บรรยายในฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวอ้างในฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจเบียดบังเงินของทางราชการ ฯลฯ ไป ย่อมแสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะของการกระทำโดยทุจริตของจำเลยแล้ว เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)
เรื่องนี้โจทก์บรรยายในฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวอ้างในฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจเบียดบังเงินของทางราชการ ฯลฯ ไป ย่อมแสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะของการกระทำโดยทุจริตของจำเลยแล้ว เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบฟ้องฐานเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: การบรรยายลักษณะทุจริตโดยไม่ต้องระบุคำว่า 'โดยทุจริต'
โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยในข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ในหน้าที่ เพียงแต่การที่โจทก์มิได้ระบุคำว่า"โดยทุจริต" ไว้ในคำฟ้อง หาทำให้กลายเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์เสมอไปไม่ เพราะถ้าโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิดมาในฟ้องประกอบด้วยข้อความอื่นๆ ที่กฎหมายต้องการแล้วฟ้องนั้นก็สมบูรณ์
เรื่องนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวอ้างในฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจ เบียดบังเงินของทางราชการ ฯลฯ ไป ย่อมแสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะของการกระทำโดยทุจริตของจำเลยแล้วเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)
เรื่องนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยกระทำการเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะประโยคที่กล่าวอ้างในฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจ เบียดบังเงินของทางราชการ ฯลฯ ไป ย่อมแสดงให้เห็นชัดถึงลักษณะของการกระทำโดยทุจริตของจำเลยแล้วเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ การกระทำครบองค์ประกอบความผิด
จำเลยกับพวกได้ตัดกุญแจตู้ใส่ผ้า และได้เอาผ้าออกจากตู้มาแล้ว ครั้นแบกผ้าลงจากตึกก็ถูกจับเสีย ดังนี้ เป็นการลักทรัพย์ที่บรรลุผลสำเร็จแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์บรรลุผลสำเร็จ: การกระทำครบองค์ประกอบแล้ว แม้ถูกจับระหว่างขนย้าย
จำเลยกับพวกได้ตัดกุญแจตู้ใส่ผ้า และได้เอาผ้าออกจากตู้มาแล้ว ครั้นแบกผ้าลงจากตึกก็ถูกจับเสีย ดังนี้ เป็นการลักทรัพย์ที่บรรลุผลสำเร็จแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ผู้อื่นสัญญาว่าจะส่งทรัพย์โดยข่มขู่ว่าจะฟ้องดำเนินคดี
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้น จะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 303 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ยก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่าจำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692-693/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดฐานกรรโชก: การบังคับให้ส่งทรัพย์โดยขู่ฟ้องร้อง
กล่าวฟ้องใจความว่า จำเลยบังคับให้ผู้เสียหายสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ มิฉะนั้นจะดำเนินการฟ้องร้องให้ได้รับโทษ เช่นนี้อาจเป็นผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.303 และประมวลกฎหมายอาญา ม.337 หรือไม่ก็ได้ แล้วแต่พฤติการณ์ ของรูปคดี ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องจำเลยพูดไกล่เกลี่ย ก็ไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ถ้าพ้นเขตของการไกล่เกลี่ยโดยเป็นไปในทางบังคับให้เขาสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ให้ ถ้าไม่ส่งจะดำเนินคดี เช่นนี้ เป็นการขู่เข็ญขืนใจโดยชัด ย่อมเป็นผิดฐานกรรโชก แม้ว่า จำเลยมีสิทธิตามกฎหมายในการจะฟ้องเรียกเงินจากผู้เสียหายก็ตาม หรือแม้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดี และจำเลยบังคับผู้เสียหายเช่นกล่าวข้างต้นจนพ้นเขตของการไกล่เกลี่ย และการที่ผู้เสียหายต้องสัญญาว่าจะส่งทรัพย์ก็เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง เพราะถูกขู่เข็ญขืนใจก็เป็นผิดฐานกรรโชกด้วย