คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สารนัยประสาสน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 186 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเลี้ยงดูจากสัญญาประนีประนอมยอมความกับการเปลี่ยนแปลงค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับบุตร
คำฟ้องเดิมของโจทก์เรียกร้องค่าเลี้ยงดูเฉพาะตัวโจทก์เองเท่านั้น การที่โจทก์ร้องขอให้เพิ่มค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกจึงต้องเป็นเรื่องสืบเนื่องโดยตรงจากคำฟ้องเดิมของโจทก์นั้นเอง จะยกเอาประเด็นใหม่ขึ้นมาประกอบ อาทิเรื่องความจำเป็นเกี่ยวแก่การศึกษาของบุตรอีกด้วย เช่นนี้ ไม่ได้ เพราะค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับตัวโจทก์เองโดยเฉพาะในฐานะที่เคยเป็นภรรยา กับค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับบุตรเป็นคนละเรื่องคนละประเด็น และอาศัยหลักกฎหมายต่างกัน
แม้ในคำร้องของโจทก์ ที่ขอค่าอุปการะเลี้ยงดูเพิ่มขึ้น จะได้กล่าวอ้างถึงเรื่องบุตรตลอดจนไม่มีเงินค่าเล่าเรียนให้แก่บุตรและศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉันกล่าวอ้างถึงเช่นนั้น และฝ่ายจำเลยจะไม่โต้แย้งด้วยก็ตาม แต่เมื่อไม่ใช่ประเด็น ศาลฎีกาก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงความข้อนี้
เมื่อเงินค่าเลี้ยงดูที่โจทก์ได้รับอยู่เป็นผลสืบเนื่องมาจากนิติกรรมโดยศาลบังคับให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งได้กระทำไว้ต่อกันในวันจดทะเบียนหย่านั้น ย่อมไม่ใช่เป็นเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูที่ศาลกำหนดให้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1506 และ มาตรา 1594 วรรค 2 คำว่า "ค่าเลี้ยงดู" กับ " ค่าอุปการะเลี้ยงดู" นั้นมีความหมายอย่างเดียวกัน แต่เหตุแห่งการได้มาซึ่งค่าเลี้ยงดูหรือค่าอุปการะเลี้ยงดูสำหรับภรรยานั่นแหละ เป็นสาระสำคัญที่ก่อให้เกิดผลแตกต่างกันขึ้นได้
ตามมาตรา 1506 นั้น ศาลจะต้องพิจารณาเห็นว่า สามีเป็นผู้ผิดแต่ฝ่ายเดียว หากตรงข้ามภรรยาเป็นฝ่ายผิดแล้ว ศาลจะให้สามีจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่ภรรยาก็ไม่ได้ กรณีที่ศาลกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูให้แก่ภรรยาตามมาตรานี้ จึงเป็นไปตาม มาตรา 1594 นั้นด้วย ซึ่งเป็นกำหนดตามที่ศาลพิจารณาเห็นสมควร ในวาระหนึ่งต่อมา เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลจึงมีอำนาจที่จะส่งให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตาม ควรแก่กรณี โดยอาศัย มาตรา 1596 นั้น
เมื่อโจทก์ได้รับสิทธิ (เกี่ยวกับค่าเลี้ยงดู) ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลก็ไม่ต้องคำนึงถึงความผิดความถูกของฝ่ายใด จำนวนเงินมากหรือน้อยไปเพียงใด กรณีมิได้เป็นไปตาม มาตรา 1506 และ 1594 จึงจะยกเอา มาตรา 1596 ขึ้นมาปรับแก่คดีไม่ได้ เมื่อศาลบังคับคดีให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวและคดีถึงที่สุดไปแล้ว ข้อพิพาททั้งมวลก็ต้องยุติไปตามนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินก่อนมีกฎหมายใหม่ ไม่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย จึงไม่ความผิดทางอาญา
เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา ก็ต้องให้ได้ความว่ามีเจตนาบังอาจหรือจงใจฝ่าฝืน มาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จึงจะลงโทษตาม มาตรา 108 ได้
ที่ดินพิพาทได้ซื้อขายกันมาหลายทอดจนถึงจำเลย และจำเลยได้เข้ายึดถือครอบครองอยู่ก่อนที่ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติว่าเป็นความผิด ทั้งจำเลยเคยได้แจ้งการครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้แล้วด้วย ย่อมลงโทษจำเลยในทางอาญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฝ่าฝืนกฎหมายที่ดินเป็นสำคัญในการลงโทษทางอาญา การครอบครองก่อนมีกฎหมายไม่ผิด
เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญา ก็ต้องให้ได้ความว่ามีเจตนาบังอาจหรือจงใจฝ่าฝืนมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จึงจะลงโทษตาม มาตรา 108 ได้
ที่ดินพิพาทได้ซื้อขายกันมาหลายทอดจนถึงจำเลย และจำเลยได้เข้ายึดถือครอบครองอยู่ก่อนที่ประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติว่าเป็นความผิด ทั้งจำเลยเคยได้แจ้งการครอบครองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้แล้วด้วย ย่อมลงโทษจำเลยในทางอาญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้อุทิศทรัพย์สินให้มูลนิธิ กรณีถูกยักยอกและทำให้มูลนิธิเลิกกิจการ
ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยซึ่งเป็นกรรมการมูลนิธิยักยอกทรัพย์ ร้องเรียนเท็จและเบิกความเท็จ โดยกล่าวในฟ้องว่า โจทก์ได้อุทิศที่ดินที่ได้รับมรดกมาให้เป็นทรัพย์กองกลางพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างและดอกผลสำหรับบำรุงสุสานในตระกูลโจทก์ ต่อมาได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิจนได้รับอำนาจจากรัฐบาลแล้ว ที่ดินสิ่งปลูกสร้างและดอกผลที่โจทก์อุทิศจึงตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้น จำเลยซึ่งเป็นกรรมการมูลนิธิได้ยักยอกเอาที่ดินแปลงนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย และจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเลิกมูลนิธิดังกล่าว โดยเอาความเท็จมาร้องเรียนว่ามูลนิธิไม่มีทรัพย์สินใดจะใช้เป็นทุนดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้ ความจริงทรัพย์ของมูลนิธิยังมีอยู่ และจำเลยได้เบิกความเท็จว่า มูลนิธิไม่มีทรัพย์สินใดจะใช้เป็นทุนดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้ ขอให้ลงโทษ เช่นนี้ ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้องของโจทก์ ถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายตามความใน มาตรา 2(4) และมีอำนาจฟ้องคดีได้ตามมาตรา 28 (2) แห่ง ป.วิ.อ. แล้ว เพราะตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ทรัพย์สินย่อมตกเป็นของมูลนิธิแล้วนั้น โจทก์ได้วงเล็บ ป.พ.พ. มาตรา 87 มาในฟ้องด้วย แสดงให้เห็นว่า เป็นความเข้าใจของโจทก์ในข้อกฎหมาย เกี่ยวกับมาตรา 87 แพ่ง ป.พ.พ. ไม่ใช่ข้อยืนยันของโจทก์ จะถือเป็นยุติตามที่โจทก์เข้าใจในข้อกฎหมายดังที่กล่าวมาในฟ้องเสียทีเดียวหาชอบไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อโจทก์โอนโฉนด ให้เป็นในนามของนายประสพกับพวกถือกรรมสิทธิ์ตามหน้าโฉนด ก็ยังหาได้มีการโอนโฉนด ใส่ชื่อมูลนิธิไม่
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2502

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้อุทิศทรัพย์สินให้มูลนิธิ กรณีถูกยักยอกและทำให้มูลนิธิเลิก
ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยซึ่งเป็นกรรมการมูลนิธิยักยอกทรัพย์ ร้องเรียนเท็จและเบิกความเท็จ โดยกล่าวในฟ้องว่า โจทก์ได้อุทิศที่ดินที่ได้รับมรดกมาให้เป็นทรัพย์กองกลางพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างและดอกผลสำหรับบำรุงสุสานในตระกูลโจทก์ ต่อมาได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิจนได้รับอำนาจจากรัฐบาลแล้ว ที่ดินสิ่งปลูกสร้างและดอกผลที่โจทก์อุทิศจึงตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้น จำเลยซึ่งเป็นกรรมการมูลนิธิได้ยักยอกเอาที่ดินแปลงนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย และจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งเลิกมูลนิธิดังกล่าว โดยเอาความเท็จมาร้องเรียนว่ามูลนิธิไม่มีทรัพย์สินใดจะใช้เป็นทุนดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้ ความจริงทรัพย์ของมูลนิธิยังมีอยู่ และจำเลยได้เบิกความเท็จว่า มูลนิธิไม่มีทรัพย์สินใดจะใช้เป็นทุนดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้ ขอให้ลงโทษ เช่นนี้ในชั้นพิจารณาอำนาจฟ้องของโจทก์ ถือได้ว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายตามความใน มาตรา 2(4) และมีอำนาจฟ้องคดีได้ตาม มาตรา 28(2) แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้ว เพราะตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ทรัพย์สินย่อมตกเป็นของมูลนิธิแล้วนั้น โจทก์ได้วงเล็บ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 87 มาในฟ้องด้วย แสดงให้เห็นว่า เป็นความเข้าใจของโจทก์ในข้อกฎหมายเกี่ยวกับมาตรา87 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่ใช่ข้อยืนยันของโจทก์ จะถือเป็นยุติตามที่โจทก์เข้าใจในข้อกฎหมายดังที่กล่าวมาในฟ้องเสียทีเดียวหาชอบไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อโจทก์โอนโฉนดให้เป็นในนามของนายประสพกับพวกถือกรรมสิทธิ์ตามหน้าโฉนดก็ยังหาได้มีการโอนโฉนดใส่ชื่อมูลนิธิไม่(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าใหม่ย่อมตัดสิทธิบริวารเดิม แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วน
แม้เดิมนายเซ่งกั้วจะอยู่ในตึกพิพาทระหว่างอายุสัญญาเช่าที่ห้างหุ้นส่วนจำเลยได้ทำกับโจทก์ โดยนายเซ่งกั้วเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ อันเป็นการอยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยมาก่อนก็ตาม แต่เมื่อห้างหุ้นส่วนจำเลยเลิกกิจการตามวัตถุประสงค์แห่งการเช่าและกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าที่ผูกพันห้างหุ้นส่วนจำเลยหมดไปแล้ว แม้ถึงว่าห้างหุ้นส่วนจำเลยจะยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนตามกฎหมายก็ดี หากโจทก์ได้ตกลงให้นายเซ่งกั้วเช่าแม้ด้วยวาจาและนายเซ่งกั้วเปิดห้องพิพาทเป็นร้านขายอาหารชื่อพัฒนาหาร และทั้งโจทก์ก็ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าเป็นรับเงินจากร้านพัฒนาหาร ไม่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำเลยตามวัตถุประสงค์เดิมแต่อย่างใดเลย เช่นนี้ เป็นการตกลงกันใหม่ ระหว่างโจทก์กับนายเซ่งกั้วเจ้าของกิจการร้านพัฒนาหารแล้ว นายเซ่งกั้วจึงไม่ใช่บริวารของห้างหุ้นส่วนจำเลยเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงสถานะจากบริวารเป็นผู้เช่ารายใหม่หลังเลิกสัญญาเดิม ทำให้สิทธิในการบังคับคดีต่างกัน
แม้เดิมนายเซ่งกั้วจะอยู่ในตึกพิพาทระหว่างอายุสัญญาเช่าที่ห้างหุ้นส่วนจำเลยได้ทำกับโจทก์ โดยนายเซ่งกั้วเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ อันเป็นการอยู่ในฐานะเป็นบริวารของจำเลยมาก่อนก็ตาม แต่เมื่อห้างหุ้นส่วนจำเลยเลิกกิจการตามวัตถุประสงค์แห่งการเช่าและกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าที่ผูกพันห้างหุ้นส่วนจำเลยหมดไปแล้ว แม้ถึงว่าห้างหุ้นส่วนจำเลยจะยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนตามกฎหมายก็ดี หากโจทก์ได้ตกลงให้นายเซ่งกั้วเช่าแม้ด้วยวาจา และนายเซ่งกั้วเปิดห้องพิพาทเป็นร้านขายอาหารชื่อพัฒนาหาร และทั้งโจทก์ก็ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่าเป็นรับเงินจากร้านพัฒนาหาร ไม่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำเลยตามวัตถุประสงค์เดิมแต่อย่างใดเลย เช่นนี้ เป็นการตกลงกันใหม่ ระหว่างโจทก์กับนายเซ่งกั้ว เจ้าของกิจการร้านพัฒนาหารแล้ว นายเซ่งกั้วจึงไม่ใช่บริวารของห้างหุ้นส่วนจำเลยเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ค้ำประกัน: การพิสูจน์ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และหน้าที่ของเจ้าหนี้ในการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน
ป.พ.พ. มาตรา 689 บัญญัติให้เป็นคุณแก่ผู้ค้ำประกัน ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่า ลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยากด้วยเช่นนี้ เจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน ถ้าผู้ค้ำประกันพิสูจน์ไม่ได้ดังกล่าว และโจทก์นำสืบได้ว่า โจทก์ได้สืบเสาะหาทรัพย์ที่จะเอาชำระหนี้ จากลูกหนี้ที่ไหนก็ไม่ได้ เช่นนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 689

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ค้ำประกันตามมาตรา 689: การพิสูจน์ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 689 บัญญัติให้เป็นคุณแก่ผู้ค้ำประกันในกรณีที่ผู้ค้ำประกันพิสูจน์ได้ว่า ลูกหนี้มีทางที่จะชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยากด้วยเช่นนี้ เจ้าหนี้จะต้องบังคับการชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน ถ้าผู้ค้ำประกันพิสูจน์ไม่ได้ดังกล่าว และโจทก์นำสืบได้ว่า โจทก์ได้สืบเสาะหาทรัพย์ที่จะเอาชำระหนี้จากลูกหนี้ที่ไหนก็ไม่ได้ เช่นนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 689

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามปล้นทรัพย์ แม้ยังไม่ทันได้ทรัพย์ ก็ถือเป็นความผิดสำเร็จได้ตามกฎหมาย
ในความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์นั้น แม้จำเลยจะยังไม่ทันได้รับหรือแตะต้องทรัพย์เลย ก็เข้าขั้นพยายามปล้นทรัพย์ตามกฎหมายได้
of 19