คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทธิมนต์นฤนาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยและผู้รับขนส่งทางทะเล กรณีสินค้าเปียกน้ำ และประเด็นอายุความฟ้องร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนส่งทางทะเล เนื่องจากของที่ขนส่งเปียกน้ำ โดยระบุเหตุที่ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายเกิดจากการประมาทเลินเล่อของนายเรือผู้ควบคุมดูแลยานพาหนะ และส่งสำเนากรมธรรม์มาด้วย ซึ่งตามกรมธรรม์ ข้อ 9 ระบุว่า บริษัทไม่ต้องรับผิดจากภัยอันเนื่องจากการเสียหาย ฯลฯ อันเกิดแต่การเลินเล่อของนายเรือจำเลยมิได้ยกกรมธรรม์ ข้อ 9 ขึ้นมาต่อสู้ เพื่อให้พ้นความรับผิด ก็ไม่มีประเด็นในข้อนี้ ดังนี้ ศาลไม่มีอำนาจหยิบยกกรมธรรม์ ข้อ 9 นั้น ขึ้นวินิจฉัยให้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)
สัญญาประกันภัยการขนส่งทางทะเลระบุว่า ประกันภัยน้ำย่อมกินความถึงการเปียกน้ำทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเลหรือน้ำจืด ซึ่งทำให้ทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยเสียหาย
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนส่งทางทะเล ไม่มีบทบัญญัติไว้ในกฎหมายไทย แต่นำเอาอายุความรับขนตาม มาตรา 624 ป.พ.พ. มาใช้ปรับแก่คดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยและผู้รับขนส่งทางทะเล กรณีทรัพย์สินเสียหายจากการขนส่ง และอายุความฟ้องร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนส่งทางทะเล เนื่องจากของที่ขนส่งเปียกน้ำ โดยระบุเหตุที่ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายเกิดจากการประมาทเลินเล่อของนายเรือผู้ควบคุมดูแลยานพาหนะ และส่งสำเนากรมธรรม์มาด้วยซึ่งตามกรมธรรม์ ข้อ 9 ระบุว่า บริษัทไม่ต้องรับผิดจากภัยอันเนื่องจากการเสียหายฯลฯ อันเกิดแต่การเลินเล่อของนายเรือจำเลยมิได้ยกกรมธรรม์ ข้อ 9 ขึ้นมาต่อสู้เพื่อให้พ้นความรับผิด ก็ไม่มีประเด็นในข้อนี้ ดังนี้ ศาลไม่มีอำนาจหยิบยกกรมธรรม์ ข้อ 9 นั้น ขึ้นวินิจฉัยให้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)
สัญญาประกันภัยการขนส่งทางทะเลระบุว่า ประกันภัยน้ำย่อมกินความถึงการเปียกน้ำทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเลหรือน้ำจืด ซึ่งทำให้ทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยเสียหาย
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับขนส่งทางทะเล ไม่มีบทบัญญัติไว้ในกฎหมายไทย แต่นำเอาอายุความรับขนตามมาตรา 624 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้ปรับแก่คดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเริ่มนับแต่วันผิดนัด ไม่ใช่แค่วันที่รู้ตัวการ
โจทก์เป็นพ่อค้าเครื่องยนต์เพื่ออุตสาหกรรมตัวแทนของจำเลยได้ตกลงจะชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์เช่นว่านั้นให้โจทก์ภายในวันที่ 24 ก.ค. 2493 เมื่อถึงกำหนด ไม่มีการชำระหนี้ เช่นนี้ ต้องถือว่า จำเลยซึ่งเป็นตัวการผิดนัดด้วย โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องแก่จำเลยได้ตั้งแต่วันผิดนัด คือวันที่ 24 ก.ค. 2493 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่นั้นมา โจทก์มายื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499 เกิน 5 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ป.พ.พ. มาตรา 165 (1) และ มาตรา 165 วรรค 2 เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึง วันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ป.พ.พ. มาตรา 448 เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์ จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมา มิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเริ่มนับแต่วันผิดนัด ไม่ใช่วันที่รู้ตัวการ สิทธิเรียกร้องเกิดเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้
โจทก์เป็นพ่อค้าเครื่องยนต์เพื่ออุตสาหกรรม ตัวแทนของจำเลยได้ตกลงจะชำระหนี้ค่าซื้อเครื่องยนต์เช่นว่านั้นให้โจทก์ภายในวันที่ 24 ก.ค.2493 เมื่อถึงกำหนดไม่มีการชำระหนี้ เช่นนี้ ต้องถือว่าจำเลยซึ่งเป็นตัวการผิดนัดด้วย โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องแก่จำเลยได้ตั้งแต่วันผิดนัด คือ วันที่ 24 ก.ค.2493 อายุความจึงเริ่มนับตั้งแต่นั้นมา โจทก์มายื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2499 เกิน 5 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) และ มาตรา 165 วรรคสอง เกี่ยวกับการนับอายุความ ให้เริ่มนับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงวันรู้ (คือ วันที่โจทก์รู้ว่าจำเลยเป็นตัวการ) จะนำมาสงเคราะห์เทียบเคียงกันไม่ได้กับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448เรื่องละเมิด ซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้ที่จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เกิดขึ้นโดยตัวแทนของจำเลยไปซื้อเครื่องยนต์จากโจทก์และตัวแทนของจำเลยตกลงจะชำระหนี้ให้ต่อมาไม่มีการชำระหนี้เมื่อเกิดผิดนัดขึ้นเมื่อใด ก็เกิดสิทธิเรียกร้องที่โจทก์ อาจบังคับแก่จำเลยได้ตั้งแต่นั้นมามิใช่ว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเพิ่งมาตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษาคดีระหว่างโจทก์กับตัวแทนของจำเลยในเรื่องหนี้สินรายเดียวกันนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681-682/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนที่ดินที่บุตรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ศาลไม่สามารถพิพากษาให้ผูกพันบุคคลภายนอกได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินซึ่งมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่บุตรจำเลยมิได้เป็นคู่ความในคดี กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 ศาลจะพิพากษาหรือสั่งใด ๆ ให้ผูกพันบุตรของจำเลย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681-682/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนที่ดินที่บุตรเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยบุตรไม่ได้เป็นคู่ความ ศาลจำกัดผลกระทบของคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินซึ่งมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่บุตรจำเลยมิได้เป็นคู่ความในคดี กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ศาลจะพิพากษาหรือสั่งใดๆ ให้ผูกพันบุตรของจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตผู้ได้รับอนุญาตขายสุราตามกฎหมาย: ตัวแทนมีอำนาจจำหน่ายได้ภายใต้ใบอนุญาต
คำว่าผู้ได้รับอนุญาตขายสุราตามความในกฎหมายสุรา ในพระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2495 มาตรา 4(1) หมายความรวมถึงผู้ที่ขายสุราได้โดยมีใบอนุญาตคุ้มครอง ณ สถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นด้วย มิใช่จำกัดเฉพาะแต่ผู้ที่มีนามเป็นผู้ถือใบอนุญาตเท่านั้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตผู้ได้รับอนุญาตขายสุราตามกฎหมาย รวมถึงตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจ
คำว่าผู้ได้รับอนุญาตขายสุรา ตามความในกฎหมายสุรา ในพระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2495 มาตรา 4(1) หมายความรวมถึงผู้ที่ขายสุราได้โดยมีใบอนุญาตคุ้มครอง ณ สถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นด้วย มิใช่จำกัดเฉพาะแต่ผู้ที่มีนามเป็นผู้ถือใบอนุญาตเท่านั้น
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดิน: ศาลไม่วินิจฉัยประเด็นสิทธิครอบครองหากจำเลยไม่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องการได้สิทธิจากการครอบครองหรือได้ปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตแต่อย่างใด. คดีจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงเรื่องจำเลยได้สิทธิจากการครอบครองหรือไม่ หรือจำเลยได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตหรือไม่
การที่จำเลยนำสืบนอกประเด็นไปจากคำให้การแม้โจทก์จะมิได้คัดค้านและศาลชั้นต้นก็มิได้ทักท้วงโดยศาลชั้นต้นยอมให้สืบมาก็ตามก็หาทำให้มีประเด็นเกิดขึ้นใหม่นอกเหนือไปจากคำให้การของจำเลยที่ต่อสู้ไว้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดิน - ศาลไม่วินิจฉัยสิทธิครอบครองหากจำเลยไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องการได้สิทธิจากการครอบครองหรือได้ปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตแต่อย่างใด คดีจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงเรื่องจำเลยได้สิทธิจากการครอบครองหรือไม่ หรือจำเลยได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยสุจริตหรือไม่
การที่จำเลยนำสืบนอกประเด็นไปจากคำให้การ แม้โจทก์จะมิได้คัดค้านและศาลชั้นต้นก็มิได้ทักท้วงโดยศาลชั้นต้นยอมให้สืบมาก็ตาม ก็หาทำให้มีประเด็นเกิดขึ้นใหม่นอกเหนือไปจากคำให้การของจำเลยที่ต่อสู้ไว้ไม่
of 9