คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
การุณย์นราทร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การฟ้องบังคับทำสัญญาจึงไม่สมบูรณ์
การที่โจทก์ฟ้องคดีขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาจดทะเบียนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์อ้างว่า ได้ชำระเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าให้จำเลยไปแล้วนั้นหากโจทก์จะได้ชำระจริงก็ดี ได้ตกลงกันร่างสัญญาเช่าขึ้นแล้วก็ดีก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิในเรื่องนี้ดีขึ้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามกฎหมาย การฟ้องบังคับทำสัญญาจึงไม่ชอบ
การที่โจทก์ฟ้องคดีขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาจดทะเบียนการเช่าอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การที่โจทก์อ้างว่า ได้ชำระเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่า ให้จำเลยไปแล้วนั้น หากโจทก์จะได้ชำระจริงก็ดี ได้ตกลงกันร่างสัญญาเช่าขึ้นแล้วก็ดี ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิในเรื่องนี้ดีขึ้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ส่วนควบของที่ดินและผลของการเช่า: การโอนตึกที่ปลูกบนที่ดินเช่าไม่ต้องจดทะเบียน
จำเลยได้เช่าที่ดินของผู้ร้องขัดทรัพย์ปลูกตึกตึกย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 จำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกนี้ได้ก็อาศัยสัญญาเช่าที่ดินและตึกนี้ย่อมตกเป็นของผู้ร้องไปในตัวตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ฉะนั้น เมื่อจำเลยจะโอนตึกรายนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเมื่อไร ไม่จำต้องไปทำการโอนจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ (อ้างฎีกา 561/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ตึกส่วนควบที่ดิน และการโอนโดยไม่ต้องจดทะเบียน
จำเลยได้เช่าที่ดินของผู้ร้องขัดทรัพย์ปลูกตึก ๆ ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 107 จำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกนี้ได้ ก็อาศัยสัญญาเช่าที่ดิน และตึกนี้ย่อมตกเป็นของผู้ร้องไปในตัวตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ฉะนั้น เมื่อจำเลยจะโอนตึกรายนี้ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเมื่อไร ไม่จำต้องไปทำการโอนจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
(อ้างฎีกา 561/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องด้วยวาจาและการบันทึกข้อหา - เขตควบคุมการแปรรูปไม้และไม้หวงห้าม - การรับสารภาพ
คดีผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลแขวง เมื่อจำเลยรับสารภาพ ผู้ว่าคดีนำมาฟ้องต่อศาลแขวงด้วยวาจา ศาลบันทึกใจความฟ้องในแบบพิมพ์บันทึกคำฟ้อง ฯลฯ ตามมาตรา 20 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯลฯว่า จำเลยบังอาจตั้งโรงค้าไม้แปรรูปเพื่อทำการจำหน่าย และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ดังนี้ถือว่า จำเลยได้กระทำภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ที่รัฐมนตรีได้กำหนดและประกาศตามกฎหมายแล้ว และไม้ที่มีไว้ในครอบครองก็เป็นไม้ประเภทหวงห้ามด้วย ซึ่งไม่ใช่ใจความสำคัญ ศาลจึงไม่บันทึกไว้ ข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์จึงเข้าหลักเกณฑ์เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษแล้ว
บันทึกที่ว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา" ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ในแบบพิมพ์ ต้องถือว่าศาลได้สอบถามจำเลยแล้วจึงเท่ากับศาลได้บันทึกคำให้การจำเลยตามที่สอบถามด้วยลายมือของศาลเหมือนกัน ย่อมมีผลใช้ได้ตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังเกินสมควรในการจับกุมผู้ต้องสงสัย แม้มีเหตุเข้าใจผิดสุจริต ศาลลดโทษตามเหตุผล
จำเลยเป็นราษฎร ใช้มีดแทงนายผลตายโดยมีเหตุให้จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่านายผลเป็นผู้ร้ายปล้นทรัพย์นายเป จนผู้ใหญ่บ้านตีเกราะเรียกให้ราษฎรช่วยกันติดตามจับ แม้นายผลจะหนีต่อไปเพราะกลัวจะถูกจำเลยกับราษฎรทำร้าย จำเลยก็เข้าใจโดยสุจริตว่า จะต้องจับนายผลเพราะเป็นผู้ร้ายให้ได้ตามคำเรียกร้องของผู้ใหญ่บ้านเมื่อนายผลต่อสู้ก็ต้องใช้กำลัง แต่การที่จำเลยแทงนายผลตายนั้นเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ และเกินกว่าความจำเป็นที่จะต้องกระทำ ศาลย่อมลดโทษให้ต่ำลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด พยานหลักฐานบ่งชี้ถึงความร้ายแรง
การที่จำเลยใช้มีดพร้าหวดยาวทั้งตัวทั้งด้ามแขนหนึ่งช่วยกันฟันผู้เสียหายหลายทีและถูกที่สำคัญๆ ซึ่งหากรักษาไม่ทันท่วงทีผู้เสียหายก็คงจะถึงแก่ความตาย เช่นนี้ คดีต้องฟังว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์เมื่อจำนวนผู้กระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลย(สองคน) สมคบกันปล้นโคของเจ้าทรัพย์ไป ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้ร้าย 3 คน ร่วมกันกระทำผิดรายนี้ ก็ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ ต้องลงโทษฐานชิงทรัพย์ ตาม มาตรา 339

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์เนื่องจากจำนวนผู้กระทำผิดไม่ตรงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลย(สองคน) สมคบกันปล้นโคของเจ้าทรัพย์ไป ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้ร้าย 3 คน ร่วมกันกระทำผิดรายนี้ ก็ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ต้องลงโทษฐานชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่า: ปืนมีกระสุนแต่ด้าน ไม่ถือเป็นเหตุที่ไม่สามารถบรรลุผลได้
กรณีที่จะปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 81 นั้น เกี่ยวกับปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิดไม่สามารถจะกระทำให้บรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เช่น ใช้ปืนที่มิได้มีกระสุนบรรจุอยู่เลยยิงคน โดยเข้าใจผิดคิดว่ามีกระสุนบรรจุอยู่พร้อมแล้ว ซึ่งอย่างไรๆ ก็ย่อมจะทำให้ผู้ถูกยิงได้รับอันตรายจากการยิงมิได้เลย ดั่งนี้ จึงจะถือได้ว่า เป็นกรณีที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้
จำเลยใช้ปืนที่มีกระสุนบรรจุอยู่ถึง 7 นัดยิงโจทก์ร่วม กระสุนนัดแรกด้านไม่ระเบิดออก ซึ่งอาจเป็นเพราะกระสุนเสื่อมคุณภาพหรือเพราะเหตุบังเอิญอย่างใดไม่ปรากฏ มิฉะนั้นแล้ว กระสุนก็ต้องระเบิดออกและอาจเกิดอันตรายแก่โจทก์ร่วมได้ หาเป็นการแน่แท้ไม่ว่าจะไม่สามารถกระทำให้ผู้ถูกยิงได้รับอันตรายจากการยิงของจำเลยเช่นนั้น กรณีนี้ต้องปรับด้วย มาตรา 80 ไม่ใช่มาตรา 81 และถ้าหากไม่มีคนเข้าขัดขวางจำเลยไว้ทันท่วงที จำเลยอาจยิงโจทก์ร่วมด้วยกระสุนที่ยังเหลือบรรจุอยู่นั้นต่อไปอีกก็ได้ ย่อมเห็นชัดว่า ไม่ใช่กรณีที่ปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิดไม่สามารถจะกระทำให้บรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามความหมายใน มาตรา 81
of 57