พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องก่อนหนี้ถึงกำหนด: ประเด็นที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยหากไม่ยกขึ้นสู่การต่อสู้
ปัญหาที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ ในเมื่อหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยการขู่เข็ญถึงชีวิต
ฟ้องหาว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา136 ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนกำลังกินอาหารอยู่กับภรรยาที่บ้านพักไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่จำเลยพูดขอประกันผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เพราะได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ยอมสั่งอนุญาตให้จำเลยประกันตัวผู้ต้องหาเพราะผิดระเบียบ จำเลยพูดขู่เข็ญว่าถ้าไม่สั่งให้ประกันจำเลยจะจัดการให้พนักงานสอบสวนถูกย้ายไปที่อื่น เช่นที่เคยกระทำได้ผลมาแล้วแก่ผู้บังคับกองคนหนึ่ง แต่โดยที่เรื่องย้ายไม่แน่ถ้าไม่ให้ประกันจะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝังศพเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจ ขู่เข็ญ เจ้าพนักงานให้ถึงแก่ชีวิตด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายของถ้อยคำเพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการสั่งประกันเสียเอง อันมิชอบด้วยหน้าที่การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139
เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ยอมสั่งอนุญาตให้จำเลยประกันตัวผู้ต้องหาเพราะผิดระเบียบ จำเลยพูดขู่เข็ญว่าถ้าไม่สั่งให้ประกันจำเลยจะจัดการให้พนักงานสอบสวนถูกย้ายไปที่อื่น เช่นที่เคยกระทำได้ผลมาแล้วแก่ผู้บังคับกองคนหนึ่ง แต่โดยที่เรื่องย้ายไม่แน่ถ้าไม่ให้ประกันจะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝังศพเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจ ขู่เข็ญ เจ้าพนักงานให้ถึงแก่ชีวิตด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายของถ้อยคำเพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการสั่งประกันเสียเอง อันมิชอบด้วยหน้าที่การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบด้วยกฎหมาย และการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ฟ้องหาว่าดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนกำลังกินอาหารอยู่กับภรรยาที่บ้านพัก ไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการตามหน้าที่จำเลยไปพูดขอประกันผู้ต้องหาเป็นการส่วนตัว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยดูหมิ่นเจ้าพนักงานเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ยอมสั่งอนุญาตให้จำเลยประกันตัวผู้ต้องหาเพราะผิดระเบียบ จำเลยพูดขู่เข็ญว่าถ้าไม่สั่งให้ประกัน จำเลยจะจัดการให้พนักงานสอบสวนถูกย้ายไปที่อื่น เช่นที่เคยกระทำได้ผลมาแล้วแก่ผู้บังคับกอบคนหนึ่ง แต่โดยที่เรื่องย้ายไม่แน่ ถ้าไม่ให้ประกันจะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝังศพเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจ ขู่เข็ญ เจ้าพนักงานให้ถึงแก่ชีวิตด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายของถ้อยคำ เพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการสั่งประกันเสียเอง อันมิชอบด้วยหน้าที่ การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139.
เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ยอมสั่งอนุญาตให้จำเลยประกันตัวผู้ต้องหาเพราะผิดระเบียบ จำเลยพูดขู่เข็ญว่าถ้าไม่สั่งให้ประกัน จำเลยจะจัดการให้พนักงานสอบสวนถูกย้ายไปที่อื่น เช่นที่เคยกระทำได้ผลมาแล้วแก่ผู้บังคับกอบคนหนึ่ง แต่โดยที่เรื่องย้ายไม่แน่ ถ้าไม่ให้ประกันจะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝังศพเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจ ขู่เข็ญ เจ้าพนักงานให้ถึงแก่ชีวิตด้วยการใช้กำลังประทุษร้ายตามความหมายของถ้อยคำ เพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการสั่งประกันเสียเอง อันมิชอบด้วยหน้าที่ การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับเมื่อห้างหุ้นส่วนสิ้นสภาพบุคคล แม้ไม่มีการชำระบัญชี
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยเช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์เพื่อทำการค้าต่อมาผู้จัดการห้างจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดถึงแก่กรรมเมื่อคดีไม่มีประเด็นเรื่องการเลิกห้างโดยมีการชำระบัญชีจึงย่อมจะถือว่าห้างจำเลยยังคงตั้งอยู่เท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีไม่ได้และเมื่อห้างจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าตึกรายนี้สิ้นสภาพบุคคลแล้วสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับห้างจำเลยก็ย่อมเป็นอันระงับไปบริวารของห้างจำเลยจึงย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกแถวของโจทก์ได้โดยชอบต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่าเมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดผู้เช่าสิ้นสภาพบุคคลเนื่องจากการเสียชีวิตของผู้จัดการ
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยเช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์เพื่อทำการค้า ต่อมาผู้จัดการห้างจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดถึงแก่กรรม เมื่อคดีไม่มีประเด็นเรื่องการเลิกห้างโดยมีการชำระบัญชีจึงย่อยจะถือว่าห้างจำเลยยังคงตั้งอยู่เท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีไม่ได้ และเมื่อห้างจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าตึงรายนี้สิ้นสภาพบุคคลแล้วสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับห้างจำเลยก็ย่อยเป็นอันระงับไป บริวารของห้างจำเลยจึงย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในตึกแถวของโจทก์ได้โดยชอบต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สมาคมที่ขัดต่อข้อบังคับ เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม
เมื่อข้อบังคับของสมาคมจำเลยระบุไว้ชัดแจ้งว่าต้องมีสมาชิกสามัญถึง 3 ใน 4 เข้าชื่อกันร้องขอให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญจึงจะจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญได้ฉะนั้น การที่สมาคมจำเลยจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญโดยมีสมาชิกสามัญเข้าชื่อกันร้องขอไม่ถึง 3 ใน 4 จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับโจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมจำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องร้องขอให้เพิกถอนมติในการประชุมใหญ่วิสามัญนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สมาคมที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับ โดยการไม่ปฏิบัติตามจำนวนสมาชิกที่ต้องเข้าชื่อร้องขอ
เมื่อข้อบังคับของสมาคมจำเลยระบุไว้ชัดแจ้งว่า ต้องมีสมาชิกสามัญถึง 3 ใน 4 เข้าชื่อกันร้องขอให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ จึงจะจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญได้ ฉะนั้น การที่สมาคมจำเลยจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญโดยมีสมาชิกสามัญเข้าชื่อกันร้องขอไม่ถึง 3 ใน 4 จึงเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ โจทก์ซึ่งเป็์นสมาชกของสมาคมจำเลยย่อมมีสิทธิฟ้องร้องขอให้เพิกถอนมติในการประชุมใหญ่วิสามัญนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ไม่ขึ้นอยู่กับความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ แต่ได้เลิกเช่ากันแล้วภายหลังวันชี้สองสถานและได้สืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ และจำเลยเพิ่งทราบเมื่อสืบพยานโจทก์ จึงขอตัดฟ้องว่า โจทก์ไมมีอำนาจฟ้อง ทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยื่นภายหลังวันชี้สองสถานได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องและคำให้การ แสดงว่าจำเลยเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยฐานผิดสัญญาได้ แม้จะฟังได้อย่างคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การของจำเลย ก็ไม่ได้ทำให้อำนาจฟ้องที่โจทก์มีอยู่เสียไป เพราะผู้ใช้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า
แม้จำเลยจะอ้างว่าข้อตัดฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่แล้วเสียไป และทั้งไม่ทำให้รูปคดีของจำเลยดีขึ้นแต่อย่างใด จึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ
แม้จำเลยจะอ้างว่าข้อตัดฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่แล้วเสียไป และทั้งไม่ทำให้รูปคดีของจำเลยดีขึ้นแต่อย่างใด จึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ฐานผิดสัญญาเช่า ไม่จำกัดว่าผู้ให้เช่าต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยจำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์แต่ได้เลิกเช่ากันแล้ว ภายหลังวันชี้สองสถานและได้สืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ และจำเลยเพิ่งทราบเมื่อสืบพยานโจทก์จึงขอตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยื่นภายหลังวันชี้สองสถานได้นั้นศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องและคำให้การแสดงว่าจำเลยเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยฐานผิดสัญญาได้ แม้จะฟังได้อย่างคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยก็ไม่ได้ทำให้อำนาจฟ้องที่โจทก์มีอยู่เสียไปเพราะผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า
แม้จำเลยจะอ้างว่าข้อตัดฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่แล้วเสียไป และทั้งไม่ทำให้รูปคดีของจำเลยดีขึ้นแต่อย่างใดจึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ
แม้จำเลยจะอ้างว่าข้อตัดฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่แล้วเสียไป และทั้งไม่ทำให้รูปคดีของจำเลยดีขึ้นแต่อย่างใดจึงไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสินเดิมโดยไม่ชอบ ศาลเพิกถอนนิติกรรมทั้งหมดและถือเป็นมรดก
ก่อนสามีโจทก์ตาย ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินสินเดิม(ซึ่งเป็่นสินบริคณห์) ของสามีให้จำเลยโดยเสน่หา โดยมิได้รับความยินยอมของโจทก์ จึงเป็นนิติกรรมที่ทำไปโดยมิชอบ การเพิกถอนก็ต้องเพิกถอนนิติกรรมนั้นทั้งหมด จะเพิกถอนเฉพาะบางส่วนหาได้ไม่ เพราะที่ดินนี้เป็นสินเดิมทั้งแปลง
โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องขอแบ่งที่พิพาทซึ่งสามีโจทก์ยกให้จำเลยก่อนตายอ้างว่าเป็นสินสมรส(ซึ่งเป็นสินบริคณห์) ระหว่างโจทก์กับสามีผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นสินเดิมของผู้ตายซึ่งต้องตกเป็นมรดกของผู้ตายอันจะพึงได้แก่ทายาทต่อไป เช่นนี้ ศาลจะแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ในชั้นนี้ยังไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ตั้งประเด็นฟ้องขอแบ่งในฐานะเป็นผู้รับมรดก
โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องขอแบ่งที่พิพาทซึ่งสามีโจทก์ยกให้จำเลยก่อนตายอ้างว่าเป็นสินสมรส(ซึ่งเป็นสินบริคณห์) ระหว่างโจทก์กับสามีผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นสินเดิมของผู้ตายซึ่งต้องตกเป็นมรดกของผู้ตายอันจะพึงได้แก่ทายาทต่อไป เช่นนี้ ศาลจะแบ่งที่พิพาทให้โจทก์ในชั้นนี้ยังไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ตั้งประเด็นฟ้องขอแบ่งในฐานะเป็นผู้รับมรดก