พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาหลังโจทก์ถึงแก่ความตาย: ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาต่อไปได้ในความผิดอันยอมความได้
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ แล้วตายลง ภายหลังที่ศาลฎีกาได้ส่งคำพิพากษาไปให้ศาลชั้นต้นเพื่อจะอ่านให้คู่ความฟังแล้วนั้น หาได้มีกฎหมายบัญญัติให้คดีอาญาระงับไปไม่ เมื่อคดีมาถึงศาลฎีกาและโจทก์ตายเมื่อได้ดำเนินคดีมาครบถ้วนบริบูรณ์แล้วศาลฎีกาย่อมดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาต่อเมื่อโจทก์ถึงแก่ความตาย: ศาลฎีกาสามารถพิจารณาคดีความผิดอันยอมความได้ต่อไปได้
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ แล้วตายลงภายหลังที่ศษลฎีกาได้ส่งคำพิพากษาไปให้ศาลชั้นต้นเพื่อจะอ่านให้คู่ความฟังแล้วนั้น หาได้มีกฎหมายบัญญัติให้คดีอาญาระงับไปไม่ เมื่อคดีมาถึงศาลฎีกาและโจทก์ตายเมื่อได้ดำเนินคดีมาครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว ศาลฎีกาย่อมดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนิยามคำว่า 'ยา' ตาม พ.ร.บ.ขายยา พิจารณาจากความมุ่งหมายในการใช้ ไม่ใช่ผลลัพธ์การรักษา
คำว่า 'ยา' ตามพระราชบัญญัติการขายยา พ.ศ.2493มาตรา4 นั้น หาได้อยู่ที่ว่าวัตถุนั้นจะบำบัดรักษาหรือป้องกันโรคได้จริงหรือไม่ แต่อยู่ที่ความมุ่งหมายในการใช้ฉะนั้น กำไลแหวน และสร้อย ซึ่งมุ่งหมายจะใช้เพื่อบำบัดรักษาและป้องกันโรคจึงเป็นยาตามความหมายแห่งกฎหมายดังกล่าวและเมื่อผู้ใดโฆษณาหรือขายวัตถุเหล่านี้โดยมิได้รับอนุญาตก็ย่อมมีความผิด(ประชุมใหญ่ ครั้งที่42/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายวัตถุที่มีเจตนาใช้บำบัดโรค ถือเป็น 'ยา' ตาม พ.ร.บ.ขายยา แม้จะไม่ได้ผลจริง
คำว่า "ยา" ตามพระราชบัญญัติการขาย พ.ศ. 2493 มาตรา 4 นั้น หาได้อยู่ที่ว่าวัตถุนั้นจะบำบัดรักษาหรือป้องกันโรคได้จริงหรือไม่ แต่อยู่ที่ความมุ่งหมายในการใช้ ฉะนั้น กำไลแหวนและสร้อยซึ่งมุ่งหมายจะใช้ป้องกันโรค จึงเป็นยาตามความหมายแห่งกฎหมายดังกล่าว และเมื่อผู้ใดโฆษณาหรือขายวัตถุเหล่านี้โดยมิได้รับอนุญาต ก็ย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าค้าขาย-ที่อยู่อาศัย: ไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้มีกฎหมายใหม่
สัญญาเช่าห้องแถวระบุว่า ให้เช่าเป็นที่อยู่และค้าขายแต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เช่าเช่าด้วยเจตนาประกอบธุรกิจการค้าเป็นส่วนสำคัญ แม้จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ ออกใช้บังคับ ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายใหม่ เพราะคดีพิพาทกันก่อนกฎหมายใหม่ออกใช้ ทั้งตามข้อเท็จจริง ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายใหม่อย่างใด
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ ออกใช้บังคับ ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายใหม่ เพราะคดีพิพาทกันก่อนกฎหมายใหม่ออกใช้ ทั้งตามข้อเท็จจริง ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายใหม่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้าขายย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายควบคุมค่าเช่า แม้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย
สัญญาเช่าห้องแถวระบุว่า ให้เช่าเป็นที่อยู่และค้าขาย แต่ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เช่าเช่าด้วยเจตนาประกอบธุรกิจการค้าเป็นส่วนสำคัญ แม้จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489
เมื่อคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินออกใช้บังคับ ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายใหม่ เพราะคดีนี้พิพาทกันก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวออกใช้ ทั้งคดีก็ฟังได้ว่าผู้เช่าได้ใช้ห้องพิพาทโดยเจตนาเพื่อประกอบธุรกิจการค้าด้วย
เมื่อคดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา มีพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินออกใช้บังคับ ผู้เช่าก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายใหม่ เพราะคดีนี้พิพาทกันก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวออกใช้ ทั้งคดีก็ฟังได้ว่าผู้เช่าได้ใช้ห้องพิพาทโดยเจตนาเพื่อประกอบธุรกิจการค้าด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรทุกเกินอัตราและการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ศาลพิจารณาความรับผิดตามมาตรา 233 และ 238
1.คดีที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
2.อย่างไรก็ดี ฎีกาตอนที่ว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้ความตามที่โจทก์นำสืบ โจทก์เห็นว่ายานพาหนะของจำเลยมีการบรรทุกจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลในยานพาหนะ อันเข้าเกณฑ์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 233 นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงนั้นโจทก์ฎีกาไม่ได้ และ
3.จำเลยจะผิดมาตรา 238 ประมวลกฎหมายอาญานั้น ก็ต่อเมื่อ การกระทำผิดของจำเลยตามมาตรา 233 นั้น เป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัส แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดเสียแล้วว่า การที่รถคว่ำคนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัส ไม่ใช่เนื่องจากเหตุที่บรรทุกคนโดยสารเกินจำนวน แต่เนื่องจากจำเลยขับรถเร็วอันเป็นการประมาท หรืออีกนัยหนึ่ง เท่ากับศาลอุทธรณ์ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า การที่คนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัสนั้น หาได้เนื่องจากเหตุที่จำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 233 นั้นไม่ จึงลงโทษตามมาตรา 238 ไม่ได้
ข้อ 2, 3 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2505
2.อย่างไรก็ดี ฎีกาตอนที่ว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้ความตามที่โจทก์นำสืบ โจทก์เห็นว่ายานพาหนะของจำเลยมีการบรรทุกจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลในยานพาหนะ อันเข้าเกณฑ์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 233 นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงนั้นโจทก์ฎีกาไม่ได้ และ
3.จำเลยจะผิดมาตรา 238 ประมวลกฎหมายอาญานั้น ก็ต่อเมื่อ การกระทำผิดของจำเลยตามมาตรา 233 นั้น เป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัส แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดเสียแล้วว่า การที่รถคว่ำคนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัส ไม่ใช่เนื่องจากเหตุที่บรรทุกคนโดยสารเกินจำนวน แต่เนื่องจากจำเลยขับรถเร็วอันเป็นการประมาท หรืออีกนัยหนึ่ง เท่ากับศาลอุทธรณ์ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า การที่คนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัสนั้น หาได้เนื่องจากเหตุที่จำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 233 นั้นไม่ จึงลงโทษตามมาตรา 238 ไม่ได้
ข้อ 2, 3 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2505
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรทุกเกินจำนวนและการขับรถประมาท ความรับผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 233 และ 238
1. คดีที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 4ปี ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
2. อย่างไรก็ดี ฎีกาตอนที่ว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้ความตามที่โจทก์นำสืบ โจทก์เห็นว่ายานพาหนะของจำเลยมีการบรรทุกจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลในยานพาหนะ อันเข้าเกณฑ์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 233 นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงนั้นโจทก์ฎีกาไม่ได้และ
3. จำเลยจะผิดมาตรา 238 ประมวลกฎหมายอาญานั้น ก็ต่อเมื่อการกระทำผิดของจำเลยตามมาตรา 233 นั้น เป็นเหตุทำให้ผู้โดยสารถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัสแต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดเสียแล้วว่า การที่รถคว่ำคนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัส ไม่ใช่เนื่องจากเหตุที่บรรทุกคนโดยสารเกินจำนวน แต่เนื่องจากเหตุที่จำเลยขับรถเร็วอันเป็นการประมาท หรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับศาลอุทธรณ์ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า การที่คนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัสนั้น หาได้เนื่องจากเหตุที่จำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 233 นั้นไม่ จึงลงโทษตามมาตรา 238ไม่ได้
(ข้อ 2,3 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2505)
2. อย่างไรก็ดี ฎีกาตอนที่ว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้ความตามที่โจทก์นำสืบ โจทก์เห็นว่ายานพาหนะของจำเลยมีการบรรทุกจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลในยานพาหนะ อันเข้าเกณฑ์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 233 นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงนั้นโจทก์ฎีกาไม่ได้และ
3. จำเลยจะผิดมาตรา 238 ประมวลกฎหมายอาญานั้น ก็ต่อเมื่อการกระทำผิดของจำเลยตามมาตรา 233 นั้น เป็นเหตุทำให้ผู้โดยสารถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัสแต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดเสียแล้วว่า การที่รถคว่ำคนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัส ไม่ใช่เนื่องจากเหตุที่บรรทุกคนโดยสารเกินจำนวน แต่เนื่องจากเหตุที่จำเลยขับรถเร็วอันเป็นการประมาท หรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับศาลอุทธรณ์ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า การที่คนโดยสารตายและได้รับอันตรายสาหัสนั้น หาได้เนื่องจากเหตุที่จำเลยได้กระทำความผิดตามมาตรา 233 นั้นไม่ จึงลงโทษตามมาตรา 238ไม่ได้
(ข้อ 2,3 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: ศาลอนุญาตแก้ไขคำร้องได้ และไม่จำกัดเวลาการขอคืนก่อนคดีถึงที่สุด
คำร้องขอคืนของกลางนั้นไม่ใช่เป็นการฟ้องกล่าวหาผู้ใดกระทำผิดกฎหมาย และไม่ใช่คำร้องในทางแพ่ง ศาลจึงอนุญาตให้แก้ไขได้โดยไม่ต้องสอบถามคู่ความก่อน
คำร้องขอคืนของกลางไม่จำต้องอ้างตัวบทกฎหมาย ศาลยกขึ้นปรับวินิจฉัยเองได้
ร้องขอคืนทรัพย์ของกลางก่อนคดีถึงที่สุดได้ เพราะตามมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเพียงว่า ในการที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอต่อศาลให้สั่งคืนทรัพย์สินในกรณีที่ศาลสั่งริบตามมาตรา 33 นั้น จะต้องร้องขอคืนต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น หาได้บัญญัติห้ามไม่ให้ร้องขอคืนก่อนกำหนดดังกล่าวนี้ไม่ แต่ถ้าร้องขอคืนเกินกว่าหนึ่งปีนับจากวันมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ตกอยู่ในเกณฑ์ถูกบัญญัติห้ามตามมาตรานี้
คำร้องขอคืนของกลางไม่จำต้องอ้างตัวบทกฎหมาย ศาลยกขึ้นปรับวินิจฉัยเองได้
ร้องขอคืนทรัพย์ของกลางก่อนคดีถึงที่สุดได้ เพราะตามมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเพียงว่า ในการที่เจ้าของแท้จริงจะร้องขอต่อศาลให้สั่งคืนทรัพย์สินในกรณีที่ศาลสั่งริบตามมาตรา 33 นั้น จะต้องร้องขอคืนต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดเท่านั้น หาได้บัญญัติห้ามไม่ให้ร้องขอคืนก่อนกำหนดดังกล่าวนี้ไม่ แต่ถ้าร้องขอคืนเกินกว่าหนึ่งปีนับจากวันมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ตกอยู่ในเกณฑ์ถูกบัญญัติห้ามตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อสัญญาหมดอายุ แม้ข้ออ้างเรื่องเช่าช่วงไม่เป็นผล
คำฟ้องที่ถือว่าโจทก์ยกเหตุ 2 ประการขึ้นอ้างในการบอกเลิกการเช่า
โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยอ้างเหตุว่าสัญญาหมดอายุ กับจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่าโดยให้เช่าช่วง แม้ในเรื่องเช่าช่วง ข้อเท็จจริงจะฟังไม่ได้ แต่ฟังได้ว่าสัญญาหมดอายุแล้ว โจทก์ย่อมบอกเลิกสัญญาได้ และศาลก็ย่อมพิพากษาขับไล่จำเลยเพราะเหตุว่าสัญญาเช่าหมดอายุได้
โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยอ้างเหตุว่าสัญญาหมดอายุ กับจำเลยประพฤติผิดสัญญาเช่าโดยให้เช่าช่วง แม้ในเรื่องเช่าช่วง ข้อเท็จจริงจะฟังไม่ได้ แต่ฟังได้ว่าสัญญาหมดอายุแล้ว โจทก์ย่อมบอกเลิกสัญญาได้ และศาลก็ย่อมพิพากษาขับไล่จำเลยเพราะเหตุว่าสัญญาเช่าหมดอายุได้