พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: ความเสียหายต้องเกิดจากการกระทำโดยตรงต่อโจทก์ ไม่ใช่เพียงผลกระทบต่อคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินจากจำเลย ถึงวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยขอเลื่อนอ้างว่าป่วยโจทก์คัดค้าน ศาลจึงให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ศาลไปตรวจอาการจำเลย ปรากฏผลว่าไม่ได้ป่วยศาลจึงตัดไม่ให้สืบจำเลยเป็นพยาน จำเลยจึงร้องคัดค้านคำสั่งศาลว่า จำเลยป่วยมาศาลไม่ได้จริง ๆ ขอให้ศาลไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่ให้ตัดการสืบตัวจำเลยเสีย ศาลไต่สวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานจำเลยไม่พอฟังลบล้างคำของเจ้าหน้าที่ศาลและนายแพทย์ผู้ตรวจอาการจำเลยได้ ให้ยกคำร้องเสีย โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาฐานเบิกความเท็จ แสดงหลักฐานเท็จ ดังนี้ เห็นได้ว่า การที่จำเลยเข้าเบิกความและแสดงหลักฐานต่อศาลนั้น ก็เพียงให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ตัดการสืบตัวจำเลยเพื่อจำเลยจะได้มีโอกาสในการต่อสู้คดีให้เต็มที่เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันจะเป็นความเสียหายแก่โจทก์ในตัว ถึงแม้จะเป็นการกระทำในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำเลยก็ตาม ศาลก็มิได้เชื่อถ้อยคำจำเลย ไม่ได้เพิ่มภาระในการพิสูจน์ในการดำเนินคดีนั้นให้แก่โจทก์แต่อย่างใด ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คโดยไม่มีบัญชีและเจตนาทุจริต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่โจทก์ทั้ง ๆ ที่จำเลยไม่มีบัญชีเงินฝากในธนาคาร ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาชู้และหมิ่นประมาทในครอบครัว ไม่ถึงขนาดเป็นเหตุให้หย่าขาด
สามีกล่าวขึ้นในขณะโมโหหึงและกล่าวในบ้านภายในวงครอบครัวว่าภรรยามีชู้นั้นยังไม่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดที่จะให้หย่าขาดจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1500(2)
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้นเป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาทดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาทซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้นเป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาทดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาทซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาชู้และขโมยเงินในครอบครัว ไม่ถึงเหตุร้ายแรงให้หย่าขาดจากกัน
สามีกล่าวขึ้นในขณะโมโหหึงและกล่าวในบ้านภายในวงครอบครัวว่าภรรยามีชู้นั้น ยังไม่เป็นการร้ายแรงถึงขนาดที่จะให้หย่าขาดจากกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2)
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้น เป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาท ดังนี้ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน
สามีว่าภรรยาและแม่ยายว่าขโมยเงินไป 100 บาทนั้น เป็นข้อความที่สามีคาดการณ์โดยเดาเอาเพราะเงินหายไป 100 บาท ดังนี้ยังไม่ถือว่าเป็นหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการร้ายแรงถึงขนาดให้หย่าขาดจากกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198-199/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาร้องทุกข์/ฟ้องคดีอาญา ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากกฎหมายอาญาไม่ได้กำหนด
เมื่อกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติถึงวิธีการกำหนดนับระยะเวลาร้องทุกข์และฟ้องร้องไว้ จึงต้องกำหนดนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 21 วรรค 2 เป็นบทบัญญัติในการคำนวณระยะเวลาจำคุกเท่านั้น
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 21 วรรค 2 เป็นบทบัญญัติในการคำนวณระยะเวลาจำคุกเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198-199/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับอายุความในคดีหมิ่นประมาท: ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อไม่มีกำหนดในประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อกฎหมายอาญาไม่ได้บัญญัติถึงวิธีการกำหนดนับระยะเวลาร้องทุกข์และฟ้องร้องไว้ จึงต้องกำหนดนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 21 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติในการคำนวณระยะเวลาจำคุกเท่านั้น
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 21 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติในการคำนวณระยะเวลาจำคุกเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินด้วยใบไต่สวนไม่อาจใช้แทนโฉนดได้ ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินต้องมีหลักฐานกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจน
ผู้ครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวนเท่านั้นจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยทางครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่ได้ เพราะใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยผู้มีเพียงใบไต่สวน ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย เพราะใบไต่สวนไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์
ผู้ครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวนเท่านั้นจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยทางครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่ได้เพราะใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนคดีระหว่างศาล: ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.23 และเหตุผลแห่งการโอน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 23 วรรค 2 นั้นการโอนคดีไปชำระยังศาลอื่น กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโอนคดีระหว่างศาล: ดุลพินิจตามมาตรา 23 ว.พ.พ. และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 23 วรรคสองนั้น
การโอนคดีไปชำระยังศาลอื่น กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลเป็นเรื่องๆ ไป
การโอนคดีไปชำระยังศาลอื่น กฎหมายให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งตามสมควรแก่พฤติการณ์แห่งคดี และเหตุผลเป็นเรื่องๆ ไป