คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เชื้อ คงคากุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159-1160/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตฎีกาในคดีอาญา: ศาลฎีกาพิจารณาจากเหตุผลที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิจารณาคดีได้อนุญาตให้จำเลยฎีกาในคดีอาญาโดยใช้คำว่า เป็นคดีมีพฤติการณืซับซ้อนหลายประการอันเป็นปัญหาสำคัญควรขึ้นไปสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดอีกชั้นหนึ่ง จึงอนุญาตให้ฎีกาดังนี้ แม้จะไม่ได้ใช้ถ้อยคำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แต่ก็เข้าใจได้ว่าผู้อนุญาตให้ฎีกาเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัย จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงทางจิตใจและการพรากภรรยา ศาลลดโทษอาญา
การที่จำเลยพาอาวุธปืนไปในถนนสาธารณะก่อนแล้วจึงใช้ปืนยิงฆ่าเขาตายนั้น ต้องมีความผิดตามมาตรา 371 กระทงหนึ่งด้วย แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามมาตรา 91 ได้ไม่ใช่มาตรา 90
การที่ผู้ตายรู้อยู่ว่าหญิงเป็นภรรยาของจำเลยแล้วยังพยายามติดต่อทางชู้สาวเอาไปเป็นภรรยาจนได้ จำเลยยังมีเยื่อใยจึงติดตามไปพบทั้งภรรยาและผู้ตายเดินมาด้วยกันจำเลยได้วิงวอนขอให้ภรรยากลับไปอยู่กับตน ผู้ตายกลับสบประมาทว่า "เป็นหน้าตัวเมียผู้หญิงเขาไม่รักจะตามมาทำไม" ถือว่ารุนแรงสำหรับกรณีเช่นจำเลยนี้ และเป็นเหตุให้บันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 72 และคำนึงถึงเหตุผลเช่นนี้กับเหตุผลตามมาตรา 56 แล้ว ศาลรออาญาโทษจำคุกไว้ตามมาตรา 56 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากถูกข่มเหงและสบประมาทเป็นเหตุให้ฆ่า: ศาลลดโทษตามมาตรา 72 และรอการลงโทษ
การที่จำเลยพาอาวุธปืนไปในถนนสาธารณก่อนแล้วจึงใช้ปืนยิงฆ่าเขาตายนั้น ต้องมีความผิดตามมาตรา 371 กระทงหนึ่งด้วย แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามมาตรา 91 ได้ ไม่ใช่มาตรา 90
การที่ผู้ตายรู้อยู่ว่าหญิงเป็นภรรยาของจำเลยแล้วยังพยายามติดต่อทางชู้สาวเอาไปเป็นภรรยาจนได้ จำเลยยังมีเยื่อใยจึงติดตามไปพบทั้งภรรยาและผู้ตายเดินมาด้วยกัน จำเลยได้วิงวอนขอให้ภรรยากลับไปอยู่กับตน ผู้ตายกลับสบประมาทว่าเป็น "หน้าตัวเมีย ผู้หญิงเขาไม่รักจะตามมาทำไม" ถือว่ารุนแรงสำหรับกรณีเช่นจำเลยนี้และเป็นเหตุให้บันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 72 และคำนึงถึงเหตุผลเช่นนี้กับเหตุผลตามมาตรา 56 แล้ว ศาลรออาญาโทษจำคุกไว้ตามมาตรา 56 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า: สละเจตนา + ส่งมอบ หรือทำนิติกรรมให้ถูกต้องตามแบบ
การโอนสิทธิครอบครองในที่ดินมือเปล่าที่มิใช่มีมาแต่ดั้งเดิม แต่เป็นที่ดินมือเปล่าที่ตกอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น กระทำได้ด้วยการสละเจตนาครอบครองและส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 หาขัดกับมาตรา 1299 วรรคแรกไม่ เพราะมาตรา 1299 ได้บัญญัติให้มาตรา 1299 วรรคแรกอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่น ฉะนั้น เมื่อมีมาตรา 1377,1378 บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าผู้โอนและผู้รับโอนประสงค์จะทำการโอนโดยผลของนิติกรรม ไม่ใช่โดยสละและส่งมอบ ก็ต้องทำนิติกรรมให้ถูกแบบดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1299 วรรคแรก นิติกรรมนั้นจึงจะสมบูรณ์ในอันที่จะโอนสิทธิครอบครองไปได้
บุตรเอาที่ดินมือเปล่าของบิดาไปแจ้งสิทธิครอบครอง บิดาร้องอำเภอ จึงตกลงทำสัญญาที่อำเภอว่าบิดายกที่ดินให้บุตร แต่บุตรต้องให้ข้าวเปลือกเป็นรายปี และค่าทำศพบิดา ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญประนีประนอมยอมความซึ่งมีผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 มิใช่เป็นการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 521 อีกทั้งเป็นการให้ที่มีภาระติดพันตามมาตรา 535 จึงถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24-25/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า & สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน
การโอนสิทธิครอบครองที่นามือเปล่า กระทำได้ด้วยการสละเจตนาครอบครอง และส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 หาขัดกับมาตรา 1299 วรรคแรก เพราะมาตรา 1299 วรรคแรกเป็นเรื่องบัญญัติถึงการได้มาโดยนิติกรรม ซึ่งถ้าผู้โอนและผู้รับโอนประสงค์จะทำการโอนโดยผลของนิติกรรม ไม่ใช่โดยสละและส่งมอบการครอบครองแล้ว ก็ต้องทำนิติกรรมให้ถูกแบบตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 1299 วรรคแรก แต่ถ้าโอนกันโดยสละและส่งมอบการครอบครอง แม้นิติกรรมไม่ถูกแบบ การโอนนั้นก็ใช้ได้ตาม มาตรา 1377,1378
บุตรเอาที่ดินมือเปล่าของบิดาไปแจ้งสิทธิครอบครอง บิดาไปร้องต่ออำเภอ จึงตกลงทำสัญญาที่อำเภอกันว่าบิดายกที่ดินให้บุตร แต่บุตรต้องให้ข้าวเปลือกเป็นรายปีและค่าทำศพบิดา ดังนี้ ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีผลตาม มาตรา 852 มิใช่เป็นการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 521 อีกทั้งเป็นการให้ที่มีภารติดพันตาม มาตรา535 บิดาจะถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่ครบองค์ความผิด ศาลไม่รับพิจารณา แม้แก้ไขเพิ่มเติมภายหลังก็ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องไม่ครบองค์ความผิดนั้นถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมายมาแต่ต้นแล้ว โจทก์จึงจะมาขอแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นฟ้องขึ้นหาได้ไม่ ส่วนการร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องเกี่ยวกับฐานความผิดหรือรายละเอียด ซึ่งต้องแถลงในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ถูกต้องมาแต่ต้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเช็คเด้งต้องระบุการปฏิเสธการใช้เช็ค การแก้ไขฟ้องที่ไม่ถูกต้องทำไม่ได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยออกเช็คโดยไม่มีเงินในธนาคารขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คแต่ตามฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวข้อความว่า ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค อันเป็นองค์ประกอบความผิดประการหนึ่ง ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ถูกต้อง
เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องมาแต่ต้นแล้ว โจทก์จะมาขอแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นฟ้องถูกต้องขึ้นหาได้ไม่ การร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องเกี่ยวกับฐานความผิดหรือรายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 นั้น ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ถูกต้องมาแต่ต้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสำแดงรายการเท็จกับการพยายามลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน
จำเลยสำแดงรายการสินค้าขาออกต่อกรมศุลกากรเป็นเท็จแล้วต่อมาอีก 2 วัน จำเลยพยายามนำสินค้านั้นจะออกนอกราชอาณาจักรแต่ตำรวจจับได้เสียก่อน เช่นนี้ แม้การกระทำทั้งสองฐานนี้จะเกี่ยวเนื่องกัน คือ จำเลยสำแดงรายการสินค้าเท็จ ก็เพื่อจะลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรก็ตาม ก็เป็นการกระทำผิดคนละอย่างต่างกรรมต่างวาระกัน เพราะเมื่อจำเลยสำแดงรายการสินค้าขาออกเท็จนั้น เป็นความผิดสำเร็จไปตอนหนึ่งแล้ว ต่อมาอีก 2 วันทำผิดฐานพยายามนำสินค้าจะออกนอกราชอาณาจักรจึงเป็นความผิดอีกฐานหนึ่ง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดหลายกระทง: การสำแดงรายการเท็จกับการพยายามลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเป็นคนละกรรมต่างวาระกัน
จำเลยสำแดงรายการสินค้าขาออกด้วยกรมศุลกากรเป็นเท็จ แล้วต่อมาอีก 2 วัน จำเลยพยายามนำสินค้านั้นจะออกนอกราชอาณาจักร แต่ตำรวจจับได้เสียก่อน เช่นนี้ แม้การกระทำทั้งสองฐานนี้จะเกี่ยวเนื่องกัน คือ จำเลยสำแดงรายการสินค้าเท็จ ก็เพื่อจะลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรก็ตาม ก็เป็นการกระทำผิดคนละอย่างต่างกรรมต่างวาระกัน เพราะเมื่อจำเลยสำแดงรายการสินค้าขาออกเท็จนั้น เป็นความผิดสำเร็จไปตอนหนึ่งแล้ว ต่อมาอีก 2 วันทำผิดฐานพยายามนำสินค้าจะออกนอกราชอาณาจักรจึงเป็นความผิดอีกฐานหนึ่ง
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร: คดีต้องขึ้นศาลพลเรือนหากไม่มีหลักฐานพรรคพวกจำเลยเป็นบุคคลในอำนาจศาลทหาร แม้ภายหลังพิสูจน์ได้ว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
จำเลยเป็นทหารประจำการ แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกกระทำผิดกฎหมาย โดยโจทก์ไม่ยืนยันว่าพวกจำเลยเป็นทหารหรือพลเรือนและชั้นพิจารณาก็ไม่ปรากฏว่าเป็นทหารหรือพลเรือนก็ตาม เมื่อคดีไม่มีหลักฐานว่าพรรคพวกของจำเลยเป็นบุคคลอยู่ในอำนาจศาลทหารแล้ว คดีก็ต้องขึ้นศาลฝ่ายพลเรือนและแม้จะปรากฎตามทางพิจารณาในภายหลังว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ให้ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
(อ้างฎีกาที่ 463/2504)
of 104