คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 4 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาฟ้องคดี: ถิ่นที่อยู่หลายแห่ง โจทก์เลือกยื่นฟ้องได้ หากยังไม่ได้ย้ายภูมิลำเนาจริง
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดนนทบุรี โดยระบุในคำฟ้องว่าจำเลยอยู่ที่บ้านมีเลขที่หลังหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ต่อมาในระหว่างการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโจทก์ขอแก้ที่อยู่ของจำเลยเป็นบ้านมีเลขที่หลังหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกซึ่งจำเลยมีชื่อในทะเบียนบ้านแต่มีพฤติการณ์แสดงว่าบ้านมีเลขที่ในจังหวัดนนทบุรีตามที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้อง อาจเป็นถิ่นที่อยู่ของจำเลยอีกแห่งหนึ่งนอกจากที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งโจทก์จะถือเอาถิ่นที่อยู่แห่งหนึ่งแห่งใดเป็นภูมิลำเนาเพื่อยื่นฟ้องจำเลยก็ได้ กรณีควรฟังข้อเท็จจริงก่อน ที่ศาลจังหวัดนนทบุรีสั่งจำหน่ายคดีโดยอ้างว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดพิษณุโลกจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาและการมีอำนาจฟ้องคดี การย้ายถิ่นฐานชั่วคราวไม่ทำให้เกิดภูมิลำเนาใหม่
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ได้ไปทำงานร่วมกับโจทก์โดยเป็นหุ้นส่วนและเป็นผู้จัดการสำนักงานชั่วคราวของโจทก์ที่จังหวัดพะเยาแต่มิได้ย้ายทะเบียนบ้านไปด้วย ต่อมางานเสร็จและก่อนฟ้องคดีจำเลยกลับมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครดังนี้ จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพะเยา การที่โจทก์จำเลยยังไม่ได้ชำระบัญชีหุ้นส่วนกัน และจำเลยยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานนั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานชั่วคราวของโจทก์ที่จังหวัดพะเยา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพะเยาเพื่อเรียกเงินตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องข้ามประเทศ: การมีภูมิลำเนาเฉพาะการของบริษัทต่างชาติในไทย
จำเลยเป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียนไว้ ณ ประเทศญี่ปุ่น ไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทย ฟ. เป็นเพียงตัวแทนยื่นคำคัดค้านการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์คดีก่อนเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา4(2) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ภูมิลำเนาของจำเลยจากการติดต่อค้าขาย
จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่การติดต่อซื้อขายไม้รายพิพาทโจทก์เคยติดต่อกับจำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 195 ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าบ้านเลขที่ 195 ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 อีกแห่งหนึ่งในการติดต่อค้าขายกับโจทก์ในกรุงเทพมหานคร และในกรณีเช่นนี้แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร โจทก์ก็ย่อมฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) และมาตรา 5 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ภูมิลำเนาจำเลยจากการติดต่อค้าขาย, ฟ้องต่อศาลแพ่งได้
จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่การติดต่อซื้อขายไม้รายพิพาทโจทก์เคยติดต่อกับจำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 195 ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าบ้านเลขที่ 195 ดังกล่าว เป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 อีกแห่งหนึ่งในการติดต่อค้าขาย กับโจทก์ในกรุงเทพมหานคร และในกรณีเช่นนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครโจทก์ก็ย่อมฟ้อง จำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และ มาตรา 5 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีต่อศาลไทยของสำนักงานสาขาบริษัทต่างชาติ: การระบุชื่อจำเลยที่ถูกต้อง
ในคำฟ้องช่องคู่ความ โจทก์ระบุชื่อจำเลยว่า สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ และบรรยายในฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ 1912 อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของราชอาณาจักรแห่งประเทศเดนมารค์ ดำเนินธุรกิจในการขนส่งทางทะเลและจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบการพาณิชยกิจว่า "สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ" โดยมีสำนักทำการงานเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าว สำนักงานแห่งใหญ่ อยู่เลขที่ 231/2 ถนนสาธรใต้ ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ 1912 อักตีเซลสกาป จำกัด และ บริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิป เซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการประกอบกิจการพาณิชย์ด้านรับส่งสินค้าในประเทศไทยว่า "สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ" หาใช่ฟ้องสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ และดังนั้นสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ จึงอยู่ในฐานะเป็นสำนักทำการงาน อันเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของบริษัททั้งสองดังกล่าว มิใช่กิจการและบุคคลต่างหากออกไปถือได้ว่าสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ เป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามกำหมายถือว่าถิ่นที่มีสาขาสำนักงานเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งได้ ตามประมวบกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแพ่ง: การฟ้องบริษัทต่างด้าวที่มีสำนักงานสาขาในไทย
ในคำฟ้องช่องคู่ความ โจทก์ระบุชื่อจำเลยว่า สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ และบรรยายในฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ1912อักตีเซลสกาปจำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของราชอาณาจักรแห่งประเทศเดนมารค์ ดำเนินธุรกิจในการขนส่งทางทะเลและจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบการพาณิชยกิจว่า "สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ" โดยมีสำนักทำการงานเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าว สำนักงานแห่งใหญ่อยู่เลขที่ 231/2 ถนนสาธรใต้ ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ1912อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการประกอบกิจการพาณิชย์ด้านรับส่งสินค้าในประเทศไทยว่า "สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ" หาใช่ฟ้องสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ และดังนั้นสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯจึงอยู่ในฐานะเป็นสำนักทำการงาน อันเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของบริษัททั้งสองดังกล่าว มิใช่กิจการและบุคคลต่างหากออกไป ถือได้ว่าสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯเป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายถือว่าถิ่นที่มีสาขาสำนักงานเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาจ้างทำของ และเขตอำนาจศาล: คดีเกิดที่ไหน ฟ้องที่ไหน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ต่อตัวถังรถยนต์ราคา 50,000 บาท จำเลยมอบเงินให้โจทก์ไปแล้ว 15,000 บาท ที่เหลือ 35,000 บาท จำเลยชำระเป็นเช็ค แต่เช็คขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินค่าต่อตัวถังรถยนต์ที่ค้างชำระ ดังนี้เป็นการฟ้องตามมูลสัญญาจ้างทำของ กรณีต้องบังคับในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ตามมูลสัญญาจ้างทำของ โจทก์จึงมีอำนาจขออนุญาตฟ้องที่ศาล ซึ่งมูลคดีเกิดขึ้นในเขตได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาจ้างทำของและการกำหนดเขตอำนาจศาล กรณีมูลคดีเกิดในเขตอำนาจศาลอื่น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยว่าจ้างโจทก์ต่อตัวถังรถยนต์ราคา 50,000 บาท จำเลยมอบเงินให้โจทก์ไปแล้ว 15,000 บาทที่เหลือ 35,000 บาท จำเลยชำระเป็นเช็ค แต่เช็คขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินค่าต่อตัวถังรถยนต์ที่ค้างชำระ ดังนี้ เป็นการฟ้องตามมูลสัญญาจ้างทำของกรณีต้องบังคับในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ตามมูลสัญญาจ้างทำของโจทก์จึงมีอำนาจขออนุญาตฟ้องที่ศาลซึ่งมูลคดีเกิดขึ้นในเขตได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายต่างประเทศและข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ: ศาลไทยรับรองคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้
แม้คำให้การจำเลยตอนแรกจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์ตามฟ้องแต่ในตอนต่อมาเมื่อได้อ่านโดยตลอดแล้วสรุปได้ว่าจำเลยรับว่าได้ทำสัญญาตามสำเนาท้ายฟ้องจริงเพียงแต่ต่อสู้ว่าสัญญาดังกล่าวจะต้องบังคับตามกฎหมายไทยศาลจึงรับฟังความมีอยู่และความถูกต้องของสัญญาได้
โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา จำเลยอยู่ในประเทศไทยโจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายโดยตกลงกันว่า เมื่อมีข้อพิพาทอันเกี่ยวกับสัญญา ให้ทำการชำระความโดยอนุญาโตตุลาการในนิวยอร์ค ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่เกิดจากความสมัครใจของคู่กรณี ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด จึงใช้บังคับกันได้ ดังนั้นเมื่อได้มีการนำข้อพิพาทเสนอให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยถูกต้องตามขั้นตอน และไม่ปรากฏว่าอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยฝ่าฝืนไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐนิวยอร์คคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจึงฟ้องร้องให้บังคับกันได้ในศาลไทย
ฟ้องบังคับให้จำเลยรับผิดตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 168
of 8