พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมฟ้องจำเลยหลายคนในคดีบุกรุก และการเสียค่าขึ้นศาลเมื่อยังไม่ชัดเจนว่ามีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยแต่ละคนต่างละเมิดสิทธิของโจทก์โดยลำพังตนต่างหากจากกัน โดยจำเลยมิต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อโจทก์ เช่นนี้ โจทก์จะรวมฟ้องจำเลยทุกคนในคดีเดียวกันหาได้ไม่ โจทก์จะต้องแยกฟ้องจำเลยแต่ละคนเป็นรายสำนวนไป
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่า เมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกัน เกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ ในคดีอื่นจำเลยก็ได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิกับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่า เมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกัน เกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ ในคดีอื่นจำเลยก็ได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิกับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมฟ้องจำเลยหลายคนในคดีบุกรุก และการเสียค่าขึ้นศาลก่อนฟังการให้การ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยแต่ละคนต่างละเมิดสิทธิของโจทก์โดยลำพังตนต่างหากจากกัน โดยจำเลยมิต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อโจทก์เช่นนี้โจทก์จะรวมฟ้องจำเลยทุกคนในคดีเดียวกันหาได้ไม่ โจทก์จะต้องแยกฟ้องจำเลยแต่ละคนเป็นรายสำนวนไป
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่าเมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกันเกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ในคดีอื่นจำเลยจะได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์กับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท แม้โจทก์จะรับว่าเมื่อจำเลยฟ้องระหว่างกันเกี่ยวกับที่รายพิพาทนี้ในคดีอื่นจำเลยจะได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์กันก็ดี แต่ในชั้นที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ จำเลยอาจไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์กับโจทก์ก็ได้ คดีเช่นนี้ยังไม่ควรให้โจทก์ตีราคาทุนทรัพย์และเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ในขณะรับฟ้อง ควรรอฟังจำเลยให้การเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติในคดีล้มละลาย: สิทธิเจ้าหนี้ต่างประเทศในการขอรับชำระหนี้
ในคดีล้มละลายศาลของประเทศที่ผู้ขอรับชำระหนี้มีภูมิลำเนานั้น ให้เจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามกฎหมายในศาลแห่งประเทศของตนได้ทำนองเดียวกัน คือถือหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ซึ่งอาจเป็นว่ากฎหมายในประเทศนั้นไม่มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะแต่ก็บัญญัติให้มีการพิสูจน์หนี้ได้ทั่วๆ ไปซึ่งเมื่อไม่ห้ามเจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศ เจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศก็มาขอพิสูจน์หนี้ได้ ก็ได้
ตามกฎหมายล้มละลายของมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ให้เจ้าหนี้ในต่างประเทศขอพิสูจน์หนี้ของตนเอาแก่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายที่อยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในศาลซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายได้ฉะนั้นเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของลูกหนี้ในศาลไทยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 178(1)
ตามกฎหมายล้มละลายของมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ให้เจ้าหนี้ในต่างประเทศขอพิสูจน์หนี้ของตนเอาแก่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายที่อยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในศาลซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายได้ฉะนั้นเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของลูกหนี้ในศาลไทยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 178(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติในคดีล้มละลาย: สิทธิเจ้าหนี้ต่างประเทศ
ในคดีล้มละลายศาลของประเทศที่ผู้ขอรับชำระหนี้มีภูมิลำเนานั้น ให้เจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ ในคดีล้มละลายตามกฎหมายในศาลแห่งประเทศของตนได้ทำนองเดียวกัน คือ ถือหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ซึ่งอาจเป็นว่ากฎหมายในประเทศนั้นไม่มีบัญญัติไว้โดยเฉพาะ แต่ก็บัญญัติให้มีการพิสูจน์หนี้ได้ทั่ว ๆ ไป ซึ่งเมื่อไม่ห้ามเจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศ เจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศก็มาขอพิสูจน์หนี้ได้ ก็ได้
ตามกฎหมายล้มละลายของมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ให้เจ้าหนี้ในต่างประเทศขอพิสูจน์หนี้ของตนเอาแก่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายที่อยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในศาลซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย ได้ ฉะนั้น เจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของลูกหนี้ในศาลไทยได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย มาตรา 178 (1)
ตามกฎหมายล้มละลายของมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ให้เจ้าหนี้ในต่างประเทศขอพิสูจน์หนี้ของตนเอาแก่ลูกหนี้ผู้ล้มละลายที่อยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ในศาลซึ่งพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย ได้ ฉะนั้น เจ้าหนี้ซึ่งอยู่ในมลรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของลูกหนี้ในศาลไทยได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย มาตรา 178 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยการฟ้องด้วยวาจาและรายละเอียดบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ ชนนายอุ้นไก่ ซึ่งขับรถจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา ม.297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น(อ้างฎีกาที่ 1121/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาทางลัดโดยรายละเอียดการบาดเจ็บสาหัสเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาและศาลบันทึกไว้ว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ชนนายอุ้นไก่ซึ่งขับจักรยานยนต์สวนทางมา ล้มลงบาดเจ็บสาหัส รักษา 45 วันหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องด้วยวาจาโดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 แล้ว ศาลจึงบันทึกไว้เช่นนั้น (อ้างฎีกาที่1121/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง แต่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10 (2) และ 12 เท่านั้น หาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง: การบังคับใช้มาตรา 10(2) และ 12 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10(2) และ 12 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯเท่านั้นหาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการในการลงนามเช็คที่มีพิรุธ: ธนาคารมีส่วนรับผิดชอบในการตรวจสอบ
จำเลยที่ 3 เป็นเสมียนแผนกการเงินทำหน้าที่เขียนเช็คมาช้านานแล้ว และวิธีเขียนก็มีการเว้นช่องระยะไว้ข้างหน้าจำนวนเงินที่เขียนไว้แล้วเช่นนี้ อยู่เสมอและไม่เคยมีเหตุเกิดขึ้นในคราวที่เกิดเรื่องนี้ จำเลยที่ 3 ก็เขียนเช็คโดยเว้นช่องระยะไว้ข้างหน้าจำนวนเงินที่เขียนไว้แล้วทำนองเดียวกันและผ่านการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ชั้นรองๆ ผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะมาแล้ว อีกทั้งมีหลักฐานการขอเบิกจ่ายมาถูกต้องจึงเสนอเช็คให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายช่างผู้เชี่ยวชาญกรมทางฯ ขณะมีงานอื่นกำลังปฏิบัติอยู่มาก และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน กองคลัง เซ็นสั่งจ่ายและแล้วจำเลยที่ 3 นำเช็คนั้นไปเติมจำนวนเงินลงในช่องที่เว้นระยะไว้นั้น เป็นเหตุให้กรมทางฯ ต้องจ่ายเงินเกินจำนวนที่ควรต้องจ่ายจริงไป 600,000 บาทดังนี้ แม้เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1-2 จะไม่รอบคอบแต่ถ้าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ปฏิบัติงานโดยชอบด้วยหน้าที่แล้ว ความเสียหายของโจทก์ก็จะไม่เกิดขึ้นความเสียหายของโจทก์โดยตรงเกิดจากการที่ธนาคารยอมจ่ายเงินทั้งๆ ที่เช็ครายนี้มีพิรุธในข้อที่เติมจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวหนังสือ ซึ่งแม้พิจารณาด้วยตาเปล่าของคนธรรมดาก็เห็นชัดหาได้เกิดโดยตรงจากการไม่รอบคอบของจำเลยที่ 1-2 ไม่ดังนี้ จำเลยที่ 1-2 ไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์ต้องเสียหายไปดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการในการลงนามเช็คที่มีพิรุธ ธนาคารมีส่วนทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยที่ 3 เป็นเสมียนแผนกการเงินทำหน้าที่เขียนเช็คมาช้านานแล้ว และวิธีเขียนก็มีการเว้นช่องระยะไว้ข้างหน้า ่จำนวนเงินที่เขียนไว้แล้วเช่นนี้ อยู่เสมอและไม่เคยมีเหตุเกิดขึ้น ในคราวที่เกิดเรื่องนี้ จำเลยที่ 3 ก็เขียนเช็คโดยเว้นช่องระยะไว้ข้างหน้า จำนวนเงินที่เขียนไว้แล้วทำนองเดียวกันและผ่านการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ชั้นรอง ๆ ผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะมาแล้ว อีกทั้งมีหลักฐานการขอเบิกจ่ายมาถูกต้อง จึงเสนอเช็คให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายช่างผู้เชี่ยวชาญ กรมทางฯ ขณะมีงานอื่นกำลังปฏิบัติอยู่มาก และจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน กองคลัง เช็นสั่งจ่ายและแล้วจำเลยที่ 3 นำเช็คนั้นไปเติมจำนวนเงินลงในช่องที่เว้นระยะไว้นั้ เป็นเหตุให้กรมทางฯ ต้องจ่ายเงินเกินจำนวนที่ควรต้องจ่ายจริงไป 600,000 บาท ดังนี้แม้เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 - 2 จะไม่รอบคอบแต่ถ้าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ปฏิบัติงานโดยชอบด้วยหน้าที่แล้ว ควรเสียหายของโจทก์ก็จะไม่เกิดขึ้น ความเสียหายของโจทก์โดยตรงเกิดจากการที่ธนาคารยอมจ่ายเงินทั้งๆ ที่เช็ครายนี้มีพิรุธในข้อที่เติมจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวหนังสือ ซึ่งแม้พิจารณาด้วยตาเปล่าของคนธรรมดา ก็เห็นชัดหาได้เกิดโดยตรงจากการไม่รอบคอบของจำเลยที่ 1 - 2 ไม่ ดังนี้ จำเลยที่ 1 - 2 ไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์ต้องเสียหายไปดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)