คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เชื้อ คงคากุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์: ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความยื่นคำให้การแก้คำร้อง มิฉะนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งส่งสำเนาให้โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี และนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม คู่ความไม่มีทางตกลงกันได้ ศาลนัดสืบพยานผู้ร้อง ในวันนัดพร้อมนั้นเองหลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้วโจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของโจทก์ เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดีธรรมดาย่อมหมายความว่าเมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธไม่รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของคู่สัญญาประนีประนอมยอมความในการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมจำนองที่ขัดต่อข้อตกลง
โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าจำเลยที่ 1 จะยกที่ดินให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา เอาที่ดินนั้นไปทำจำนองไว้กับจำเลยที่ 2 โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของคู่สัญญาประนีประนอมยอมความในการฟ้องเพิกถอนจำนองที่ดินที่ตกลงจะยกให้บุตร
โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ 1 จะยกที่ดินให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา เอาที่ดินนั้นไปทำจำนองไว้ กับจำเลยที่ 2 โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการไฟฟ้าที่ไม่เข้าข่ายค้าขายสาธารณูปโภคตามกฎหมายควบคุมกิจการค้าขาย
จำเลยซื้อเครื่องไฟฟ้าโดยประสงค์เพื่อจะใช้ในกิจการของตนเองเป็นเบื้องแรกส่วนการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้อื่นใช้ด้วยนั้น ก็มีแต่เฉพาะผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยในบริเวณเดียวกันซึ่งมีเพียง 10 กว่ารายเท่านั้นหาได้จ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ ทั้งเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเพียงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายโดยมิได้หวังผลกำไรและก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กำไรจากการนี้หากแต่เป็นการช่วยเหลือในระหว่างจำเลยกับผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยจึงยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายตามพระราชบัญญัตินี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการไฟฟ้าเพื่อใช้เองและการช่วยเหลือผู้เช่าห้อง ไม่ถือเป็นการค้าขายตามกฎหมาย
จำเลยซื้อเครื่องไฟฟ้าโดยประสงค์เพื่อจะใช้ในกิจการของตนเองเป็นเบื้องแรก ส่วนการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้อื่นใช้ด้วยนั้น ก็มีแต่เฉพาะผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยในบริเวณเดียวกัน ซึ่งมีเพียง 10 กว่ารายเท่านั้น หาได้จ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ ทั้งเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเพียงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายโดยมิได้หวังผลกำไร และก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กำไรจากการนี้ หากแต่เป็นการช่วยเหลือในระหว่างจำเลยกับผู้เช่าห้องของบิดาจำเลย จึงยังไม่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายตาม พ.ร.บ. นี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อ: จำเลยต้องยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับในคดีก่อน ศาลต้องสอบถามและจดบันทึกไว้
การสั่งให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีก่อนนั้น จะกระทำได้ต่อเมื่อความปรากฏว่าเป็นคน ๆ เดียวกันกับจำเลยในคดีก่อน ซึ่งศาลลงโทษไปแล้ว การที่จำเลยได้ให้การปฏิเสธความผิด ไม่ได้พูดถึงเรื่องโจทก์ขอให้นับโทษต่อกัน แต่ก็มิได้มีการสอบถามจดบันทึกในเรื่องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อไว้แต่ประการใด เช่นนี้ ยังไม่มีทางนับโทษต่อให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อ จำเป็นต้องมีการสอบถามจำเลยและรับรองว่าเป็นคนเดียวกัน
การสั่งให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีก่อนนั้น จะกระทำได้ต่อเมื่อความปรากฏว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกันกับจำเลยในคดีก่อนซึ่งศาลลงโทษไปแล้วการที่จำเลยได้ให้การปฏิเสธความผิด ไม่ได้พูดถึงเรื่องโจทก์ขอให้นับโทษต่อกันแต่ก็มิได้มีการสอบถามจดบันทึกในเรื่องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อไว้แต่ประการใดเช่นนี้ ยังไม่มีทางนับโทษต่อให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็คไม่มีเงิน ทำให้สิทธิฟ้องอาญาเป็นอันระงับ แม้จะไม่ได้ระบุถึงทางอาญาโดยชัดแจ้ง
จำเลยออกเช็คครั้งแรกสั่งจ่ายเมื่อครบ 10 เดือนครั้นถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในบัญชี ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงินแต่มีคนไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยผัดไปอีก 6 เดือน โดยจำเลยออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ธนาคารก็ปฏิเสธไม่จ่ายเงินอีกเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคารผู้เสียหายจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ในคดีแพ่งคู่ความทำยอมกันโดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ภายใน 15 วัน ในวันเดียวกันนั้นเอง ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้อัยการโจทก์จะมาฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้เป็นคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ อีกหาได้ไม่เพราะคดีนี้เกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา แต่ก็ปรากฏว่าผู้เสียหายเคยร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ผู้เสียหายก็ตกลงให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ ครั้นไม่ได้รับชำระอีก ผู้เสียหายก็ฟ้องเป็นคดีแพ่งไม่ได้ดำเนินทางอาญา ต่อมาได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่งแม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลยแต่ตามพฤติการณ์ต่างๆที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าว ย่อมมุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วยฉะนั้น แม้ผู้เสียหายจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้แก่จำเลยอีกก็ตามแต่เมื่อกรณีออกเช็คไม่มีเงินนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัวการที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้ จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญารายนี้มาฟ้องจึงระงับไป(ประชุมใหญ่ครั้งที่5/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งมีผลระงับสิทธินำคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินได้ เนื่องจากเป็นความผิดต่อส่วนตัว
จำเลยออกเช็คครั้งแรกสั่งจ่ายเมื่อครบ 10 เดือน ครั้นถึงกำหนดธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในบัญชี ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่จำเลยฐานออกเช็คไม่มีเงิน แต่มีคนไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยผัดไปอีก 6 เดือน โดยจำเลยออกเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ให้ผู้เสียหาย ครั้นถึงกำหนดขึ้นเงินเช็คฉบับใหม่ธนาคารก็ปฏิเสธไม่จ่ายเงินอีกเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคาร ผู้เสียหายจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค ในคดีแพ่ง คู่ความทำยอมกันโดยจำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์ภายใน 15 วัน ในวันเดียววันนั้นเอง ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้ อัยการโจทก์จะมาฟ้องจำเลย ในกรณีเดียวกันนี้เป็นคดีอาญาฐานออกเช็คไม่มีเงินตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ อีกหาได้ไม่ เพราะคดีนี้เกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในทางอาญา แต่ก็ปรากฏว่า ผู้เสียหายเคยร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ผู้เสียหายก็ตกลงให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ ครั้นไม่ได้รับชำระอีก ผู้เสียหายก็ฟ้องเป็นคดีแพ่ง ไม่ได้ดำเนินทางอาญา ต่อมาได้
ตกลงประนีประนอมยอมความกันให้จำเลยชำระเงินภายใน 15 วัน นับจากวันทำยอมในคดีแพ่ง แม้ในสัญญายอมตามที่ผู้เสียหายและจำเลยกระทำกันในคดีแพ่งนี้จะไม่ได้พูดถึงทางอาญาเลย แต่ตามพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายและจำเลยได้ปฏิบัติต่อกันมาดังกล่าว ย่อมมุ่งหมายจะให้ระงับคดีในทางอาญาด้วย ฉะนั้น แม้ผู้เสียจะไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ครายนี้ แก่จำเลยอีกก็ตาม แต่เมื่อกรณีออกเช็คไม่มีเงินนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว การที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันในกรณีนี้ จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญารายนี้มาฟ้องจึงระงับไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความต่อคำพิพากษาศาลล่าง: นิติกรรมไม่ถูกเพิกถอน ทายาทได้สิทธิ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทจำเลยฎีกา คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยไม่ขอถือเอาผลของคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองมาใช้บังคับต่อไปและศาลฎีกาได้พิพากษาไปตามยอมแล้วดังนี้ คำพิพากษาของศาลล่างย่อมระงับไปโดยผลของคำพิพากษาศาลฎีกานิติกรรมการซื้อขายจึงมิได้ถูกเพิกถอนแต่อย่างใด ในเบื้องต้นจึงยังต้องฟังว่าเรือนพิพาทยังเป็นของผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายเมื่อผู้ซื้อถึงแก่กรรมทายาทของผู้ซื้อจึงมีสิทธิในเรือนนั้น
of 104