คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เชื้อ คงคากุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความพยานตามหน้าที่ ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท แม้คำตอบจะกระทบต่อโจทก์
คดีก่อน จำเลยถูกอ้างและหมายเรียกมาเป็นพยาน จำเลยถูกคู่ความคดีนั้น ถามว่าพยานได้ปลุกปล้ำโจทก์ในคดีนี้หรือไม่ จำเลยไม่เต็มใจตอบเกรงจะถูกฟ้องคดีอาญาแต่ศาลสั่งให้ตอบจึงตอบว่า ได้เสียกัน เป็นการตอบตามประเด็นที่คู่ความซักถาม ตอบไปตามหน้าที่ของพยาน มิใช่นอกเหนือหน้าที่ ทั้งไม่มีเจตนาตอบไปเพื่อหมิ่นประมาทโจทก์ จึงไม่มีความผิด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการให้การพยาน และความผิดฐานหมิ่นประมาทจากการตอบคำถามในศาล
คดีก่อน จำเลยถูกอ้างและหมายเรียกมาเป็นพยาน จำเลยถูกคู่ความคดีนั้นถามว่าพยานได้ปลุกปล้ำโจทก์ในคดีนี้หรือไม่จำเลยไม่เต็มใจตอบเกรงจะถูกฟ้องคดีอาญาแต่ศาลสั่งให้ตอบจึงตอบว่า ได้เสียกัน เป็นการตอบตามประเด็นที่คู่ความซักถาม ตอบไปตามหน้าที่ของพยาน มิใช่นอกเหนือหน้าที่ ทั้งไม่มีเจตนาตอบไปเพื่อหมิ่นประมาทโจทก์จึงไม่มีความผิด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอยู่อาศัยในที่ดินของผู้อื่นโดยไม่ชัดเจนถึงสัญญาจ้าง และสิทธิการอยู่อาศัยสิ้นสุดเมื่อถูกบอกกล่าว
โจทก์จ้างจำเลยทำสวน จำเลยเข้ามาปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์มิได้ว่ากล่าวประการใด ถือได้ว่าการเข้ามาอยู่ในที่ดินของโจทก์เป็นการอาศัย มิได้เข้ามาโดยมีข้อสัญญาจ้างตกลงเช่นนั้น ดังนั้น ถึงแม้โจทก์จะยังมิได้บอกเลิกสัญญาจ้าง และยังมิได้ชำระค่าจ้าง เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทนี้อีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าปลูกเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยอาศัย ย่อมไม่มีสิทธิอยู่ต่อแม้ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาจ้าง
โจทก์จ้างจำเลยทำสวน จำเลยเข้ามาปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์มิได้ว่ากล่าวประการใด ถือได้ว่าการเข้ามาอยู่ในที่ดินของโจทก์เป็นการอาศัย มิได้เข้ามาโดยมีข้อสัญญาจ้างตกลงเช่นนั้น ดังนั้น ถึงแม้โจทก์จะยังมิได้บอกเลิกสัญญาจ้าง และยัง มิได้ชำระค่าจ้างเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลย ก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทนี้อีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการยอมรับผลการชี้ขาดสิทธิครอบครองของนิคมฯ คู่ความต้องผูกพันตามข้อตกลงนั้น
คู่ความต่างท้ากันว่า หากเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคม ฯ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีสิทธิครอบครองโดยชอบแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้คดี โดยถือเอาหลักฐานที่มีอยู่ในนิคมเป็นใหญ่ และไม่ติดใจสู้ในประเด็นข้ออื่นอีกต่อไป ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมสร้างตนเอง และเจ้าหน้าที่มาเป็นพยาน แต่ฝ่ายจำเลยอ้างเจ้าหน้าที่นิคมและเอกสารหลักฐานจากนิคมเป็นเป็นพยาน เจ้าหน้าที่นิคมเบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวและยืนยันว่าทางนิคมได้จัดสรรที่ดินให้จำเลยได้เข้าครอบครองทำกินตลอดมา จึงฟังได้ว่าเจ้าหน้าที่นิคมฯ ได้ชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตรงตามคำท้าระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงยอมแพ้คดีตามคำท้า และการชี้ขาดสิทธิครอบครองโดยนิคมฯ
คู่ความต่างท้ากันว่า หากเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมฯ ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีสิทธิครอบครองโดยชอบแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้คดี โดยถือเอาหลักฐานที่มีอยู่ในนิคมเป็นใหญ่ และไม่ติดใจสู้ในประเด็นข้ออื่นอีกต่อไปดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมสร้างตนเองและเจ้าหน้าที่มาเป็นพยานแต่ฝ่ายจำเลยอ้างเจ้าหน้าที่นิคมและเอกสารหลักฐานจากนิคมเป็นพยานเจ้าหน้าที่นิคมเบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวและยืนยันว่าทางนิคมได้จัดสรรที่ดินให้จำเลยได้เข้าครอบครองทำกินตลอดมา จึงฟังได้ว่าเจ้าหน้าที่นิคมฯได้ชี้ขาดตามหลักฐานที่มีอยู่ที่นิคมว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยตรงตามคำท้าระหว่างโจทก์จำเลยแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลอุทธรณ์และฎีกาอนุญาตเลื่อนได้
วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อน ทนายจำเลยไปศาล ส่วนโจทก์ ตัวโจทก์ ทนายโจทก์ และพยานไม่มีไปศาล ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนของทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าทนายป่วย ตามหนังสือรับรองของแพทย์ ไม่สามารถมาว่าความได้ ทนายจำเลยแถลงไม่ค้าน และว่าสุดแต่ศาลจะพิจารณา ดังนี้ การที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีก็โดยที่ทนายโจทก์ป่วยไม่สามารถมาว่าความได้ ซึ่งการป่วยย่อมเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเป็นการขอเลื่อนครั้งแรก ทนายจำเลยก็ไม่คัดค้าน การที่โจทก์และพยานโจทก์ไม่มีไปศาลอาจเป็นเพราะโจทก์เข้าใจว่าทนายโจทก์ป่วยและขอเลื่อนคดีแล้วคดีคงจะเลื่อนไป โจทก์จึงไม่มาศาลก็ได้ และพยานบุคคลของโจทก์ที่เป็นพยานหมายนั้นปรากฏว่ามีคนเดียว โจทก์ได้ขอหมายเรียกพยานไปแล้ว แต่พยานไม่มา พยานอาจมีเหตุขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ก็ได้ กรณีเช่นนี้ยังไม่พอจะฟังว่าโจทก์ประวิงคดี คำขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์ จึงมีเหตุจำเป็นที่สมควรจะให้เลื่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและพยานหลักฐาน
วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อนทนายจำเลยไปศาล ส่วนโจทก์ ตัวโจทก์ ทนายโจทก์ และพยานไม่มีไปศาลทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนของทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายป่วย ตามหนังสือรับรองของแพทย์ไม่สามารถมาว่าความได้ทนายจำเลยแถลงไม่ค้านและว่าสุดแต่ศาลจะพิจารณา ดังนี้ การที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดี ก็โดยที่ทนายโจทก์ป่วยไม่สามารถมาว่าความได้ซึ่งการป่วยย่อมเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้และเป็นการขอเลื่อนครั้งแรกทนายจำเลยก็ไม่คัดค้าน การที่โจทก์และพยานโจทก์ไม่มีไปศาลอาจเป็นเพราะโจทก์เข้าใจว่าทนายโจทก์ป่วยและขอเลื่อนคดีแล้วคดีคงจะเลื่อนไป โจทก์จึงไม่มาศาลก็ได้ และพยานบุคคลของโจทก์ที่เป็นพยานหมายนั้นปรากฏว่ามีคนเดียวโจทก์ได้ขอหมายเรียกพยานไปแล้ว แต่พยานไม่มา พยานอาจมีเหตุขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ก็ได้กรณีเช่นนี้ยังไม่พอ จะฟังว่าโจทก์ประวิงคดีคำขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์จึงมีเหตุจำเป็น ที่สมควรจะให้เลื่อนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย จึงยกฟ้อง
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร ชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวน ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้ จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ ส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้นคดีที่สุดแล้ว หากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้กระทำผิด คดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรชั้นพิจารณาปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรอีก 2 สำนวนศาลชั้นต้นจึงพิจารณาพิพากษารวมกันเป็น 3 สำนวน ให้ยกฟ้องทั้ง 3 สำนวน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลงโทษเฉพาะคดีนี้จำเลยฎีกาคดีนี้ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษส่วนอีก 2 สำนวนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์นั้น คดีถึงที่สุดแล้วหากศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้พยานโจทก์ยังไม่พอฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดคดีนี้ศาลฎีกาก็พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
of 104