พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ได้จากการอยู่กินฉันสามีภริยา แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีสิทธิแบ่งครึ่งได้ หากช่วยกันทำมาหากิน
โจทก์จำเลยแต่งงานกันตามประเพณีนิยม (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส)อยู่กินกันฉันสามีภริยาทำมาหากินร่วมกันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมานี้ย่อมเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน จำเลยมีสิทธิขอแบ่งได้ครึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ได้จากการอยู่กินฉันสามีภริยา แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีสิทธิแบ่งครึ่ง
โจทก์จำเลยแต่งงานกันตามประเพณีนิยม(ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) อยู่กินกันฉันสามีภริยาทำมาหากินร่วมกัน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมานี้ย่อมเป็นของโจทก์จำเลยร่วมกันจำเลยมีสิทธิขอแบ่งได้ครึ่งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งและสิทธิผู้ปกครองทรัพย์ตามพินัยกรรม: การแย่งชิงสิทธิระหว่างดำเนินการจดทะเบียน
เจ้ามรดกซึ่งเป็นตาทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้หลานซึ่งเป็นผู้เยาว์ โดยตั้งผู้ปกครองทรัพย์ด้วยนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ก็นำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ ไม่จำต้องให้เจ้ามรดกเป็นผู้จดทะเบียนเสมอไป
ในระหว่างที่ผู้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองทรัพย์กำลังดำเนินการขอจดทะเบียนการตั้งผู้ปกครองทรัพย์เพื่อให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1688 อยู่นั้น บิดาของผู้เยาว์จะถือโอกาสแย่งการเป็นผู้ปกครองทรัพย์ของผู้เยาว์ไปจากผู้รับแต่งตั้งในระหว่างกำลังดำเนินการเพื่อให้บริบูรณ์อยู่นี้หาได้ไม่
ในระหว่างที่ผู้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองทรัพย์กำลังดำเนินการขอจดทะเบียนการตั้งผู้ปกครองทรัพย์เพื่อให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1688 อยู่นั้น บิดาของผู้เยาว์จะถือโอกาสแย่งการเป็นผู้ปกครองทรัพย์ของผู้เยาว์ไปจากผู้รับแต่งตั้งในระหว่างกำลังดำเนินการเพื่อให้บริบูรณ์อยู่นี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งและสิทธิในการเป็นผู้ปกครองทรัพย์ของผู้เยาว์ตามพินัยกรรม การแย่งชิงสิทธิระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย
เจ้ามรดกซึ่งเป็นตาทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้หลานซึ่งเป็นผู้เยาว์ โดยตั้งผู้ปกครองทรัพย์ด้วยนั้นในส่วนที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ผู้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ก็นำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ไม่จำต้องให้เจ้ามรดกเป็นผู้จดทะเบียนเสมอไป
ในระหว่างที่ผู้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองทรัพย์กำลังตั้งผู้ปกครองทรัพย์เพื่อให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1688 อยู่นั้นบิดาของผู้เยาว์จะถือโอกาสแย่งการเป็นผู้ปกครองทรัพย์ของผู้เยาว์ไปจากผู้รับแต่งตั้งในระหว่างกำลังดำเนินการเพื่อให้บริบูรณ์อยู่นี้หาได้ไม่
ในระหว่างที่ผู้รับแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองทรัพย์กำลังตั้งผู้ปกครองทรัพย์เพื่อให้บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1688 อยู่นั้นบิดาของผู้เยาว์จะถือโอกาสแย่งการเป็นผู้ปกครองทรัพย์ของผู้เยาว์ไปจากผู้รับแต่งตั้งในระหว่างกำลังดำเนินการเพื่อให้บริบูรณ์อยู่นี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเป็นต้องมีหลักฐานการรับเงินที่ชัดเจนจากผู้ให้กู้ หรือการเวนคืน/แทงเพิกถอนสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระเงินกู้ให้โจทก์แล้วและฟ้องแย้งเรียกเงินที่ชำระเกินคืนจากโจทก์ด้วย เช่นนี้เมื่อหนังสือสัญญากู้ยังอยู่ที่โจทก์โดยยังมิได้แทงเพิกถอนในเอกสารว่าได้มีการชำระหนี้หรือมีเอกสารที่มีลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้กู้มาแสดงย่อมจะฟังว่าจำเลยได้ชำระเงินกู้แก่โจทก์แล้วหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้จากการกู้ยืมเงิน ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ให้ยืม หรือมีการเวนคืน/แทงเพิกถอนสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้โจทก์จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระเงินกู้ให้โจทก์แล้วและฟ้องแย้งเรียกเงินที่ชำระเกินคืนจากโจทก์ด้วย เช่นนี้ เมื่อหนังสือสัญญากู้ยังอยู่ที่โจทก์ โดยยังมิได้แทงเพิกถอนในเอกสารว่าได้มีการชำระหนี้หรือมีเอกสารที่มีลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้กู้มาแสดง ย่อมจะฟังว่าจำเลยได้ชำระเงินกู้แก่โจทก์แล้วหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
(อ้างฎีกาที่ 513/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถือเป็นการกล่าวด้วยความสุจริต
จำเลยชี้หน้าและว่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ว่า'ปลัดนิกรนี้จะเป็นบ้าหรืออย่างไรมาขัดขวางกลั่นแกล้งจำเลยทำงานไปโดยเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ให้ความเป็นธรรมพยายามกลั่นแกล้งจำเลยคนเดียวพยายามกลั่นแกล้งจำเลยมาหลายครั้งแล้ว' ถ้อยคำและกิริยาเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 การกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการกล่าวในลักษณะต่อว่าด้วยความสุจริตที่จะยกขึ้นอ้างให้พ้นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่โดยมีเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง ไม่ถือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความสุจริต
จำเลยชี้หน้าและว่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ว่า "ปลัดนิกรนี้จะเป็นบ้าหรืออย่างไรมาขัดขวางกลั่นแกล้งจำเลย ทำงานไปโดยเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ให้ความเป็นธรรม พยายามกลั่นแกล้งจำเลยคนเดียว พยายามกลั่นแกล้งจำเลยมาหลายครั้งแล้ว" ถ้อยคำและกิริยาเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 การกล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการกล่าวในลักษณะต่อว่าด้วยความสุจริตที่จะยกขึ้นอ้างให้พ้นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ภาษีเกินกำหนด: สิทธิโต้แย้งหมดไป แม้การประเมินจะผิดพลาด
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ได้กำหนดเวลาไว้ให้ผู้ต้องเสียภาษีอุทธรณ์การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับแจ้งการประเมิน เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยสั่งยกอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่า มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ต้องเสียภาษีไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยในข้อนี้ต่อศาล ก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาชี้ขาดว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ฯ ที่ให้ยกอุทธรณ์เพราะยื่นเกินกำหนดเวลานั้นไม่ชอบ เพราะผู้ต้องเสียภาษีหมดสิทธิโต้แย้งเสียแล้ว และแม้คณะกรรมฯ ได้วินิจฉัยว่าไว้ด้วยว่า การประเมินของเจ้าพนักงานชอบด้วยกฎหมายและระเบียบการแล้ว ผู้ต้องเสียภาษีก็หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไปได้(อ้างนัยฎีกาที่ 810/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักลอบนำเข้าสลากและสินค้า การริบรถยนต์ของผู้เช่า และบทบัญญัติที่ขัดรัฐธรรมนูญ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยได้ลักลอบนำสลากกินแบ่งของสหพันธรัฐมลายาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยวิธีซ่อนเร้น ด้วยการละเว้นไม่ผ่านศุลกากรให้ถูกต้อง นั้น ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงรายละเอียดว่าการผ่านศุลกากรโดยถูกต้องจะต้องทำอย่างไร ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2467 มาตรา 27 เป็นบทบังคับให้ผู้นำของเข้ามาในราชอาณาจักร แม้จะเป็นของที่ไม่ต้องเสียอากรก็ต้องผ่านศุลกากรโดยถูกต้องก่อน
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2480 มาตรา 11 นั้น เป็นบทลงโทษผู้ทำการขนส่งฝ่าฝืนมาตรา 7 และ 8 จะนำมาปรับแก่กรณีผู้ลักลอบนำของเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ได้
เมื่อจำเลยใช้รถยนต์ของกลางลักลอบนำของซ่อนเร้นเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดแล้ว แม้ของจะมากน้อยเท่าใด ก็ได้ชื่อว่าจำเลยใช้รถยนต์ของกลางกระทำผิดด้วยแล้ว
พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ที่บัญญัติให้ริมทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นของบุคคลใดและเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดด้วยหรือไม่นั้น ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นโมฆะ
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2467 มาตรา 27 เป็นบทบังคับให้ผู้นำของเข้ามาในราชอาณาจักร แม้จะเป็นของที่ไม่ต้องเสียอากรก็ต้องผ่านศุลกากรโดยถูกต้องก่อน
พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2480 มาตรา 11 นั้น เป็นบทลงโทษผู้ทำการขนส่งฝ่าฝืนมาตรา 7 และ 8 จะนำมาปรับแก่กรณีผู้ลักลอบนำของเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ได้
เมื่อจำเลยใช้รถยนต์ของกลางลักลอบนำของซ่อนเร้นเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดแล้ว แม้ของจะมากน้อยเท่าใด ก็ได้ชื่อว่าจำเลยใช้รถยนต์ของกลางกระทำผิดด้วยแล้ว
พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ที่บัญญัติให้ริมทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นของบุคคลใดและเจ้าของจะได้รู้เห็นในการกระทำผิดด้วยหรือไม่นั้น ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นโมฆะ