คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เชื้อ คงคากุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเลยดำเนินคดีโดยโจทก์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีจากสารบบความได้
ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องจากวันที่ 28 ตุลาคม 2508 โดยให้นัดไต่สวมมูลฟ้องใหม่ในวันที่ 13 ธันวาคม 2508 อันให้เวลาโจทก์ถึง 46 วัน และศาลก็สั่งให้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบ ถ้าส่งหมายนัดไม่ได้ ก็ให้ปิดหมาย ซึ่งถ้าโจทก์จะยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง ก็น่าจะกระทำได้ก่อนกำหนด ไม่ใช่รอให้ถึงวันนัดโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วมายื่นคำร้องขอแก้ฟ้องเอาในวันนัด เพื่ออาศัยเป็นเหตุที่จะเลื่อนคดีต่อไป เช่นนี้ ย่อมเป็นการละเลยเพิกเฉยในการดำเนินคดี ศาลย่อมสั่งจำหน่ายคดี
โจทก์เสียจากสารบบความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเลยดำเนินคดีของโจทก์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องจากวันที่ 28 ตุลาคม 2508 โดยให้นัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่ในวันที่ 13 ธันวาคม 2508 อันให้เวลาโจทก์ถึง 46 วัน และศาลก็สั่งให้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบถ้าส่งหมายนัดไม่ได้ ก็ให้ปิดหมายซึ่งถ้าโจทก์จะยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง ก็น่าจะกระทำได้ก่อนกำหนดไม่ใช่รอให้ถึงวันนัดโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วมายื่นคำร้องขอแก้ฟ้องเอาในวันนัด เพื่ออาศัยเป็นเหตุที่จะเลื่อนคดีต่อไป เช่นนี้ ย่อมเป็นการละเลยเพิกเฉยในการดำเนินคดี ศาลย่อมสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสียจากสารบบความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขกฎหมายจราจรและการยกฟ้องข้อหาแซงซ้ายเมื่อมีเหตุยกเว้นตามกฎหมายใหม่
ขณะจำเลยกระทำความผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 10 บัญญัติให้รถที่เดินสวนกันหลีกด้านซ้ายและเมื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นให้ขึ้นด้านขวาผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดนั้น ต่อมาพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 4 บัญญัติให้ยกเลิกมาตรา 10 นั้นเสียและได้ยอมให้ขับรถขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายได้ เมื่อไม่มีอะไรกีดขวางและไม่กีดขวางรถอื่นทั้งผู้ขับขี่สามารถกระทำได้โดยปลอดภัยเมื่อจำเลยขับรถขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายและต้องด้วยข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขกฎหมายจราจรและการขับรถแซงซ้าย การพ้นจากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ขณะจำเลยกระทำความผิด พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 10 บัญญัติให้รถที่เดินสวนกันหลีกด้านซ้าย และเมื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นให้ขึ้นด้านขวา ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดนั้น ต่อมาพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 4 บัญญัติให้ยกเลิกมาตรา 10 นั้นเสีย และได้ยอมให้ขับรถขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายได้ เมื่อไม่มีอะไรกีดขวางและไม่กีดขวางรถอื่น ทั้งผู้ขับขี่สามารถกระทำได้โดยปลอดภัย เมื่อจำเลยขับรถขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้าย และต้องด้วยข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ผู้ถือเช็คมีสิทธิฟ้องได้ แม้ไม่ใช่ผู้รับเช็คโดยตรง
เช็คที่ฟ้องร้องกันเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยเป็นผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนด จำเลยจึงนำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคาร แต่ถูกธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน จำเลยจึงฟ้องกล่าวหาโจทก์ว่าโจทก์กระทำผิดอาญาโดยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ข้อความที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ว่ากระทำผิดทางอาญาจึงอยู่ที่ข้อความตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติไว้นั้น หาใช่อยู่ที่ข้อความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คนั้นให้แก่ผู้ใด และจ่ายเช็คนั้นเป็นการชำระหนี้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งมิใช่จำเลยหรือไม่(อ้างฎีกาที่ 288/2507) ดังนั้น ฟ้องของจำเลยจึงไม่เป็นฟ้องเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์เจตนาทุจริต ไม่ใช่แค่ผู้รับเช็ค
เช็คที่ฟ้องร้องกันเป็นเช็คออกให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ จำเลยเป็นผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงเช็ค เมื่อเช็คถึงกำหนด จำเลยจึงนำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคาร แต่ถูกธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงิน จำเลยจึงฟ้องกล่าวหาโจทก์ว่าโจทก์กระทำผิดอาญาโดยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 ข้อความที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ว่ากระทำผิดทางอาญาจึงอยู่ที่ข้อความตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติไว้นั้น หาใช่อยู่ที่ข้อความว่าโจทก์สั่งจ่ายเช็คนั้นให้แก่ผู้ใด และจ่ายเช็คนั้นเป็นการชำระหนี้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งมิใช่จำเลยหรือไม่(อ้างฎีกาที่ 284/2507)ดังนั้นฟ้องของจำเลยจึงไม่เป็นฟ้องเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังทำสัญญาซื้อขาย
โจทก์เข้าครอบครองที่ดินมีโฉนดโดยได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือกับเจ้าของร่วมและได้รับโฉนดไว้ และได้ครอบครองต่อมาเกิน 10 ปี ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผย โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา 1382 แม้มีการซื้อขายที่ไม่จดทะเบียน
โจทก์เข้าครอบครองที่ดินมีโฉนดโดยได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือกับเจ้าของร่วมและได้รับโฉนดไว้ และได้ครอบครองต่อมาเกิน 10 ปี ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผย โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ: ผู้เสียหายคือเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เพื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่งไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงคือบริษัทเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่ง ไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้
of 104