คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เชื้อ คงคากุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดับไฟขัดขวางการจับกุม: ไม่ถือเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยดับไฟฟ้าขณะเจ้าพนักงานเข้าจับกุมจำเลยกับพวกเล่นการพนัน เพราะจำเลยกลัวถูกจับนั้น แม้จะทำให้เจ้าพนักงานเกิดความไม่สะดวกเพราะมืดก็ตาม การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59,138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุตรนอกสมรส: สิทธิค่าอุปการะเลี้ยงดูและการเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 1526 และ 1627
บุตรที่เกิดนอกสมรสจะกลายเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดาได้ ต้องเป็นไปตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1526แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เท่านั้น
บุตรที่เกิดนอกสมรสซึ่งบิดาไปแจ้งทะเบียนคนเกิดว่าเป็นบุตร และได้อุปการะเลี้ยงดูอย่างบุตรโดยเปิดเผยนั้นเป็นเพียงบุตรที่บิดาได้รับรองแล้วตามมาตรา 1627 ซึ่งมีสิทธิจะได้รับมรดกในฐานะเป็นผู้สืบสันดานเท่านั้นแต่ไม่ทำให้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น จึงหามีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูในการที่มีผู้ทำให้บิดาถึงแก่ความตายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าธรรมดา vs. สัญญาต่างตอบแทน และผลกระทบต่อระยะเวลาการเช่า รวมถึงการสมยอมเพื่อขับไล่ผู้เช่า
ในการทำสัญญาเช่าห้อง ผู้เช่าออกเงินให้ผู้ให้เช่า 5,000 บาท ในสัญญาเช่ากล่าวถึงว่าเป็นเงินค่าก่อสร้างค่าแป๊ะเจี๊ยะ เมื่อคดีได้ความว่าในขณะทำสัญญานี้ ผู้ให้เช่ามีห้องพร้อมอยู่แล้วไม่จำต้องก่อสร้างขึ้นแต่อย่างใด ดังนี้ เงินที่ผู้เช่าออกไปนั้นจึงไม่ใช่เงินค่าก่อสร้าง คงเป็นเงินกินเปล่าตามธรรมดา สัญญาเช่าจึงเป็นสัญญาเช่าธรรมดาไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน
สัญญาเช่าที่ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน เมื่อกำหนดระยะเวลาเช่าได้ 10 ปีโดยไม่ได้จดทะเบียนการเช่านั้น คงบังคับกันได้เพียง 3 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าธรรมดา vs. สัญญาต่างตอบแทน, ระยะเวลาสัญญาเช่าที่ไม่จดทะเบียน, และการโอนสิทธิโดยไม่สุจริต
ในการทำสัญญาเช่าห้อง ผู้เช่าออกเงินให้ผู้ให้เช่า 5,000 บาท ในสัญญาเช่ากล่าวถึงว่าเป็นเงินค่าก่อสร้างค่าแป๊ะเจี๊ยะ เมื่อคดีได้ความว่าในขณะทำสัญญานี้ผู้ให้เช่ามีห้องพร้อมอยู่ แล้วไม่จำต้องก่อสร้างขึ้นแต่อย่างใด ดังนี้ เงินที่ผู้เช่าออกไปนั้น จึงไม่ใช่เงินค่าก่อสร้าง คงเป็นเงินกินเปล่าตามธรรมดาสัญญาเช่าจึงเป็นสัญญาเช่าธรรมดา ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน
สัญญาเช่าที่ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน เมื่อกำหนดระยะเวลาเช่าไว้ 10 ปีโดยไม่ได้จดทะเบียนการเช่านั้น คงบังคับกันได้เพียง 3 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกตามพินัยกรรมและการจำกัดสิทธิทายาท: การปิดบัง/ยักย้ายทรัพย์มิใช่เหตุตัดสิทธิผู้รับพินัยกรรม
ทายาทที่จะถูกจำกัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1605 ต้องเป็นผู้ปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดกแต่การที่ทายาทคนหนึ่งไปขอประกาศรับมรดกโดยไม่ระบุลงไปในบัญชีเครือญาติว่ายังมีบุคคลอื่นเป็นทายาทอีกด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดก
เมื่อเจ้าพนักงานโอนโฉนดให้แก่ทายาทผู้ขอรับมรดกดังกล่าวแล้ว ภายหลังทายาทนั้น ขอแบ่งที่ดินมรดกเพื่อจะขายและเอาเรือนที่ปลูกอยู่ในที่ดินนั้นไปประกันเงินกู้ดังนี้ ไม่ใช่กรณียักย้ายหรือปิดบังมรดก
โจทก์และจำเลยต่างก็เป็นบุตรของผู้ตาย ผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินกับเรือนให้จำเลย และยกโฉนดกระบือให้โจทก์ ดังนี้ จะนำเรื่องกำจัดมิให้รับมรดกตามมาตรา 1605 วรรคแรก มาใช้บังคับแก่การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับที่ดินและเรือนมรดกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกตามพินัยกรรมและการถูกจำกัดสิทธิรับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605
ทายาทที่จะถูกกำจัดมิให้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1605 ต้องเป็นผู้ปิดบังหรือยักย้ายทรัพย์มรดกแต่การที่ทายาทคนหนึ่งไปขอประกาศรับมรดกโดยไม่ระบุลงไปในบัญชีเครือญาติว่ายังมีบุคคลอื่นเป็นทายาทอีกด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดก
เมื่อเจ้าพนักงานโอนโฉนดให้แก่ทายาทผู้ขอรับมรดกดังกล่าวแล้ว ภายหลังทายาทนั้นขอแบ่งที่ดินมรดกเพื่อจะขายและเอาเรือนที่ปลูกอยู่ในที่ดินนั้นไปประกันเงินกู้ ดังนี้ ไม่ใช่กรณียักย้ายหรือปิดบังมรดก
โจทก์และจำเลยต่างก็เป็นบุตรของผู้ตาย ผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินกับเรือนให้จำเลยและยกโคกระบือให้โจทก์ ดังนี้ จะนำเรื่องจำกัดมิให้รับมรดกตามมาตรา 1605 วรรคแรกมาใช้บังคับแก่การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับที่ดินและเรือนมรดก หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดภรรยาต่อหนี้สามีหลังใช้พ.ร.บ.บรรพ 5: พิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่สามีไปก่อหนี้ขึ้นระหว่างอยู่กินเป็นสามีภรรยาและภรรยาจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแค่ไหนเพียงใดนั้น ไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาตรา 4 แต่เป็นปัญหาที่ภรรยาจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกร่วมกับสามีต่างหาก จะเทียบกับเรื่องแบ่งสินสมรสก็ไม่ได้ เพราะนั่นเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้เกี่ยวข้องถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายเก่าสามีไปก่อหนี้ขึ้นเมื่อใช้บรรพ 5 แล้วการที่ภรรยาจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพียงใดนั้น ต้องวินิจฉัยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ตามกฎหมายเก่า
หนี้ซึ่งก่อขึ้นระหว่างสมรสจะถือว่าเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภรรยาได้ก็ต้องเป็นกรณีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1482 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของภรรยาต่อหนี้ที่สามีก่อขึ้นระหว่างสมรส: พิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่สามีไปก่อหนี้ขึ้นระหว่างอยู่กินเป็นสามีภรรยาและภรรยาจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกแต่ไหน เพียงใดนั้น ไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5 มาตรา 4 แต่เป็นปัญหาที่ภรรยาจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกร่วมกับสามีต่างหาก จะเทียบกับเรื่องแบ่งสินสมรสก็ไม่ได้ เพราะนั่นเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้เกี่ยวข้องถึงความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายเก่า สามีไปก่อหนี้ขึ้นเมื่อใช้บรรพ 5 แล้ว การที่ภรรยาจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพียงใดนั้น ต้องวินิจฉัยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ใช่ตามกฎหมายเก่า
หนี้ซึ่งก่อขึ้นระหว่างสมรสจะถือว่า เป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภรรยาได้ก็ต้องเป็นกรณีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1482 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุถ้อยคำที่จำเลยกล่าวโดยบริบูรณ์ มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ในคดีหมิ่นประมาท ฟ้องโจทก์จะต้องกล่าวถ้อยคำที่จำเลยพูดไว้โดยบริบูรณ์ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่ 3 ว่า "โจทก์กับพวกเป็นคนร้ายลักปลาในบ่อของจำเลยไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2504"เช่นนี้โจทก์ไม่ได้กล่าวถ้อยคำที่จำเลยพูดกับจำเลยที่ 3 ไว้โดยบริบูรณ์ว่ามีข้อความอย่างไร โจทก์กล่าวแต่เพียงโดยสรุป ฟ้องของโจทก์จึงไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามลักทรัพย์และบุกรุก: เลือกโทษฐานบุกรุกและไม่กักกันโทษแม้มีประวัติ
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,80 และมีความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 364,365 แต่ให้ลงโทษฐานบุกรุกตาม มาตรา364,365 อันเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน ดังนี้กรณีไม่เข้าเกณฑ์ตามมาตรา 41(8) แม้จำเลยจะเคยถูกศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำคุกฐานลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 6 เดือนมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ก็จะกักกันจำเลยมิได้
of 104