พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการแสดงรายการค่าใช้จ่ายของผู้ชำระบัญชี: ไม่จำเป็นต้องแยกรายละเอียดการจ่ายเช็คให้ตนเอง หากแสดงยอดรวมถูกต้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1255, 1270 ไม่ได้บังคับว่าผู้ชำระบัญชีต้องแสดงรายการจ่ายเช็คที่ผู้ชำระบัญชีได้ออกสั่งจ่ายให้แก่ตนเองว่า ตนได้ใช้จ่ายอย่างไรในการชำระบัญชีเป็นราย ๆ ไปทุกราย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ชำระบัญชีแสดงรายจ่ายรวมยอดได้ไม่จำต้องแยกยอด และบัญชีของจำเลยแสดงรายจ่ายถูกต้องแล้ว ก็ไม่มีข้อใดที่ขัดต่อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 499/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงรายการจ่ายเช็คของผู้ชำระบัญชี: รายการรวมยอดถูกต้องตามกฎหมาย
การชำระบัญชีตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1255,1270 บัญญัติไว้นั้นหาได้บังคับว่า ผู้ชำระบัญชีต้องแสดงรายการจ่ายเช็คเป็นรายๆ ทุกรายไปผู้ชำระบัญชีแสดงรายจ่ายรวมยอดได้ ไม่จำต้องแยกยอดเมื่อแสดงรายจ่ายได้ถูกต้องแล้วก็ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาต้องแสวงหาความจริง แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่อาจทำให้จำเลยไม่ต้องรับโทษ
ถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง และโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานก็ดี หากมีหลักฐานบางอย่างปรากฏอยู่ในสำนวนว่าถ้าเป็นจริงตามหลักฐานนั้น จะไม่อาจลงโทษจำเลยได้แล้วศาลก็ชอบที่จะพิจารณาหลักฐานข้อนั้นให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อนเช่น สอบถามโจทก์ หรือสืบพยานหลักฐานที่อาจมีต่อไปให้เสร็จสิ้นแล้วจึงพิพากษาคดีไปตามที่ได้ความนั้นไม่ใช่ด่วนพิพากษาไปตามคำรับสารภาพนั้นเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษอาวุธปืน: ศาลต้องตรวจสอบหลักฐานข้อยกเว้น แม้จำเลยรับสารภาพ
ถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้องและโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานก็ดี หากมีหลักฐานบางอย่างปรากฏอยู่ในสำนวนว่า ถ้าเป็นจริงตามหลักฐานนั้น จะไม่อาจลงโทษจำเลยได้แล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิจารณาหลักฐานข้อนั้นให้ได้ความแน่ชัดเสียก่อน เช่นสอบถามโจทก์หรือสืบพยานหลักฐานที่อาจมีต่อไปให้เสร็จสิ้น แล้วจึงพิพากษาคดีไปตามที่ได้ความนั้น ไม่ใช่ด่วนพิพากษาไปตามคำรับสารภาพนั้นเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาเป็นอันระงับเมื่อจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาคดี
คดีอาญานั้นเมื่อจำเลยตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาหยุดดำเนินการเมื่อจำเลยเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา
คดีอาญานั้น เมื่อจำเลยตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา คดีก็เป็นอันระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับฟังข้อเท็จจริงใหม่ โจทก์โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกรอกวันเดือนปี ลงในเช็ค โดยสุจริตแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์กรอกวันเดือนปีในเช็คมอบให้จำเลยไป นั้น โจทก์ย่อมฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับฟังข้อเท็จจริงใหม่ โจทก์โต้แย้งข้อเท็จจริงเดิมที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
ดคีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกรอกวันเดือนปีลงในเช็คโดยสุจริต แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์กรอกวันเดือนปีในเช็คมอบให้จำเลยไป นั้น โจทก์ย่อมฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคณฑ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้นมิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้นแต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่าในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัวต่อไม่พอ จึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์ และความรับผิดส่วนตัว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคหณ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้น มิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้น แต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่า ในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัว ต่อไม่พอจึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้