คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 297

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 114 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับสัญญาภายหลัง: ศาลบังคับคดีตามสัญญาเดิมได้
เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมออกจากตึกพิพาท และศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว แม้จะได้ความว่า โจทก์ทำสัญญายอมความกับจำเลยไว้อีกฉบับหนึ่งในวันเดียวกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนตึกพิพาทเพื่อทำก่อสร้าง แต่สัญญายอมความดังกล่าวมิได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจึงไม่อาจรับรู้ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวได้ จำเลยจะมีสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ใหม่ต่างหาก เมื่อจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความศาลก็ต้องออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ร้องขอ กรณีไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้งดการบังคับคดีและเพิกถอนหมายบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและการบังคับคดี: สัญญาที่ไม่ทำต่อหน้าศาล ไม่อาจบังคับได้
เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมออกจากตึกพิพาท และศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว แม้จะได้ความว่า โจทก์ทำสัญญายอมความกับจำเลยไว้อีกฉบับหนึ่งในวันเดียวกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนตึกพิพาทเพื่อทำก่อสร้าง แต่สัญญายอมความดังกล่าวมิได้กระทำต่อหน้าศาล ศาลจึงไม่อาจรับรู้ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวได้ จำเลยจะมีสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ใหม่ต่างหาก เมื่อจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความศาลก็ต้องออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ร้องขอ กรณีไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอให้งดการบังคับคดีและเพิกถอนหมายบังคับคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3855/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงระงับข้อพิพาทและการปฏิบัติตามสัญญา: สิทธิของคู่กรณีเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตาม
โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์ถอนฟ้องคดีนี้ และตกลงกันด้วยว่าโจทก์จำเลยจะถอนฟ้องหรือถอนอุทธรณ์คดีอื่น ๆ ที่ฟ้องร้องพัวพันกันอยู่ระหว่างโจทก์กับจำเลยทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา โดยคู่ความจะถอนฟ้องหรือถอนอุทธรณ์คดีอื่น ๆ ภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันที่ศาลสั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความดังนี้ แม้ข้อตกลงดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันโดยมีเงื่อนไขที่แต่ละฝ่ายจะต้องปฏิบัติตาม และจำเลยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยไม่ถอนฟ้องคดีแพ่งเรื่องหนึ่งดังที่ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวกันในคดีนั้นหรือดำเนินคดีกับโจทก์เกี่ยวกับคดีแพ่งที่โจทก์ไม่ถอนฟ้องนั้นเป็นคดีใหม่ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลในคดีนี้ให้ออกหมายเรียกโจทก์มาสอบถามและบังคับให้ถอนฟ้องหรือออกหมายขังไว้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการสิ้นสภาพภารจำยอม ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนมีคำสั่ง
ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งส่วนหนึ่งให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงภารจำยอมให้มีสภาพดังเดิมนั้น หากต่อมาปรากฏความจริงตามคำร้อง ของ จำเลยว่า ลำกระโดงดังกล่าวหมดสภาพภารจำยอมแล้วเพราะถูกถนนสาธารณะตัดผ่าน ภารจำยอมย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 และถ้าให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงให้มีสภาพดังเดิมแล้วจะทำให้บุคคลภายนอกเสียหายซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีและยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3317/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีที่ขัดกับข้อเท็จจริงใหม่: ภารจำยอมสิ้นสภาพจากถนนตัดผ่าน ทำให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ได้
ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาซึ่งส่วนหนึ่งให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงภารจำยอมให้มีสภาพดังเดิมนั้น หากต่อมาปรากฏความจริงตามคำร้องของจำเลยว่า ลำกระโดงดังกล่าวหมดสภาพภารจำยอมแล้ว เพราะถูกถนนสาธารณะตัดผ่าน ภารจำยอมย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 และถ้าให้จำเลยขุดดินถมลำกระโดงให้มีสภาพดังเดิมแล้วจะทำให้บุคคลภายนอกเสียหายซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้ยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ทำการไต่สวนจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขับไล่: โจทก์ต้องร้องขอให้บังคับคดีสำหรับบริวารจำเลยภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
เมื่อศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้วโจทก์จะต้องร้องขอบังคับคดีอีกชั้นหนึ่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติ มาตรา 271แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งสำหรับคดีฟ้องขับไล่เป็นคดีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่โจทก์ต้องร้องขอต่อศาลดำเนินการจับหรือจำขังจำเลยและบริวารเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับซึ่งเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติมาตรา 271 นั่นเองในคดีนี้โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยแต่ผู้เดียวภายในกำหนด10 ปีส่วนบริวารจำเลยโจทก์มิได้ร้องขอให้ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าวแต่ประการใด จึงเลยระยะเวลาที่โจทก์จะร้องขอบังคับคดีสำหรับบริวารจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขับไล่และการขอออกหมายจับบริวารจำเลยต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
เมื่อศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์จะต้องร้องขอบังคับคดีอีกชั้นหนึ่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติ มาตรา 271 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง สำหรับคดีฟ้องขับไล่เป็นคดีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่โจทก์ต้องร้องขอต่อศาลดำเนินการจับหรือจำขังจำเลยและบริวารเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับซึ่งเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติมาตรา 271 นั่นเองในคดีนี้โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยแต่ผู้เดียวภายในกำหนด 10 ปีส่วนบริวารจำเลยโจทก์มิได้ร้องขอให้ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าว แต่ประการใดจึงเลยระยะเวลาที่โจทก์จะร้องขอบังคับคดีสำหรับบริวารจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ไถ่ถอนจำนองตามคำพิพากษา: จำเลยต้องปฏิบัติตามก่อนโจทก์ ไม่ถือว่าไม่มีวิธีบังคับคดีอื่น
ถึงแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 736,737 บัญญัติให้สิทธิผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองจะไถ่ถอนจำนองได้ แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายในส่วนสารบัญญัติ ไม่ใช่บทกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับคดี ทั้งไม่มีบทบัญญัติให้นำมาใช้ในการบังคับคดีได้และตามคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องทำการไถ่ถอนจำนองที่พิพาทเสียก่อนแล้วจึงโอนให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง หาใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะทำการไถ่ถอนจำนองเองไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับซึ่งออกบังคับเอาแก่จำเลยจึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่ไม่มีวิธีบังคับอื่นใดที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะพึงใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297(2)ศาลมีอำนาจที่จะกักขังจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1703/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีเช็ค: เมื่อเช็คตกเป็นของผู้อื่น จำเลยไม่ต้องรับผิดกักขัง
ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเช็คพิพาทให้โจทก์ แต่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เนื่องจากเช็คพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นไปแล้วกรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ อันจะเป็นเหตุให้กักขังจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1703/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำบังคับที่ไม่อาจทำได้เนื่องจากกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ ศาลไม่ถือว่าจงใจขัดขวาง
ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเช็คพิพาทให้โจทก์ แต่จำเลยไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เนื่องจากเช็คพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นไปแล้วกรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ อันจะเป็นเหตุให้กักขังจำเลยได้
of 12