พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแพ่งเพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ทำให้อายุความสะดุดหยุดต่อเนื่อง
เดิม ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ฟ้องลูกหนี้(จำเลย) เป็นคดีแพ่งสามัญ(เรียกเงินตามเช็ค แล้วต่อมาลูกหนี้ถูกฟ้องและศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ด็ดขาดในคดีล้มละลาย ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จึงขอถอนฟ้องคดีแพ่งโดยใช้ถ้อยคำว่า ถอนฟ้องเพื่อไปดำเนินการขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น แสดงให้เห็นว่า ผู้ร้องขอรัรบชำระหนี้มิได้มีเจตนาที่จะถอนฟ้องไปเสียเลยโดยเด็ดขาดตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 ที่ว่า "คดีนั้นได้ถอนเสีย" อย่างไรก็ดี คดีแพ่งสามัญจะดำเนินไปหรือไม่ก็ตาม แม้ชนะคดีแล้ว ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ก็ต้องไปขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายอยู่นั่นเอง และศาลก็ได้อนุญาตตามที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้แถลง เท่ากับเป็นการตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องทางศาลโดยการฟ้องคดีแพ่งและขอพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลาย ต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดต่อเนื่องกันไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 173 หาเป็นเหตุให้อายุความไม่สะดุดหยุดลงตามมาตรา 174 ไม่
(ประชุมใหญ่ ครื่งที่ 12/2508)
(ประชุมใหญ่ ครื่งที่ 12/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 803/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความและการถอนฟ้องคดีแพ่งเพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย การฟ้องคดีแพ่งและการพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลายต่อเนื่องกันทำให้อายุความสะดุดหยุด
เดิม ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ฟ้องลูกหนี้ (จำเลย) เป็นคดีแพ่งสามัญ (เรียกเงินตามเช็ค) แล้วต่อมาลูกหนี้ถูกฟ้องและศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จึงขอถอนฟ้องคดีแพ่งโดยใช้ถ้อยคำว่า ถอนฟ้องเพื่อไปดำเนินการขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ร้องขอชำระหนี้มิได้มีเจตนาที่จะถอนฟ้องไปเสียเลยโดยเด็ดขาดตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 ที่ว่า 'คดีนั้นได้ถอนเสีย' อย่างไรก็ดี คดีแพ่งสามัญจะดำเนินไปหรือไม่ก็ตามแม้ชนะคดีแล้วผู้ร้องขอรับชำระหนี้ก็ต้องไปขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายอยู่นั่นเอง และศาลก็ได้อนุญาตตามที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้แถลงเท่ากับเป็นการตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องทางศาล โดยการฟ้องคดีแพ่งและขอพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลายต่อเนื่องเกี่ยวโยงกันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดต่อเนื่องกันไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 173 หาเป็นเหตุให้อายุความไม่สะดุดหยุดลงตามมาตรา174 ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อและการนำสืบแก้ไขสัญญา, หน้าที่ผู้ให้เช่าในการดูแลทรัพย์สิน
เมื่อสัญญาเช่าซื่อไม่มีข้อความว่าให้จำเลยออกเงินทดรองค่าซ่อมรถที่จำเลยเช่าซื้อมาจากโจทก์แทนโจทก์ไปก่อน เช่นนี้ จำเลยจะนำสืบถึงข้อตกลงนี้ซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในสัญญาที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือไม่ได้ เป็นการสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ประเภทโดยสารรับจ้างจำเลยต่อสู้ว่า ได้มอบเงินให้โจทก์ไปต่อใบอนุญาตแล้วโจทก์ไม่ต่อให้ จึงไม่อาจใช้รถออกวิ่งรับคนโดยรับสารได้ตามวัตถุประสงค์ที่เช่าซื้อกันมา ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าโจทก์จะต้องต่อใบอนุญาตรถยนต์ให้จำเลย จำเลยก็นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้นได้ ไม่ใช่เรื่องนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ประเภทโดยสารรับจ้างจำเลยต่อสู้ว่า ได้มอบเงินให้โจทก์ไปต่อใบอนุญาตแล้วโจทก์ไม่ต่อให้ จึงไม่อาจใช้รถออกวิ่งรับคนโดยรับสารได้ตามวัตถุประสงค์ที่เช่าซื้อกันมา ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าโจทก์จะต้องต่อใบอนุญาตรถยนต์ให้จำเลย จำเลยก็นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้นได้ ไม่ใช่เรื่องนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อ และการนำสืบเปลี่ยนแปลงสัญญา, หน้าที่ผู้ให้เช่าในการดูแลทรัพย์สิน
เมื่อสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าให้จำเลยออกเงินทดรองค่าซ่อมรถที่จำเลยเช่าซื้อมาจากโจทก์แทนโจทก์ไปก่อนเช่นนี้ จำเลยจะนำสืบถึงข้อตกลงนี้ซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในสัญญาที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือไม่ได้เป็นการสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ประเภทโดยสารรับจ้าง จำเลยต่อสู้ว่า ได้มอบเงินให้โจทก์ไปต่อใบอนุญาตแล้วโจทก์ไม่ต่อให้จึงไม่อาจใช้รถออกวิ่งรับคนโดยสารได้ตามวัตถุประสงค์ที่เช่าซื้อกันมา ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าโจทก์จะต้องต่อใบอนุญาตรถยนต์ให้จำเลยจำเลยก็นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้นได้ ไม่ใช่เรื่องนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ประเภทโดยสารรับจ้าง จำเลยต่อสู้ว่า ได้มอบเงินให้โจทก์ไปต่อใบอนุญาตแล้วโจทก์ไม่ต่อให้จึงไม่อาจใช้รถออกวิ่งรับคนโดยสารได้ตามวัตถุประสงค์ที่เช่าซื้อกันมา ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าโจทก์จะต้องต่อใบอนุญาตรถยนต์ให้จำเลยจำเลยก็นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้นได้ ไม่ใช่เรื่องนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบคำเบิกความไม่ใช่พยานเอกสาร ศาลรับได้หากใช้ประกอบถ้อยคำโจทก์
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายจำเลยถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานถึงเงินที่โจทก์รับไปจากจำเลยโดยเอาบันทึกที่โจทก์เซ็นรับเงินและเอกสารให้โจทก์ดูและโจทก์รับรองว่าถูกต้องแล้ว ทนายจำเลยจึงส่งบันทึกและเอกสารต่อศาลเช่นนี้ บันทึกกับเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เป็นพยานเอกสารที่จำเลยอ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารที่โจทก์เบิกความไม่ใช่พยานเอกสาร แม้จำเลยนำส่งศาลเพื่อประกอบคำเบิกความ
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทนายจำเลยถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานถึงเงินที่โจทก์รับไปจากจำเลย โดยเอาบันทึกที่โจทก์เซ็นรับเงินและเอกสารให้โจทก์ดูและโจทก์รับรองว่าถูกต้องแล้ว ทนายจำเลยจึงส่งบันทึกและเอกสารต่อศาล เช่นนี้ บันทึกกับเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เป็นพยานเอกสารที่จำเลยอ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินมือเปล่าและการฟ้องแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี ทำให้สิทธิในการฟ้องคืนสิ้นสุด
ที่ดินมือเปล่านั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบก่อน
โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองโจทก์หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองโจทก์หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า: ผู้ครอบครองเดิมต้องพิสูจน์สิทธิก่อน และมีระยะเวลาฟ้องคดีตามกฎหมาย
ที่ดินมือเปล่านั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบก่อน
โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
โจทก์มิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์หมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอห้ามชั่วคราว (ภารจำยอม) เป็นคำขอฝ่ายเดียว ศาลมีดุลพินิจฟังคู่ความก่อนได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอม และได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราว คือ ให้จำเลยเปิดทางเดินในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น ถือว่าเป็นคำขอฝ่ายเดียว กฎหมายไม่บังคับไม่ว่าต้องให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อน จึงอยู่ในอำนาจหรือดุลพินิจของศาลที่จะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอห้ามชั่วคราวเป็นคำขอฝ่ายเดียว ศาลมีอำนาจพิจารณาฟังคู่ความอีกฝ่ายก่อนได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอมและได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราว คือให้จำเลยเปิดทางเดินในระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดนั้นถือว่าเป็นคำขอฝ่ายเดียว กฎหมายไม่บังคับว่าต้องให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อนจึงอยู่ในอำนาจหรือดุลพินิจของศาลที่จะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนก็ได้