พบผลลัพธ์ทั้งหมด 472 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีนายหน้า: การกระทำโดยไม่เป็นผู้ค้า ทำให้ใช้ อายุความ 10 ปี
โจทก์ใช้เวลาว่างจากการงานประจำมาทำการเป็นนายหน้าหารายได้ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้ค้าในการนั้น การฟ้องเรียกค่านายหน้าในกรณีเช่นว่านี้ มีอายุความ 10 ปีไม่ใช่ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีนายหน้า: หากเป็นงานชั่วคราว ไม่ถือเป็นผู้ค้า ใช้อายุความ 10 ปี
โจทก์ใช้เวลาว่างจากการงานประจำมาทำการเป็นนายหน้าหารายได้ชั่วครั้งชั่วคราวไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้ค้าในการนั้นการฟ้องเรียกค่านายหน้าในกรณีเช่นว่านี้ มีอายุความ 10 ปี ไม่ใช่ 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส สินเดิม การบอกล้างนิติกรรมขายฝาก ศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์ได้
คดีร้องขอให้ถอนการยึด โจทก์มิได้ต่อสู้คดีว่าผู้ร้องปล่อยให้จำเลยแสดงว่ามีอำนาจขายทรัพย์ที่พิพาทข้อนี้ย่อมอยู่นอกประเด็นศาลยกขึ้นวินิจฉัยไม่ได้
แต่ถ้าได้ความว่า ทรัพย์นั้นเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิมาขอให้ปล่อยทรัพย์ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้โจทก์ต่อสู้เพียงว่าทรัพย์เป็นของจำเลย มิได้ต่อสู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้ใดอื่นก็ตาม
คำพิพากษาให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ที่จำเลยขายฝากแก่โจทก์ไม่ผูกพันสามีจำเลยที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ นิติกรรมเป็นโมฆียะ ซึ่งสามีได้บอกล้างแล้ว ให้ถอนการยึด
การบอกล้างนิติกรรม ทำเป็นหนังสือถึงคู่กรณี แต่คู่กรณีนั้นไม่อยู่จึงให้คนในร้านรับไว้แทน ถือว่าบอกล้างโดยชอบแล้ว
แต่ถ้าได้ความว่า ทรัพย์นั้นเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิมาขอให้ปล่อยทรัพย์ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ แม้โจทก์ต่อสู้เพียงว่าทรัพย์เป็นของจำเลย มิได้ต่อสู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของผู้ใดอื่นก็ตาม
คำพิพากษาให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ที่จำเลยขายฝากแก่โจทก์ไม่ผูกพันสามีจำเลยที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ นิติกรรมเป็นโมฆียะ ซึ่งสามีได้บอกล้างแล้ว ให้ถอนการยึด
การบอกล้างนิติกรรม ทำเป็นหนังสือถึงคู่กรณี แต่คู่กรณีนั้นไม่อยู่จึงให้คนในร้านรับไว้แทน ถือว่าบอกล้างโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111-114/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และการสิ้นสิทธิการครอบครองเมื่อยินยอมออกไป แม้มีการเช่าก่อนหน้า
ฟ้องขับไล่ อ้างว่าจำเลยปลูกโรงโกดังในบริเวณที่ดินของโจทก์ เพื่อใช้เป็นที่ประกอบการค้า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ บอกกล่าวให้รื้อไปใน 60 วัน จำเลยให้ความยินยอมไว้ตามหนังสือยินยอมดังนี้ถือว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์อยู่ที่ว่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่จนบอกกล่าวและจำเลยก็ยอมออกไปโดยทำหนังสือยินยอมออกไปให้ไว้
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่าหากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่าหากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111-114/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าหลังยินยอมออก และการพิสูจน์ฐานะการเข้าครอบครองที่ดิน
ฟ้องขับไล่ อ้างว่าจำเลยปลูกโรงโกดังในบริเวณที่ดินของโจทก์ เพื่อใช้เป็นที่ประกอบการค้า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ บอกกล่าวให้รื้อไปใน 60 วัน จำเลยให้ความยินยอมไว้ตามหนังสือยินยอมดังนี้ ถือว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย โดยข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์อยู่ที่ว่า โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ จนบอกกล่าวและจำเลยก็ยอมออกไปโดยทำหนังสือยินยอมออกไปให้ไว้
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่า หากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าเป็นการเช่า หากจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมออกจากที่โจทก์แล้ว จำเลยก็ย่อมหมดสิทธิที่จะอยู่ต่อไป
ฟ้องว่า จำเลยเข้าปลูกสร้างโดยอาศัย ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องเช่า ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินโดยหน้าที่ธรรมจรรยา: สิทธิในการถอนคืนเมื่อมีเหตุเนรคุณ
มารดายกที่ดินและห้องทั้งหมดให้โจทก์ผู้เป็นบุตรและสั่งให้แบ่งที่ดินและห้องบางส่วนให้จำเลยซึ่งเป็นหลานด้วยโจทก์ก็แบ่งยกให้ตามที่มารดาสั่งดังนี้ถือว่าเป็นการยกให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาโจทก์จะถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินโดยหน้าที่ธรรมจรรยาและการถอนคืนเนื่องจากเนรคุณ
มารดายกที่ดินและห้องทั้งหมดให้โจทก์ผู้เป็นบุตรและสั่งให้แบ่งที่ดินและห้องบางส่วนให้จำเลยซึ่งเป็นหลานด้วย โจทก์ก็แบ่งยกให้ตามที่มารดาสั่ง ดังนี้ถือว่าเป็นการยกให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาโจทก์จะถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมรู้ร่วมคิดชิงทรัพย์: ผู้สมรู้ต้องรับผิดร่วมคืนทรัพย์สิน
ผู้ที่มีผิดแม้เพียงฐานสมรู้ ก็ต้องร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์กับผู้ที่มีผิดฐานเป็นตัวการด้วยเหมือนกัน
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา ม.339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยกว่า ก.ม. ลักษณะอาญา ม.298 และ 65.
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา ม.339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยกว่า ก.ม. ลักษณะอาญา ม.298 และ 65.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมรู้ร่วมคิดชิงทรัพย์: ผู้สมรู้ต้องรับผิดร่วมกับตัวการในการคืนทรัพย์
ผู้ที่มีผิดแม้เพียงฐานสมรู้ ก็ต้องร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์กับผู้ที่มีผิดฐานเป็นตัวการด้วยเหมือนกัน
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298 และ 65
ความผิดฐานสมรู้ในการชิงทรัพย์ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และ 86 เพราะเป็นบทกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298 และ 65
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนา, การป้องกันตัว, และเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1,2 ฝ่ายหนึ่งสมคบกันใช้ปืนและหอกทำร้ายผู้ตายและจำเลยที่ 3 โดยเจตนาฆ่า จำเลยที่ 3 กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งสมคบกันใช้กำลังกายและมีดทำร้ายจำเลยที่ 1 และ 2 ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ใช้หอกแทงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา.