พบผลลัพธ์ทั้งหมด 566 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - เช็คยังไม่สมบูรณ์ - สัญญาจะซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ - การไม่มีมูลหนี้
ผู้เสียหายขายที่ดินให้จำเลยราคาเท่าจำนวนเงินในเช็ค แต่ทำสัญญาจะซื้อขายกำหนดราคาเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าของจำนวนเงินในเช็คโดยรู้กันว่าเพื่อจะให้จำเลยวิ่งเต้นนำที่ดินไปจำนองธนาคารในราคาสูงกว่าที่ซื้อโดยไม่คิดจะไถ่จำนอง จำนวนเงินจำนองที่สูงกว่าจำนวนเงินในเช็คให้ตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นจำนอง ทั้งนี้โดยผู้เสียหายรู้ดีว่าจำเลยไม่มีเงินฝากในธนาคารพอจ่าย และการออกเช็คก็เพื่อให้สมรูปกับการอำพรางว่ามีการวางมัดจำตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขาย ผู้เห็นสัญญาจะได้เห็นจริงเห็นจังไปด้วย
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดพยานจำเลยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นจะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119-120/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและการถอนคืนการให้เนื่องจากกลฉ้อฉล ประพฤติเนรคุณ และหลอกลวง
โจทก์มีที่ดินอยู่แปลงเดียวปรารภว่าจะแบ่งให้บุตรทั้ง 4 คนอ. ซึ่งเป็นบุตรีคนหนึ่งกับ ช.สามีรบเร้าให้แบ่งที่ดินยกให้อ. ก่อนโดยรับรองจะส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์เดือนละ 200 บาท ครั้นโจทก์แบ่งแยกที่ดินแล้ว อ. กับ ช.ก็แนะนำให้โอนที่ดินแปลงที่ยกให้แก่ อ. นั้น โดยทำนิติกรรมเป็นขายให้แก่ ช.โดยโจทก์ไม่ได้รับเงินเลยเมื่อได้ที่ดินแล้วอ. กับ ช.ก็ส่งเสียเงินแก่โจทก์ตามที่รับรองไว้ต่อมาช. เกิดผิดใจกับโจทก์ ช. กับ อ. ก็ถือโกรธไม่ยอมส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์ทำให้โจทก์ประสบความแร้นแค้นและ ช. ยังด่าว่าโจทก์ว่า 'คนแก่หัวหงอก พูดจากลับกลอก ไม่มีสัตย์' ต่อหน้าบุคคลหลายคนซึ่งเป็นญาติก็มี ไม่ใช่ญาติก็มีดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้อง ช. เรียกถอนคืนการให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2)(3)
โจทก์โอนที่ดินให้จำเลยโดยทำนิติกรรมเป็นขายให้ แล้วนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างพยานเอกสารว่าโจทก์ถูกจำเลยหลอกลวงให้โอนให้ โดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินราคาที่ดินนั้น ดังนี้ โจทก์มีสิทธินำสืบได้เพราะเป็นการสืบทำลายล้างเอกสารนั้นว่ามีขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นบุตรีโจทก์ หลอกโจทก์ว่า ย. ผู้เคยมีกรณีขัดแย้งอยู่กับโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ขอให้โจทก์โอนที่ดินให้เป็นของจำเลยเสียหากแพ้คดีจะได้ไม่ถูกยึดทั้งรับรองว่าภายหลังจะโอนกลับคืนให้แล้วจำเลยก็ให้โจทก์ทำนิติกรรมเป็นโอนขายแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินเลย ดังนี้ ต่อมาโจทก์รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง ได้เตือนให้จำเลยโอนคืนแล้วจำเลยขัดขืน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียได้
โจทก์ฎีกาโดยรับอนุญาตให้ฟ้องฎีกาได้อย่างคนอนาถา เมื่อจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลฎีกา และศาลเห็นว่าจำเลยจะต้องเป็นผู้รับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความทั้งสองฝ่ายศาลฎีกาย่อมสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกานั้นให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์ผู้ฎีกาอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 158
โจทก์โอนที่ดินให้จำเลยโดยทำนิติกรรมเป็นขายให้ แล้วนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างพยานเอกสารว่าโจทก์ถูกจำเลยหลอกลวงให้โอนให้ โดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินราคาที่ดินนั้น ดังนี้ โจทก์มีสิทธินำสืบได้เพราะเป็นการสืบทำลายล้างเอกสารนั้นว่ามีขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยซึ่งเป็นบุตรีโจทก์ หลอกโจทก์ว่า ย. ผู้เคยมีกรณีขัดแย้งอยู่กับโจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ขอให้โจทก์โอนที่ดินให้เป็นของจำเลยเสียหากแพ้คดีจะได้ไม่ถูกยึดทั้งรับรองว่าภายหลังจะโอนกลับคืนให้แล้วจำเลยก็ให้โจทก์ทำนิติกรรมเป็นโอนขายแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้สมัครใจและมิได้รับเงินเลย ดังนี้ ต่อมาโจทก์รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง ได้เตือนให้จำเลยโอนคืนแล้วจำเลยขัดขืน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียได้
โจทก์ฎีกาโดยรับอนุญาตให้ฟ้องฎีกาได้อย่างคนอนาถา เมื่อจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลฎีกา และศาลเห็นว่าจำเลยจะต้องเป็นผู้รับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความทั้งสองฝ่ายศาลฎีกาย่อมสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกานั้นให้จำเลยชำระต่อศาลในนามของโจทก์ผู้ฎีกาอย่างคนอนาถาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินริมน้ำฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกีดขวาง แม้ที่ดินนั้นเป็นสาธารณสมบัติ
เจ้าของที่ดินซึ่งมีเขตจดแม่น้ำ มีสิทธิฟ้องผู้ที่ปลูกเรือนอยู่ในที่ชายตลิ่งกีดขวางปิดกั้นหน้าที่ดินนั้นให้รื้อถอนเรือนออกไปได้แม้ที่ๆ ปลูกเรือนจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตามผู้ซื้อที่ดินที่มีเขตจดแม่น้ำยอมให้ผู้ขาย ซึ่งมีเรือนปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งหน้าที่ดินนั้นคงอยู่ต่อไปได้ 1 ปีจึงจะรื้อถอนไป ความยินยอมนี้ถือได้เพียงว่าไม่มีการละเมิดในระยะเวลาดังกล่าวนั้น เมื่อผู้ซื้อบอกกล่าวให้ผู้ขายรื้อถอนไปแล้ว ผู้ขายยังขัดขืน ผู้ซื้อฟ้องขับไล่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำไพ่ปลอม: ความผิดตาม พ.ร.บ.ไพ่ vs. ปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า
ผู้ที่จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1) จะต้องเป็นผู้กระทำขึ้นด้วย เพียงแต่มีเครื่องทำชื่อ รูปรอยประดิษฐ์ และเครื่องอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1)
ผู้ที่มีบล๊อกแบบพิมพ์ประเภทเครื่องมือทำไพ่ปลอมมีความผิดตามพระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 11 เท่านั้น หามีความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 ด้วยไม่
ผู้ที่มีบล๊อกแบบพิมพ์ประเภทเครื่องมือทำไพ่ปลอมมีความผิดตามพระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 11 เท่านั้น หามีความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำให้แท้งบุตรโดยยินยอม ผู้ตายรกหลุดจากมดลูก ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ทำให้หญิงมีครรภ์แท้งโดยหยิงยินยอม หญิงตายในเวลาใกล้ๆกัน เพราะรกหลุดจากผนังมดลูก โดยถูกของแข็งกดมดลูกเลือดออกภายในมดลูกมากทนเจ็บปวดไม่ได้แพทย์ผ่ามดลูกพบเด็กอาการ 32 ครบ อายุประมาณ 3 เดือน ตายแล้วเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัดพยานหลักฐาน: พิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น จะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้า จำเลยต้องเป็นผู้กระทำเอง การมีเครื่องมือทำผิดยังไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้ที่จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272(1) จะต้องเป็นผู้กระทำขึ้นด้วย เพียงแต่มีเครื่องทำ-ชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ และเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1)
ผู้ที่มีบล๊อกแบบพิพม์ประเภทเครืองมือทำไพ่ปลอมมีความผิดตามพระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 11 เท่านั้น หามีความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272 ด้วยไม่
ผู้ที่มีบล๊อกแบบพิพม์ประเภทเครืองมือทำไพ่ปลอมมีความผิดตามพระราชบัญญัติไพ่ พ.ศ.2486 มาตรา 11 เท่านั้น หามีความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272 ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขุดทำนบสาธารณะเสียหาย แม้ไม่ถึงอันตรายร้ายแรง ก็ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
เมื่อจำเลยรับว่าได้ขุดทำนบซึ่งบุคคลใช้เป็นทางสาธารณะขาดออกกว้าง 7 วา ยาว 5 วาจริง แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้ทำให้ทางสาธารณะเสียหายและไม่เป็นอันตรายต่อการจราจร ดังนี้ ทำนบซึ่งใช้เป็นทางสัญจรไปมานี้ เป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยทำการขุดในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่าจำเลยทำให้เสียหายย่อม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ส่วนที่จะผิดตามมาตรา 229 ด้วยหรือไม่นั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์เพียงว่าราษฎรไม่อาจเดินหรือใช้เกวียนบนทำนบนี้ได้ก่อนที่จะถมให้กลับคืนโดยไม่ปรากฏว่ามีลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การจราจรแต่อย่างใด ต้องถือว่าจำเลยได้ทำแต่เพียงให้ทางเสียหายใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จำเลยจึงไม่ผิดตามมาตรา 229 ด้วย
ข้อที่จำเลยอ้างว่าจำเลยขุดทำนบเสียหายก็เพื่อระบายน้ำออกจากนาจำเลย มิฉะนั้นน้ำจะท่วมข้าวของจำเลยตายหมดนั้น ไม่พอจะก่อให้เกิดสิทธิอันเป็นความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ได้
ข้อที่จำเลยอ้างว่าจำเลยขุดทำนบเสียหายก็เพื่อระบายน้ำออกจากนาจำเลย มิฉะนั้นน้ำจะท่วมข้าวของจำเลยตายหมดนั้น ไม่พอจะก่อให้เกิดสิทธิอันเป็นความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการฉ้อโกงค่าจ้าง ต้องมีตั้งแต่ตอนตกลงจ้าง ไม่ใช่เมื่อมีเหตุขัดข้องภายหลัง จึงเป็นเพียงผิดสัญญา
ความผิดฐานฉ้อโกงค่าจ้างแรงงานตามประมวลกฎมายอาญามาตรา 344 นั้นจะต้องได้ความว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายในขณะที่ตกลงจะให้ผู้เสียหายประกอบการงานให้แก่ตนโดยเจตนาจะไม่ใช่ค่าแรงงาน หรือค่าจ้างหรือจะใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างต่ำกว่าที่ตกลง จึงจะเป็นความผิดได้ ถ้าหากไม่ได้ความว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเช่นนั้นในขณะที่จะตกลงกัน แต่เป็นเรื่องตกลงกันมาแล้ว จึงมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นแก่จำเลย ทำให้จำเลยไม่อาจใช้ค่าแรงงานหรอืค่าจ้างได้ตามที่ตกลงกันไว้ ก็เป็นเพียงการผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น จะปรับบทเป็นความผิดทางอาญาหาได้ไม่