พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้บุกรุกที่ดิน กรณีที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญและเคยมีคดีความก่อนหน้านี้
โจทก์ซื้อที่ดินมือเปล่า จากการขายทอดตลาดของศาลเมื่อ พ.ศ. 2492 โดยโจทก์มิได้เข้าครอบครองเลย โจทก์เคยถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอน การขายทอดตลาดที่พิพาทดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง คดีถึงที่สุดเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2497 ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. 2499 โจทก์มาฟ้องว่า ระหว่าง พ.ศ. 2492 ถึง 2499 จำเลยทั้งสามบุกรุกเข้าทำนาในที่พิพาท ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้เรื่องอายุความ เช่นนี้ถือว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ไม่ฟ้องคดีเสียภายใน 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
เมื่อศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายได้
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น โจทก์จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ว่า ชอบที่จะร้องได้ภายใน 10 ปี หาได้ไม่ เพราะมาตรา 271 เป็นบทบัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องในคดีก่อน และศาลยกฟ้องไปนั้น มิได้ทำให้โจทก์มีสิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาเหนือจำเลยในคดีนี้อย่างใด กรณีไม่เข้าบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
เมื่อศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องค่าเสียหายได้
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น โจทก์จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ว่า ชอบที่จะร้องได้ภายใน 10 ปี หาได้ไม่ เพราะมาตรา 271 เป็นบทบัญญัติถึงสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามที่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องในคดีก่อน และศาลยกฟ้องไปนั้น มิได้ทำให้โจทก์มีสิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาเหนือจำเลยในคดีนี้อย่างใด กรณีไม่เข้าบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ในการพิจารณาคดีได้ ศาลใช้ดุลพินิจรับฟัง
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งศาลต้องจดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นพยานเอกสารอย่างหนึ่งซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์จึงชอบที่จะอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ส่วนที่จะรับฟังหรือไม่เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาลที่พิจารณาจะวินิจฉัยอีกชั้นหนึ่ง
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องใช้ได้ในการพิจารณาคดี ศาลใช้ดุลพินิจในการรับฟัง
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งศาลต้องจดไว้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นพยานเอกสารอย่างหนึ่ง ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์จึงชอบที่จะอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ส่วนที่จะรับฟังหรือไม่เพียงใดเป็นดุลพินิจของศาลที่พิจารณาจะวินิจฉัยอีกชั้นหนึ่ง
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมาย แต่อย่างใด
ฉะนั้น เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาโดยวินิจฉัยถึงคำเบิกความของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องประกอบกับคำพยานอื่นที่ได้มาเบิกความในชั้นพิจารณาจึงไม่เป็นการผิดต่อกฎหมาย แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าด้วยความทารุณโหดร้าย ใช้ขวานฟันซ้ำหลายครั้งจนเสียชีวิต
ใช้ขวานฟันซ้ำ ๆ หลายทีจนตาย มีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ 9 แผล ที่คอ 3 แผลและแผลไม่ฉกรรจ์ที่อื่นอีก เป็นการฆ่าด้วยความทารุณโหดร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าด้วยความทารุณโหดร้าย: การใช้ขวานฟันซ้ำจนเสียชีวิต
ใช้ขวานฟันซ้ำๆ หลายทีจนตาย มีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ9 แผล ที่คอ 3 แผล และแผลไม่ฉกรรจ์ที่อื่นอีก เป็นการฆ่าด้วยความทารุณโหดร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลงดสืบพยานไม่ใช่คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้น คู่ความไม่อุทธรณ์ได้ทันที
คำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องให้งดสืบพยานของคู่ความ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ใช่คำสั่งพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายชี้ขาดเบื้องต้น กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1039/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งงดสืบพยานระหว่างพิจารณาคดีแพ่ง: ไม่เข้าข้อยกเว้นอุทธรณ์ได้ทันที
คำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องให้งดสืบพยานของคู่ความ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ไม่ใช่คำสั่งพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายชี้ขาดเบื้องต้น กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนเพศกระบือ หากบรรยายสภาพแห่งข้อหาชัดเจนเพียงพอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า กระบือที่อยู่กับจำเลยฝูงหนึ่งมีจำนวน 33 ตัว เป็นกระบือที่โจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง โดยโจทก์ได้รับมรดกมาจากบิดามารดาในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ และจำเลยซึ่งเป็นผู้ปกครองโจทก์ได้ปกครองกระบือนั้นไว้แทนโจทก์ ครั้นโจทก์ได้สามีแยกไปจากจำเลยแล้วขอแบ่งเอากระบือส่วนของโจทก์จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ จึงต้องฟ้อง เช่นนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้องว่าเป็นกระบือตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว เพราะนั่นเป็นรายละเอียดมากเกินควรและเกินความจำเป็นที่จะต้องบรรยายสำหรับคำฟ้อง เช่นนี้ เพียงเท่าที่โจทก์บรรยายมานั้น ก็แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาชัดแจ้งมากพออยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเรียกทรัพย์คืน (กระบือ) ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนเพศกระบือ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า กระบือที่อยู่กับจำเลยฝูงหนึ่งมีจำนวน 33 ตัว เป็นกระบือที่โจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง โดยโจทก์ได้รับมรดกมาจากบิดามารดา ในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ และจำเลยซึ่งเป็นผู้ปกครองโจทก์ได้ปกครองกระบือนั้นไว้แทนโจทก์ ครั้นโจทก์ได้สามีแยกไปจากจำเลยแล้ว ขอแบ่งเอากระบือส่วนของโจทก์ จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ จึงต้องฟ้องเช่นนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้องว่าเป็นกระบือตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว เพราะนั้นเป็นรายละเอียดมากเกินควรและเกินความจำเป็นที่จะต้องบรรยายสำหรับคำฟ้องเช่นนี้ เพียงเท่าที่โจทก์บรรยายมานั้น ก็แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาชัดแจ้งมากพออยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำสั่งศาลและการขาดนัด: ศาลมิอาจอ้างหมายเหตุในคำร้องโจทก์เป็นการรับทราบคำสั่งได้
ในคดีอาญา โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไปจนกว่า จะจับตัวจำเลยได้ และในท้ายคำร้อง ทนายโจทก์ได้เซ็นที่หมายเหตุว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ศาลได้มีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นว่าให้เลื่อนคดีไป โดยโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งศาล ดังนี้ ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือว่าโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166, 181 หาชอบไม่