พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีไม้หวงห้าม ต้องพิจารณาประเภทไม้ที่ครอบครอง หากเป็นไม้แปรรูปแล้ว การลงโทษตามบทบัญญัติสำหรับไม้ยังไม่แปรรูปย่อมไม่ชอบ
ฟ้องว่าจำเลยมีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามแปรรูปเป็นเสาถาก 75 ท่อน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 และพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่4) พ.ศ.2503มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป และโจทก์นำสืบฟังได้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป คือถากเป็นเสาแล้วดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินแทนสินสอด และสิทธิเรียกร้องสินสอดเมื่อไม่จดทะเบียนสมรส
บิดามารดาของฝ่ายชายยกที่นามือเปล่าให้แก่มารดาของฝ่ายหญิงแทนเงินค่าสินสอด โดยทำหนังสือสัญญากันเองและได้ชี้เขตแบ่งแยกออกจากที่นาผืนใหญ่ของตน ทั้งมารดาของฝ่ายหญิงก็เข้าครอบครองที่นานั้นแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่าสิทธิครอบครองที่นาส่วนนั้นตกได้แก่มารดาของฝ่ายหญิงแล้ว โดยไม่จำต้องไปจดทะเบียน
สิทธิของชายที่จะเรียกคืนสินสอดในกรณีที่การสมรสไม่สมบูรณ์เพราะขาดการจดทะเบียนนั้น จะต้องปรากฏว่าหญิงเป็นฝ่ายผิด ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส
สิทธิของชายที่จะเรียกคืนสินสอดในกรณีที่การสมรสไม่สมบูรณ์เพราะขาดการจดทะเบียนนั้น จะต้องปรากฏว่าหญิงเป็นฝ่ายผิด ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิครอบครองที่ดินแทนสินสอดและการเรียกคืนสินสอดเมื่อไม่จดทะเบียนสมรส
บิดามารดาของฝ่ายชายยกที่นามือเปล่าให้แก่มารดาของฝ่ายหญิง แทนเงินค่าสินสอด โดยทำหนังสือสัญญากันเอง และได้ชี้เขตแบ่งแยกออกจากที่นาผืนใหญ่ของตน ทั้งมารดาของฝ่ายหญิงก็เข้าครอบครองที่นานั้นแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่าสิทธิครอบครองที่นาส่วนนั้นตกได้แก่มารดาของฝ่ายหญิงแล้ว โดยไม่จำต้องไปจดทะเบียน
สิทธิของชายที่จะเรียกคืนสินสอดในกรณีที่การสมรสไม่สมบูรณ์เพราะขาดการจดทะเบียนนั้น จะต้องปรากฎว่าหญิงป็นฝ่ายผิด ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส
สิทธิของชายที่จะเรียกคืนสินสอดในกรณีที่การสมรสไม่สมบูรณ์เพราะขาดการจดทะเบียนนั้น จะต้องปรากฎว่าหญิงป็นฝ่ายผิด ไม่ยอมจดทะเบียนสมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินโดยโฉนดที่ออกให้บุคคลไม่มีตัวตน และการรับจำนองโดยไม่สุจริต
ผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โดยยังไม่ได้โฉนด มีผู้อื่นไปจัดการออกโฉนดทับที่พิพาท โดยใส่ชื่อ ด. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่บุคคลที่ชื่อ ด. นี้ไม่มีตัวตนจริงการออกโฉนดนี้จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดที่มีชื่อ ด.ถือกรรมสิทธิ์นี้ไว้.โดยอ้างว่าย. ญาติของตนเป็นผู้ติดต่อขอจำนอง โจทก์ไม่รู้จักหรือเคยพบเห็นคนที่ชื่อ ด.นี้เลย ในวันทำสัญญาจำนองก็มีว. ซึ่งโจทก์ไม่รู้จักมาอ้างว่าเป็นหลานของ ด.ได้รับมอบอำนาจจากด. ให้มาทำสัญญาจำนองโจทก์ก็เชื่อจึงรับจำนองและมอบเงินให้ ว.ไป.แต่แล้วโจทก์ก็ไม่มีย. และ ว.มาสืบ และเมื่อโฉนดนี้ออกให้แก่ด. ผู้ไม่มีตัวตนดังกล่าวแล้ว ใบมอบอำนาจนั้นก็ย่อมไม่มีผู้มอบเป็นตัวตนด้วยเช่นกัน ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทเพื่อบังคับจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โฉนดที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย & การรับจำนองโดยไม่สุจริต ทำให้สิทธิยึดไร้ผล
ผู้ร้องเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินพิพาทอยู่โดยยังไม่ได้โฉนด มีผู้อื่นไปจัดการออกโฉนดทับที่พิพาท โดยใส่ชื่อ ค. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่บุคคลที่ชื่อ ค.นี้ไม่มีตัวตนจริง การออกโฉนดนี้จึงเป็นการไม่สุจริต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์รับจำนองที่พิพาทตามหน้าโฉนดที่มีชื่อ ค.ถือกรรมสิทธิ์นี้ไว้ โดยอ้างว่า ย.ญาติของตนเป็นผู้ติดต่อขอจำนองโจทก์ไม่รู้จักหรือเคยพบเห็นคนที่ชื่อ ค.นี้เลย ในวันทำสัญญาจำนองก็มี ว.ซึ่งโจทก์ไม่รู้จักมาอ้างว่าเป็นหลานของ ค. ได้รับมอบอำนาจจาก ค.ให้มาทำสัญญาจำนอง โจทก์ก็้เชื่อจึงรับจำนองและมอบเงินให้ ว.ไป แต่แล้วโจทก์ไม่มี ย.และ ว.มาสืบ และเมื่อโฉนดนี้ออกให้แก่ ค. ผู้ไม่มีตัวตนดังกล่าวแล้ว ใบมอบอำนาจนั้นก็ย่อมไม่มีผู้มอบเป็นตัวตนด้วยเช่นกัน ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทเพื่อบังคับจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินสินบนนำจับในคดีพนัน: ศาลสั่งจ่ายเมื่อลงโทษปรับเท่านั้น
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 15 ประกอบกับพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490 ที่ว่าในกรณีมีผู้นำจับ ให้พนักงานอัยการร้องขอและให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำผิดใช้เงินสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับด้วยนั้น เงินสินบนนำจับนี้ศาลจะสั่งให้จ่ายก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับแก่ผู้กระทำผิดด้วย เพราะเป็นเกณฑ์คำนวณว่าผู้กระทำผิดจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับเท่าใด
ในคดีที่ศาลลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับศาลไม่สั่งเรื่องให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ แม้คดีนั้นจะมีเงินของกลางที่ศาลสั่งให้ริบอยู่ด้วยก็ตาม
ในคดีที่ศาลลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับศาลไม่สั่งเรื่องให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ แม้คดีนั้นจะมีเงินของกลางที่ศาลสั่งให้ริบอยู่ด้วยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินสินบนนำจับการพนัน: ต้องมีโทษปรับก่อน จึงจะจ่ายจากเงินของกลางได้
ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 15 ประกอบกับพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2490 นั้น ในกรณีมีผู้นำจับ ให้อัยการร้องขอและให้ศาลสั่งให้ผู้กระทำผิดใช้เงินสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับด้วยนั้น เงินสินบนนำจับนี้ ศาลจะสั่งให้จ่ายก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับแก่ผู้กระทำผิดด้วย เพราะเป็นเกณฑ์คำนวณว่าผู้กระทำผิดจะต้องจ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับเท่าใด
ในคดีที่ศาลลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียว โดยไม่ลงโทษปรับ ศาลไม่สั่งเรื่องให้จำเลย จ่ายเงินสินบนนำจับ แม้คดีนั้นจะมีเงินของกลางที่ศาลสั่งให้ริบอยู่
การจ่ายเงินของกลางเป็นเงินสินบนนำจับนั้น ก็ต้องมีการวางโทษปรับเป็นหลักด้วยเมื่อจำเลยไม่ชำระเงินสินบน จึงเอาเงินของกลางจ่ายเป็นค่าสินบนนำจับได้
ในคดีที่ศาลลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียว โดยไม่ลงโทษปรับ ศาลไม่สั่งเรื่องให้จำเลย จ่ายเงินสินบนนำจับ แม้คดีนั้นจะมีเงินของกลางที่ศาลสั่งให้ริบอยู่
การจ่ายเงินของกลางเป็นเงินสินบนนำจับนั้น ก็ต้องมีการวางโทษปรับเป็นหลักด้วยเมื่อจำเลยไม่ชำระเงินสินบน จึงเอาเงินของกลางจ่ายเป็นค่าสินบนนำจับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบเปลี่ยนแปลงจากฟ้องไม่ถือว่าแตกต่างไปจากฟ้อง หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ และยังคงมีหน้าที่รับผิดตามสัญญา
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปรับเงินไปตามสัญญาและได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง แม้ได้ความตามทางพิจารณาว่า การกู้ยืมรายนี้มีมูลกรณีมาจากการที่จำเลยยืมเงินโจทก์ซื้อข้าวสารหรือเชื่อข้าวสารของโจทก์แล้วสัญญาว่าจะใช้ด้วยข้าวเปลือกดังโจทก์จำเลยนำสืบก็ดี แต่ภายหลังจำเลยไม่เอาข้าวเปลือกใช้หนี้แต่มาทำสัญญากู้ให้แก่โจทก์ไว้ในภายหลังตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องและจำเลยยังไม่ได้ใช้หนี้ กรณีเช่นนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่ามูลกรณีแห่งการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไรไม่ใช่เรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้องทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้เพราะจำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ว่ามีหนี้สินเดิมกับโจทก์มาจริงเนื่องจากการซื้อเชื่อข้าวสารโจทก์และจำเลยก็ได้เอาข้าวเปลือกชำระไปจนหมดหนี้สินแล้วไม่มีพันธะต่อกัน ลายมือชื่อในสัญญากู้ไม่ใช่ลายมือของจำเลย หากแต่จำเลยนำสืบไม่สม จำเลยต้องใช้หนี้ตามโจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงมูลหนี้จากซื้อข้าวสารเป็นสัญญากู้ ไม่ถือว่าแตกต่างจากฟ้องเดิม หากจำเลยยังคงมีหน้าที่รับผิดตามสัญญา
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป รับเงินไปตามสัญญา และได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้อง แม้ได้ความตามทางพิจารณาว่า การกู้ยืมรายนี้มีมูลกรณีมาจากการที่จำเลยยืมเงินโจทก์ ซื้อข้าวหรือเชื่อข้าวสาร ของโจทก์แล้วสัญญาว่าจะใช้ด้วยข้าวเปลือกดังโจทก์นำสืบก็ดี แต่ภายหลังจำเลยไม่เอาข้าวเปลือกใช้หนี้ แต่มาทำสัญญากู้ให้แก่โจทก์ไว้ในภายหลังตามสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องและจำเลยยังไม่ได้ใช้หนี้ กรณีเช่นนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่ามูลกรณีแห่งการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้องทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ เพราะจำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ว่ามีหนี้สินเดิมกับโจทก์ มาจริงเนื่องจากการซื้อเชื่อข้าวสารโจทก์และจำเลยก็ได้เอาข้าวเปลือกชำระไปจนหมดหนี้สินแล้วไม่มีพันธะต่อกัน ลายมือชื่อในสัญญาไม่ใช่ลายมือของจำเลย หากแต่จำเลยนำสืบไม่สม จำเลยต้องใช้หนี้ตามโจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้รับพินัยกรรมในการเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการบังคับคดีแทนโจทก์ผู้มรณะ
ในชั้นบังคับคดีนั้น แม้ผู้ร้องจะร้องว่าโจทก์ได้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทที่โจทก์ชนะคดีให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงขอเข้ารับมรดกความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ ซึ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ดี ศาลก็ชอบที่จะสั่งไปตามสิทธิที่ผู้ร้องมีอยู่ในฐานะเป็นผู้รับพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599 ให้เข้าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ และดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ หาถึงกับทำให้คำร้องของผู้ร้องเสียไปไม่