พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: ศาลรับฟังพยานหลักฐานจากทุกฝ่ายได้ ผู้เสียหายเท่านั้นร้องขอโทษได้
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเมื่อศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวน ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงได้จากหลักฐานและคำพยานที่ปรากฏมีอยู่ในสำนวนประกอบการวินิจฉัยได้ทั้งหมดไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้อ้างหรือนำมาสืบ และผู้ถูกหาว่าละเมิดอำนาจศาลก็มีโอกาสซักค้านพยานนั้นได้อยู่แล้ว ศาลย่อมฟังลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ข้างฝานอกห้องพิจารณาบนศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าพยานโจทก์ทำร้ายผู้ร้องฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างขอให้ลงโทษอีกฝ่ายในฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ ลงโทษผู้ร้องข้างเดียวฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก 4 เดือน เช่นนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานโจทก์ดังกล่าวมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วยเพราะผู้ร้อง ไม่ใช่ผู้เสียหายในส่วนการละเมิดอำนาจศาลของพยานโจทก์ดังกล่าวนั้น
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ข้างฝานอกห้องพิจารณาบนศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าพยานโจทก์ทำร้ายผู้ร้องฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างขอให้ลงโทษอีกฝ่ายในฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วฟังว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ ลงโทษผู้ร้องข้างเดียวฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก 4 เดือน เช่นนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานโจทก์ดังกล่าวมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วยเพราะผู้ร้อง ไม่ใช่ผู้เสียหายในส่วนการละเมิดอำนาจศาลของพยานโจทก์ดังกล่าวนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: ศาลรับฟังพยานจากทุกฝ่ายได้ ผู้เสียหายจำกัดสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเมื่อชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวน ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงได้จากหลักฐานและคำพยานที่ปรากฏมีอยู่ในสำนวนประกอบการวินิจฉัยได้ทั้งหมดไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้อ้างหรือนำมาสืบ และผู้ถูกหาว่าละเมิดอำนาจศาลก็มีโอกาศซักค้านพยานนั้นได้ อยู่แล้ว ศาลย่อมฟังลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ข้างฝานอกห้องพิจารณาบนศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าพยานโจทก์ทำร้ายผู้ร้องฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างขอให้ลงโทษอีกฝ่ายในฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก 4 เดือน เช่นนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานโจทก์ดังกล่าวมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วยเพราะผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายในส่วนการละเมิดอำนาจศาลของพยานโจทก์ดังกล่าวนั้น
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทำร้ายพยานโจทก์ข้างฝานอกห้องพิจารณาบนศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าพยานโจทก์ทำร้ายผู้ร้องฝ่ายเดียว ต่างฝ่ายต่างขอให้ลงโทษอีกฝ่ายในฐานละเมิดอำนาจศาล จำคุก 4 เดือน เช่นนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาว่าพยานโจทก์ดังกล่าวมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลด้วยเพราะผู้ร้องไม่ใช่ผู้เสียหายในส่วนการละเมิดอำนาจศาลของพยานโจทก์ดังกล่าวนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857-859/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าเมื่อสัญญาเช่าระหว่างผู้ให้เช่าเดิมกับผู้ให้เช่ารายใหม่สิ้นสุด และผลของการไม่จดทะเบียนสัญญาเช่า
สัญญาที่เจ้าของที่ดินให้ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกรายพิพาท แล้วให้ตึกพิพาทตกเป็นของเจ้าของที่ดินแต่ให้ผู้เช่าที่ดินเอาตึกไปให้ผู้อื่นเช่าได้มีกำหนดระยะเวลา 6 ปี สัญญานี้ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้ว นั้น เป็นสัญญาที่มีผลพูกพันเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าที่ดินเท่านั้น ส่วนจำเลยที่มีสิทธิเข้ามาอยู่ในตึกรายพิพาทได้ก็โดยอาศัยสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าที่ดินที่ปลูกตึกพิพาทต่างหาก จำเลยจะมีสิทธิอยู่ในตึกรายพิพาทได้แค่ไหนเพียงใดนั้น ย่อมจะต้องเป็นไปตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะยกเอาสัญญาที่เจ้าของที่ดินทำกับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมายันเจ้าของที่ดินได้เพราะจำเลยไม่ใช่คู่สัญญาสัญญานั้น จึงไม่มีข้อผูกพันเกี่ยวข้องกับเลย เมื่อสัญญาปลูกสร้างตึกพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทระงับไปแล้ว เจ้าของที่ดินซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในตึกพิพาทย่อมจะรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีอยู่ตามสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลย จำเลย 3 สำนวนนี้
ได้ทำสัญญาเช่าตึกรายพิพาทแต่ละห้องไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีกำหนดเวลาเช่า 6 ปี จะทำสัญญาเช่าเป็น 2 ฉบับ ๆ ละ 3 ปี หรือจะทำเป็นฉบับเดียว มีกำหนด 6 ปี ก็ตาม เมื่อไม่ได้จดทะเบียนสัญญาเช่านั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วสัญญาเช่านั้นก็คงใช้ได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เมื่อจำเลยผู้เช่ามาครบกำหนด 3 ปีแล้วและห้องเช่าไม่ใช่เคหะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และเจ้าของที่ดินได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้ว เจ้าของที่ดินก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องขอเรียกเป็นค่าเช่า แต่ถ้าตามสภาพของคำฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่จำเลยยังคงขืนอยู่ในห้องของโจทก์ในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวแล้ว โดยชอบ ให้จำเลยคืนห้องให้โจทก์ ศาลก็ย่อมให้จำเลยชดใช้เป็นค่าเสียหายได้ (อ้างฎีกาที่ 1593/2494)
ได้ทำสัญญาเช่าตึกรายพิพาทแต่ละห้องไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีกำหนดเวลาเช่า 6 ปี จะทำสัญญาเช่าเป็น 2 ฉบับ ๆ ละ 3 ปี หรือจะทำเป็นฉบับเดียว มีกำหนด 6 ปี ก็ตาม เมื่อไม่ได้จดทะเบียนสัญญาเช่านั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วสัญญาเช่านั้นก็คงใช้ได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เมื่อจำเลยผู้เช่ามาครบกำหนด 3 ปีแล้วและห้องเช่าไม่ใช่เคหะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และเจ้าของที่ดินได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้ว เจ้าของที่ดินก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องขอเรียกเป็นค่าเช่า แต่ถ้าตามสภาพของคำฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่จำเลยยังคงขืนอยู่ในห้องของโจทก์ในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวแล้ว โดยชอบ ให้จำเลยคืนห้องให้โจทก์ ศาลก็ย่อมให้จำเลยชดใช้เป็นค่าเสียหายได้ (อ้างฎีกาที่ 1593/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857-859/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าตึกที่ไม่ได้จดทะเบียน สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าเมื่อสัญญาหมดอายุ และผลกระทบต่อเจ้าของกรรมสิทธิ์
สัญญาที่เจ้าของที่ดินให้ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกรายพิพาท แล้วให้ตึกพิพาทตกเป็นของเจ้าของที่ดินแต่ให้ผู้เช่าที่ดินเอาตึกไปให้ผู้อื่นเช่าได้มีกำหนดระยะเวลา 6 ปี สัญญานี้ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วนั้น เป็นสัญญาที่มีผลผูกพันเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าที่ดินเท่านั้น ส่วนจำเลยที่มีสิทธิเข้ามาอยู่ในตึกรายพิพาทได้ก็โดยอาศัยสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าที่ดินที่ปลูกตึกพิพาทต่างหาก จำเลยจะมีสิทธิอยู่ในตึกรายพิพาทได้แค่ไหนเพียงใดนั้น ย่อมจะต้องเป็นไปตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะยกเอาสัญญาที่เจ้าของที่ดินทำกับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมายันเจ้าของที่ดินได้เพราะจำเลยไม่ใช่คู่สัญญา สัญญานั้นจึงไม่มีข้อผูกพันเกี่ยวข้องกับจำเลยเมื่อสัญญาปลูกสร้างตึกพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทระงับไปแล้ว เจ้าของที่ดินซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในตึกรายพิพาทย่อมจะรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีอยู่ตามสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลย จำเลย 3 สำนวนนี้ ได้ทำสัญญาเช่าตึกรายพิพาทแต่ละห้องไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีกำหนดเวลาเช่า 6 ปี จะทำสัญญาเช่าเป็น 2 ฉบับๆละ 3 ปี หรือจะทำเป็นฉบับเดียวมีกำหนด 6 ปี ก็ตาม เมื่อไม่ได้จดทะเบียนสัญญาเช่านั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วสัญญาเช่านั้นก็คงใช้ได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เมื่อจำเลยผู้เช่ามาครบกำหนด 3 ปีแล้วและห้องเช่าไม่ใช่เคหะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และเจ้าของที่ดินได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้ว เจ้าของที่ดินก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องขอเรียกเป็นค่าเช่า แต่ถ้าตามสภาพของคำฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่จำเลยยังคงขืนอยู่ในห้องของโจทก์ในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวแล้วโดยชอบ ให้จำเลยคืนห้องให้โจทก์ ศาลก็ย่อมให้จำเลยชดใช้เป็นค่าเสียหายได้ (อ้างฎีกาที่1593/2494)
แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องขอเรียกเป็นค่าเช่า แต่ถ้าตามสภาพของคำฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่จำเลยยังคงขืนอยู่ในห้องของโจทก์ในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวแล้วโดยชอบ ให้จำเลยคืนห้องให้โจทก์ ศาลก็ย่อมให้จำเลยชดใช้เป็นค่าเสียหายได้ (อ้างฎีกาที่1593/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ด้วยการชำระเงินและการนำสืบพยานหลักฐานการชำระหนี้ภายใต้ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง แต่ได้ชำระเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะเป็นผู้รับเงินค่าจ้างทำทางจากกรมทางฯ แทนบริษัทพาณิชย์ฯ ซึ่งจำเลยรับจ้างจากบริษัทพาณิชย์ฯขุดดินถมคันทางที่บริษัทพาณิชย์ฯ รับจ้างสร้างทางจากกรมทางฯ และโจทก์ได้รับเงินจากกรมทางฯ ไปแล้วโดยโจทก์ได้หักเงินจำนวนนั้นชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยครบถ้วนแล้ว หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีเหลืออยู่ ที่จำเลยให้การต่อสู้ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หนี้เงินกู้รายนี้ได้ระงับไปแล้ว ซึ่งเท่ากับจำเลยได้ต่อสู้คดีว่าหนี้ระงับโดยมีการใช้เงินกันแล้ว หาใช่ระงับไปเพราะมีการยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินไม่ เมื่อการใช้หนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดงทั้งจำเลยยอมรับว่าสัญญากู้เวลานี้ยังอยู่ที่โจทก์โดยมิได้มีการสลักหลังกันแต่ประการใด จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำสืบการใช้เงินกู้นี้ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ด้วยการชำระเงิน vs. การยอมรับทรัพย์สินอื่นแทนเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๕๓
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้ เงินโจทก์แต่ จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง แต่ได้ชำระเงินกู้พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะเป็นผู้รับเงินค่าจ้างทำทางจากกรมทางฯ แทนบริษัทพาณิชย์ฯ ซึ่งจำเลยรับจ้างจากบริษัทพาณิชย์ ฯ ขุดดินถมคันทางที่บริษัทพาณิชย์ฯ รับจ้างสร้างทางจากกรมทางฯ และโจทก์ก็ได้รับเงินจากกรมทางฯ ไปแล้วโดยโจทก์ได้หักเงินจำนวนนั้น ชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยครบถ้วนแล้ว หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงไม่มีเหลืออยู่ ที่จำเลยให้การต่อสู้ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หนี้เงินกู้รายนี้ได้ระงับโดยมีใช้เงินกันแล้ว หาใช่ระงับไปเพราะมีการยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินไม่ เมื่อการใช้หนี้เงินกู้รายนี้ จำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้กู้มาแสดงทั้งจำเลยยอมรับว่าสัญญากู้เวลานี้ยังอยู่ที่โจทก์โดยมิได้มีการสลักหลังกันแต่ประการใด จำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะนำสืบการใช้เงินกู้นี้ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงซ้ำด้วยอาวุธอันตราย และการลดโทษจากพฤติการณ์มอบตัว
จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้เสียหาย 2 แผล แสดงว่ามีการแทงซ้ำ โดยเฉพาะแผลที่ท้องน้อยเป็นแผลใหญ่ลึกทะลุช่องท้อง ไส้จึงไหลออกมา จำเลยรู้อยู่ดีว่าตำแหน่งของแผลเป็นที่สำคัญประกอบกับการที่แทงโดยแรงและด้วยอาวุธมีดดาบใหญ่และยาว จึงฟังได้ว่า จำเลยตั้งใจหรืออาจจะแลเห็นผลว่าคงจะถึงตาย ความผิดของจำเลยจึงเป็นฐานพยายามฆ่าคน
การที่จำเลยนำอาวุธไปมอบแก้เจ้าพนักงานเป็นทำนองมอบตัวเข้าต่อสู้คดี อาจถือได้ว่า ไปลุแก่โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
การที่จำเลยนำอาวุธไปมอบแก้เจ้าพนักงานเป็นทำนองมอบตัวเข้าต่อสู้คดี อาจถือได้ว่า ไปลุแก่โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงซ้ำด้วยอาวุธอันตราย ศาลลดโทษจากความสำนึกผิดและมอบตัว
จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้เสียหาย 2 แผลแสดงว่ามีการแทงซ้ำโดยเฉพาะแผลที่ท้องน้อยเป็นแผลใหญ่ลึกทะลุช่องท้อง ไส้จึงไหลออกมา จำเลยรู้อยู่ดีว่าตำแหน่งของแผลเป็นที่สำคัญประกอบกับการที่แทงโดยแรงและด้วยอาวุธมีดดาบใหญ่และยาว จึงฟังได้ว่าจำเลยตั้งใจหรืออาจจะแลเห็นผลว่าคงจะถึงตาย ความผิดของจำเลยจึงเป็นฐานพยายามฆ่าคน
การที่จำเลยนำอาวุธไปมอบแก่เจ้าพนักงานเป็นทำนองมอบตัวเข้าต่อสู้คดี อาจถือได้ว่าไปลุแก่โทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78
การที่จำเลยนำอาวุธไปมอบแก่เจ้าพนักงานเป็นทำนองมอบตัวเข้าต่อสู้คดี อาจถือได้ว่าไปลุแก่โทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงยกฟ้องคดีอาญาที่ศาลเห็นว่าไม่มีมูลตามกฎหมาย
ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาเกินอำนาจต่อศาลแขวงศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ศาลแขวงก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงยกฟ้องคดีอาญาหากไต่สวนแล้วเห็นว่าไม่มีมูลตามกฎหมาย
ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญาเกินอำนาจต่อศาลแขวง ๆ ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ไม่มีมูลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ ศาลแขวงก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์เสียได้