คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 4 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ: สัญญาซื้อขายระหว่างไทย-สหรัฐฯ และข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ
แม้คำให้การจำเลยตอนแรกจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์ตามฟ้อง แต่ในตอนต่อมาเมื่อได้อ่านโดยตลอดแล้ว สรุปได้ว่าจำเลยรับว่าได้ทำสัญญาตามสำเนาท้ายฟ้องจริง เพียงแต่ต่อสู้ว่าสัญญาดังกล่าวจะต้องบังคับตามกฎหมายไทย ศาลจึงรับฟังความมีอยู่และความถูกต้องของสัญญาได้
โจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา จำเลยอยู่ในประเทศไทย โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายโดยตกลงกันว่า เมื่อมีข้อพิพาทอันเกี่ยวกับสัญญา ให้ทำการชำระความโดยอนุญาโตตุลาการในนิวยอร์ค ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่เกิดจากความสมัครใจของคู่กรณี ไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด จึงใช้บังคับกันได้ ดังนั้นเมื่อได้มีการนำข้อพิพาทเสนอให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยถูกต้องตามขั้นตอน และไม่ปรากฏว่าอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดโดยฝ่าฝืนไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐนิวยอร์ค คำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวจึงฟ้องร้องให้บังคับกันได้ในศาลไทย
ฟ้องบังคับให้จำเลยรับผิดตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแห่งและพาณิชย์ มาตรา 168

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีแพ่งต้องยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจเหนือภูมิลำเนาจำเลย หากฟ้องผิดศาล ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องได้
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในข้อหาละเมิด ต้องอยู่ ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ซึ่งให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล เมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดปทุมธานี มิได้อยู่ที่จังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีในเขตอำนาจศาลแพ่งโจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งโดยศาลแพ่งมิได้ใช้ดุลพินิจยอมรับคดีไว้พิจารณาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมไม่ได้
ศาลแพ่งสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อปรากฏว่า(ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง) จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลแพ่งศาลแพ่งย่อมมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ศาลแพ่งรับฟ้องแล้วถือว่าใช้ดุลพินิจพิจารณาคดี แม้ภูมิลำเนาจำเลยไม่อยู่ในเขตอำนาจ
คดีที่เกิดขึ้นนอกเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น เมื่อศาลแพ่งได้ประทับรับฟ้องคดี รวมทั้งรับคำให้การจำเลยตลอดจนสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระบวนความ ถือว่าศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2445/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ศาลแพ่งยอมรับพิจารณาคดีนอกเขตจังหวัดแล้ว ถือว่ามีอำนาจพิจารณา
คดีที่เกิดขึ้นนอกเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีนั้น เมื่อศาลแพ่งได้ประทับรับฟ้องคดี รวมทั้งรับคำให้การจำเลยตลอดจนสืบพยานทั้งสองฝ่ายจนสิ้นกระบวนความ ถือว่าศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา, เช็ค, ความรับผิดตามเช็ค: ฟ้องร้องได้ ณ ที่ภูมิลำเนาจำเลย แม้ทำธุรกรรมต่างจังหวัด
จำเลยมีภูมิลำเนาเดิมอยู่จังหวัดศรีสะเกษ จำเลยย้ายไปรับราชการจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ยังออกเช็คที่ศรีสะเกษ ถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาที่ศรีสะเกษด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามเช็คที่ศาลศรีสะเกษได้
จำเลยลงลายมือชื่อในเช็คให้ภริยากรอกข้อความไปกู้เงินโจทก์ จำเลยต้องรับผิดตามเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 373/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลฟ้องหย่า: ภูมิลำเนาจำเลยสำคัญกว่าสถานที่เกิดเหตุ
โจทก์และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยา มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร แต่ไปติดต่อค้าขายซื้อสินค้าจาก ผ. ที่จังหวัดแพร่ ในการไปซื้อสินค้านี้โจทก์พักอยู่ที่บ้าน ผ. บางครั้งจำเลยที่ 1ไปพักด้วย ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 มีชู้และแยกกันอยู่ โดยจำเลยที่ 1 กลับไปอยู่ที่บ้านเดิมที่อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร แต่คงไปมาเกี่ยวกับการค้าที่จังหวัดแพร่ โดยพักค้างที่จังหวัดแพร่ โดยพักค้างที่บ้านญาติของโจทก์บ้าง ที่บ้าน ว. บ้าง ดังนี้แสดงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 หาได้มีเจตนาที่จะถือเอาบ้านที่พักอยู่ที่จังหวัดแพร่เป็นถิ่นที่อยู่ไม่
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลที่พิจารณาคดีโดยมิได้ขออนุญาตฟ้องต่อศาลนั้นไม่ได้
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยโดยระบุตามคำฟ้องว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลที่พิจารณาคดี เมื่อจำเลยที่ 2 ขอให้ศาลวินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาล โดยอ้างว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตศาล ดังนี้ การที่ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาจนเสร็จสำนวน โดยมีคำสั่งคำร้องขอให้ชี้ขาดเบื้องต้นว่าจะได้ชี้ขาดในปัญหาดังกล่าวในคำพิพากษาจึงไม่ใช่เรื่องที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีแต่ประการใดหากแต่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใดซึ่งจะต้องฟังพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นกระแสความก่อนมีคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: คำฟ้องเรียกค่าขายที่ดิน ไม่ใช่คดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ต้องฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนา
คำฟ้องเรียกเงินค่าขายที่ดิน มิได้บ่งถึงการที่จะบังคับแก่ตัวทรัพย์คือที่ดินนั้น จึงไม่ใช่คำฟ้องที่เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์ใดๆ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น จะฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) หาได้ไม่ ต้องฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล ถ้าโจทก์ประสงค์จะฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้น ก็ต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง แสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้นๆ จะเป็นการสะดวก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาคนต่างด้าวและการฟ้องหย่าในไทย: จำเลยต้องได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรจึงถือเป็นภูมิลำเนาได้
โจทก์มีสัญชาติออสเตรเลีย จำเลยมีสัญชาติอเมริกัน ได้สมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายที่ประเทศไทย แต่ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องขอหย่ากับจำเลยนั้น ปรากฏว่าจำเลยได้ออกจากประเทศไทยไปก่อนแล้ว และไม่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศอีก ทั้งปรากฏว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ดังนี้ จำเลยย่อมมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย โจทก์ก็ฟ้องคดีขอหย่ากับจำเลยต่อศาลแห่งประเทศไทยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาคนต่างด้าว: เงื่อนไขการถือภูมิลำเนาตามคู่สมรสและการพิจารณาคดีฟ้องหย่าในประเทศไทย
โจทก์มีสัญชาติออสเตรเลีย จำเลยมีสัญชาติอเมริกันได้สมรสกันโดยชอบด้วยกฎหมายที่ประเทศไทย แต่ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องขอหย่ากับจำเลยนั้น ปรากฏว่าจำเลยได้ออกจากประเทศไทยไปก่อนแล้ว และไม่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศอีก ทั้งปรากฏว่าจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองดังนี้ จำเลยย่อมมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย โจทก์ก็ฟ้องคดีขอหย่ากับจำเลยต่อศาลแห่งประเทศไทยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร-ศาลพลเรือน: กรณีทหารเรือกระทำผิดต่อพลเรือนและประเด็นภูมิลำเนาในการฟ้องคดีแพ่ง
ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นทหารเรือประจำการจึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร แม้จำเลยจะได้กระทำความผิดอาญาต่อพลเรือนก็ต้องฟ้องจำเลยที่ศาลทหารตามที่บังคับไว้ในพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498
คดีแพ่งที่ต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่ 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดราชบุรีซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมแห่งหนึ่งกับที่นครหลวงกรุงเทพธนบุรีอันเป็นถิ่นที่ทำการงานเป็นปกติอีกแห่งหนึ่ง โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ศาลจังหวัดราชบุรี จึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) แล้ว
of 8