พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงิน: จำเลยที่ 2 ไม่ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้กู้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระเงินกู้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือว่าจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้อย่างใดโจทก์ย่อมจะฟ้องร้องบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้กู้หาได้ไม่
แบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินอันยังไม่ได้กรอกข้อความและมีลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้มอบอำนาจก็ดีหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่
แบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจของกรมที่ดินอันยังไม่ได้กรอกข้อความและมีลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้มอบอำนาจก็ดีหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาข้อความเท็จที่ทำให้เสียชื่อเสียง แม้จะเป็นเรื่องที่เคยมีการฟ้องร้องและยอมความแล้ว
โจทก์จำเลยเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลด้วยกัน
จำเลยได้พิมพ์ใบปลิวมีข้อความว่า 'โจทก์ทำการค้ากับร้านสหกรณ์สมัยนายเฉลิมเป็นผู้จัดการ รับนมและบุหรี่ไปขายแล้วไม่นำเงินมาให้ร้านสหกรณ์ 20,383 บาท และจ่ายเช็คไม่มีเงินให้ 13,878.85 บาทจำเลยเข้าไปรับงานผู้จัดการทีหลังรื้อเรื่องขึ้นมาฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกเงินให้ร้านสหกรณ์สำเร็จขณะนี้โจทก์ยังคงผ่อนชำระให้ร้านสหกรณ์ตามคำสั่งศาลอยู่' แล้วจำเลยโฆษณาแจกจ่ายใบปลิวเหล่านั้นแม้ตามความจริงโจทก์ได้ถูกร้านสหกรณ์ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการฟ้องเรียกเงินต่อศาลและได้ยอมความกันก็ตามการกระทำของจำเลยก็เป็นเจตนาใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
จำเลยได้พิมพ์ใบปลิวมีข้อความว่า 'โจทก์ทำการค้ากับร้านสหกรณ์สมัยนายเฉลิมเป็นผู้จัดการ รับนมและบุหรี่ไปขายแล้วไม่นำเงินมาให้ร้านสหกรณ์ 20,383 บาท และจ่ายเช็คไม่มีเงินให้ 13,878.85 บาทจำเลยเข้าไปรับงานผู้จัดการทีหลังรื้อเรื่องขึ้นมาฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกเงินให้ร้านสหกรณ์สำเร็จขณะนี้โจทก์ยังคงผ่อนชำระให้ร้านสหกรณ์ตามคำสั่งศาลอยู่' แล้วจำเลยโฆษณาแจกจ่ายใบปลิวเหล่านั้นแม้ตามความจริงโจทก์ได้ถูกร้านสหกรณ์ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการฟ้องเรียกเงินต่อศาลและได้ยอมความกันก็ตามการกระทำของจำเลยก็เป็นเจตนาใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทจากการโฆษณาข้อความเสียหายทางการค้า แม้มีมูลจากข้อเท็จจริง ก็ถือเป็นความผิด
โจทก์จำเลยเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลด้วยกัน จำเลยได้พิมพ์ใบปลิวมีข้อความว่า "โจทก์ทำการค้ากับร้านสหกรณ์สมัยนายเฉลิมเป็นผู้จัดการ รับนมและบุหรี่ไปขายแล้วไม่นำเงินมาให้ร้านสหกรณ์ 20,383 บาท และจ่ายเช็คไม่มีเงินให้ 13,878.85 บาท จำเลยเข้าไปรับงานผู้จัดการทีหลังรื้อเรื่องขึ้นมาฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกเงินให้ร้านสหกรณ์สำเร็จ ขณะนี้โจทก์ยังคงผ่อนชำระให้ร้านสหกรณ์ตามคำสั่งศาลอยู่" แล้วจำเลยโฆษณาแจกจ่ายใบปลิวเหล่านั้น แม้ตามความจริงโจทก์ได้ถูกร้านสหกรณ์ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการฟ้องเรียกเงินต่อศาลและได้ยอมความกันก็ตาม การกระทำของจำเลยก็เป็นเจตนาใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าและการบังคับชำระหนี้: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยการสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ได้โดยไม่ต้องเพิกถอนนิติกรรม
โจทก์นำยึดทรัพย์อ้างว่าเป็นของสามีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาภรรยาร้องขัดทรัพย์อ้างว่าหย่าขาดจากสามีและแบ่งทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นแล้วโดยทรัพย์นั้นเป็นของภรรยาและบุตรเช่นนี้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าการหย่าและแบ่งทรัพย์เช่นว่านี้เป็นการยินยอมเพื่อให้ทรัพย์ที่ยึดหลุดพ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้ได้โดยมิต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการหย่าแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้และการโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินหลังการหย่า ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดได้
โจทก์ยึดทรัพย์อ้างว่าเป็นของสามีซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ภรรยาร้องขัดทรัพย์อ้างว่าหย่าขาดจากสามีและแบ่งทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นแล้ว โดยทรัพย์นั้นเป็นของภรรยาและบุตรเช่นนี้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าการหย่าการแบ่งทรัพย์เช่นว่านี้เป็นการยินยอมเพื่อให้ทรัพย์ที่ยึดหลุดพ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้ได้ โดยมิต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการหย่าแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุเมื่อถูกทำร้าย ผู้ตายเริ่มลงมือก่อนและมีร่างกายแข็งแรงกว่า
ผู้ตายล่ำใหญ่กว่าจำเลยและประพฤติผิดศีลธรรมต่อนางสาวสมจิตรบุตรเลี้ยงของจำเลยขึ้นก่อนเมื่อเกิดต่อว่ากันขึ้นแล้ว ผู้ตายแทงจำเลยก่อน และเมื่อกอดปล้ำกันแล้วจำเลยดิ้นไม่หลุดจำเลยจึงต้องแทงผู้ตายไปบ้างเป็นการป้องกันตัวอาวุธของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างเดียวกันบาดแผลก็ขนาดเดียวกันถือได้ว่าเป็นการพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุเมื่อถูกทำร้ายก่อน
ผู้ตายล่ำใหญ่กว่าจำเลยและประพฤติผิดศีลธรรมต่อนางสาวสมจิตรบุตรเลี้ยงของจำเลยขึ้นก่อน เมื่อเกิดต่อว่ากันขึ้นแล้ว ผู้ตายแทงจำเลยก่อน และเมื่อกอดปล้ำกัน แล้วจำเลยดิ้นไม่หลุด จำเลยจึงต้องแทงผู้ตายไปบ้างเป็นการป้องกันตัว อาวุธของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างเดียวกัน บาดแผลก็ขนาดเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพยานโจทก์และอำนาจศาลในการยกฟ้องคดีแพ่ง
โจทก์ ทนายโจทก์ และพยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง คงมาแต่ฝ่ายจำเลย ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า ขอให้ศาลยกฟ้องของโจทก์เสียเพราะถือได้ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาให้สืบ ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หน้าที่นำสืบก่อนตกแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสีย การที่โจทก์ขาดนัดเช่นนี้ กรณีไม่เข้า ป.วิ.พ. มาตรา 201 ซึ่งว่าด้วยการขาดนัดในคดีที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานหาใช่ขาดในนัดต่อ ๆ มาไม่ ศาลจะดำเนินกระบวนการพิจารณาไปอย่างไร แล้วแต่รูปคดี ไม่ได้ต้องผูกมัดว่าจะต้องจำหน่ายคดีตาม มาตรา 201
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้ว โจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226 (2) ป.วิ.พ. เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้ อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกา โจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้ว โจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226 (2) ป.วิ.พ. เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้ อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกา โจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพยานโจทก์ ศาลชอบที่จะยกฟ้องได้ และฎีกาไม่ขัดต่อข้อห้ามตามมาตรา 226(2)
โจทก์ ทนายโจทก์ และพยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สองโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง คงมาแต่ฝ่ายจำเลยทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า 'ขอให้ศาลยกฟ้องของโจทก์เสียเพราะถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบ' ดังนี้ย่อมหมายความว่า หน้าที่นำสืบก่อนตกแก่โจทก์เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสียการที่โจทก์ขาดนัดเช่นนี้ กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 ซึ่งว่าด้วยการขาดนัดในคดีที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานหาใช่ขาดในนัดต่อๆมาไม่ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาไปอย่างไรแล้วแต่รูปคดีไม่ได้ต้องผูกมัดว่าจะต้องจำหน่ายคดีตามมาตรา 201
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้วโจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกาโจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้วโจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกาโจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์: ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความยื่นคำให้การแก้คำร้องก่อนปฏิเสธ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งส่งสำเนาให้โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี และนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม คู่ความไม่มีทางตกลงกันได้ ศาลนัดสืบพยานผู้ร้อง ในวันนัดพร้อมนั้นเอง หลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้ว โจทก์ ยื่นคำให้การแก้คำร้องข้อทรัพย์ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของโจทก์ เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดี ธรรมดา ย่อมหมายความว่า เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธได้รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)