พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องเริ่มนับเมื่อส่งมอบที่ดินโดยปราศจากเงื่อนไข
จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ พร้อมทั้งสัญญาว่า เมื่อสอบเขตแล้วที่ดินขาดจำนวนไปเท่าใด จำเลยยอมคืนเงินให้ตามส่วนนั้น ถึงแม้จำเลยจะส่งมอบที่ดินให้โจทก์แล้วก็ตาม ถ้าเป็นการส่งมอบโดยมีเงื่อนไขโดยจะต้องตรวจสอบเขตที่ดินให้รู้จำนวนแน่นอน จึงจะถือว่าการส่งมอบบริบูรณ์นั้น อายุความฟ้องร้องต้องเริ่มนับแต่มีการส่งมอบที่สมบูรณ์ปราศจากเงื่อนไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางเช่าทรัพย์: จำเลยไม่อาจอ้างสิทธิคุ้มครองค่าเช่า หากไม่ได้ขอรับสิทธิพิเศษตามกฎหมาย
จำเลยให้การว่าจำเลยเช่าห้องรายพิพาทเพื่ออยู่อาศัย มิใช่เช่าเพื่อทำการค้า สัญญาเช่าที่ทำไว้จึงเป็นนิติกรรมอำพราง จำเลยไม่เคยผิดสัญญาเช่า ทั้งโจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญา ดังนี้ ไม่พอที่จะให้รับฟังได้ว่าจำเลยได้ขอรับสิทธิพิเศษ ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ เพื่อที่ตนจะได้รับความคุ้มครองให้อยู่ตอ่ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1108/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิดน้ำจับปลาทำให้น้ำขุ่น ไม่ถือเป็น 'ปฏิกูล' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 380
จำเลยวิดน้ำเพื่อจับปลาในหนองเป็นเหตุให้น้ำในหนองขุ่นไม่ถือว่าทำให้เกิดปฏิกูลแก่น้ำในหนอง เพราะน้ำขุ่นเป็นสภาพที่เกิดขึ้นจากโคลนในหนองนั้นเองชั่วคราว หาใช่ทำให้เกิดปฏิกูลไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 380
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1108/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิดน้ำจับปลาทำให้เกิดน้ำขุ่น ไม่ถือเป็นปฏิกูลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 380
จำเลยวิดน้ำเพื่อจับปลาในหนองเป็นเหตุให้น้ำในหนองขุ่น ไม่ถือว่าทำให้เกิดปฏิกูลแก่น้ำในหนอง เพราะน้ำขุ่นเป็นสภาพที่เกิดขึ้นจากโคลนในหนองนั้นเองชั่วคราว หาใช่ทำให้เกิดปฏิกูลไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 380
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ข้อกล่าวหาในฟ้องระบุบาดเจ็บสาหัส แต่พิจารณาพบไม่ถึงสาหัส ศาลลงโทษตามมาตราที่อัตราโทษเบากว่าได้
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256 แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายไม่ถึงสาหัสก็ตาม ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ถ้อยคำแสดงเจตนาดูหมิ่นหรือไม่?
เจ้าพนักงานตำรวจจราจรอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จับจำเลยในข้อหาว่าขับรถรับจ้างรับคนโดยสารเกินจำนวน มีรถยนต์ส่วนบุคคลคันหนึ่งบรรทุกคนวิ่งผ่านไป จำเลยกล่าวดูหมิ่นตำรวจผู้จับจำเลยว่า"รถคันนี้ทำไมไม่จับกุม คนก็แน่นเหมือนกัน หรือจะแกล้งจับเฉพาะผมคนเดียวเท่านั้น จราจรลำพูนไม่ให้ความยุติธรรม" ดังนี้แสดงว่า จำเลยกล่าวโดยตั้งใจเป็นการกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่ใช่กล่าวในลักษณะปรับทุกข์ ติชมปรารภ หรือขอความเห็นใจจำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นธรรมเข้าข่ายความผิด
เจ้าพนักงานตำรวจจราจรอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จับจำเลยในข้อหาว่าขับรถรับจ้างรับคนโดยสารเกินจำนวนมีรถยนต์ส่วนบุคคลคันหนึ่งบรรทุกคนวิ่งผ่านไป จำเลยกล่าวดูหมิ่นตำรวจผู้จับจำเลยว่า "รถคันนี้ทำไมไม่จับกุม คนก็แน่นเหมือนกัน หรือจะแกล้งจับเฉพาะผมคนเดียวเท่านั้น จราจรลำพูนไม่ให้ความยุติธรรม" ดังนี้แสดงว่า จำเลยกล่าวโดยตั้งใจ เป็นการกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่ใช่กล่าวในลักษณะปรับทุกข์ ติชม ปรารภ หรือขอความเห็นใจ จำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่น เจ้าพนักงานตามมาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์สิน
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย และผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์นั้น
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฎว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืน ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 369 หากไม่ใช่ประกาศหรือเอกสารโฆษณา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 369 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระทำแก่ประกาศภาพโฆษณาหรือเอกสารของเจ้าพนักงานที่ปิดหรือแสดงไว้อันเป็นทำนองโฆษณาต่อประชาชนให้หลุดฉีกหรือไร้ประโยชน์ หาได้หมายความรวมถึงเอกสารใดๆ ที่มิใช่เป็นลักษณะประกาศหรือโฆษณาด้วยไม่ ฉะนั้น ผู้ที่ทำลายเลขหมายซึ่งเจ้าพนักงานแกะประทับไว้ที่ปืนให้หลุดออก จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2505)