พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอนสิทธิเครื่องหมายการค้าต้องทำเป็นคำฟ้อง ไม่ใช่คำร้อง เนื่องจากเป็นการโต้แย้งสิทธิในทางแพ่ง
การขอให้ศาลจำกัดและเพิกถอนสิทธิการจดทะเบียนสินค้าของผู้อื่นซึ่งตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าว่าให้ยื่นคำร้อง นั้นเป็นการขอให้ศาลสั่งซึ่งจะเป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของคนอื่นที่มีอยู่ก่อนแล้ว อันเป็นการตั้งข้อพิพาทว่า ผู้ร้องมีสิทธิดีกว่า เป็นการโต้แย้งสิทธิกันในทางแพ่ง จึงต้องเริ่มคดีโดยทำเป็นคำฟ้องมายื่นไม่ใช่คำร้องขอ
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเครื่องหมายการค้า: การเพิกถอนสิทธิการจดทะเบียนต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท ไม่ใช่คำร้อง
การขอให้ศาลจำกัดและเพิกถอนสิทธิการจดทะเบียนสินค้าของผู้อื่น ซึ่งตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าว่าให้ยื่นคำร้องนั้นเป็นการขอให้ศาลสั่งซึ่งจะเป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของคนอื่นที่มีอยู่ก่อนแล้วอันเป็นการตั้งข้อพิพาทว่า ผู้ร้องมีสิทธิดีกว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิกันในทางแพ่ง จึงต้องเริ่มคดีโดยทำเป็นคำฟ้องมายื่น ไม่ใช่คำร้องขอ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่24/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: การไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้สิทธิในการบังคับคดีสิ้นสุดลง
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ชนะคดี เพียงแต่ขอหมายบังคับคดีไว้เฉยๆ 5-6 ปี มิได้นำยึดเพื่อบังคับให้เป็นผลตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นต่อไเมื่อโจทก์ผู้ชนะคดีนี้ได้บังคับคดีเอากับจำเลยผู้ร้องจึงโต้แย้งสิทธิขึ้นมา ดังนี้ จึงเป็นการยากที่จะถือว่ายังอยู่ในระยะเวลาที่ผู้ร้องจะปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: สิทธิการบังคับคดีไม่สูญเสียแม้ผู้ชนะคดีแรกไม่ดำเนินการ
ผู้ชนะคดีแรก เพียงแต่ขอหมายบังคับคดีไว้เฉยๆ 5-6ปี มิได้นำยึดเพื่อบังคับให้เป็นผลตามคำพิพากษาต่อมาโจทก์ผู้ชนะคดีหลังได้บังคับคดีเอากับจำเลยแม้ผู้ชนะคดีแรกจะโต้แย้งสิทธิขึ้นมา โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างเข้าใจผิดเรื่องค่าจ้างทำงานวันหยุด ลูกจ้างไม่ทักท้วงนานกว่า 1 ปี ศาลไม่ถือว่าจงใจผิดนัด
ลูกจ้างรายเดือนที่มาทำงานให้นายจ้างในวันหยุดงานมีสิทธิได้ค่าจ้างเป็น 2 เท่าตามพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 มาตรา 26
นายจ้างประกาศไม่จ่ายค่าจ้าง 2 เท่าให้ลูกจ้างรายเดือนโดยเข้าใจข้อกฎหมายผิด ฝ่ายลูกจ้างไม่ทักท้วงและไม่เรียกร้องเอาค่าจ้างจนล่วงเวลา 1 ปีเศษจึงมาฟ้อง โดยจำเลยก็ยินดีจะจ่ายให้ตามความเห็นของสารวัตรแรงงาน ดังนี้ จะถือว่านายจ้างจงใจผิดนัดไม่จ่ายค่าจ้างโดยไม่มีเหตุผลสมควรไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 มาตรา 33 วรรคสอง
นายจ้างประกาศไม่จ่ายค่าจ้าง 2 เท่าให้ลูกจ้างรายเดือนโดยเข้าใจข้อกฎหมายผิด ฝ่ายลูกจ้างไม่ทักท้วงและไม่เรียกร้องเอาค่าจ้างจนล่วงเวลา 1 ปีเศษจึงมาฟ้อง โดยจำเลยก็ยินดีจะจ่ายให้ตามความเห็นของสารวัตรแรงงาน ดังนี้ จะถือว่านายจ้างจงใจผิดนัดไม่จ่ายค่าจ้างโดยไม่มีเหตุผลสมควรไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ.2499 มาตรา 33 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างเข้าใจผิดเรื่องค่าจ้างวันหยุดงาน ลูกจ้างไม่ทักท้วงนาน ไม่ถือว่าจงใจผิดนัด
ลูกจ้างรายเดือนที่มาทำงานให้นายจ้างในวันหยุดงาน มีสิทธิได้ค่าจ้างเป็น 2 เท่า ตามพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 มาตรา 26
นายจ้างประกาศไม่จ่ายค่าจ้าง 2 เท่า ให้ลูกจ้างรายเดือนโดยเข้าใจข้อกฎหมายผิด ฝ่ายลูกจ้างไม่ทักท้วงและไม่เรียกร้องเอาค่าจ้างจนล่วง 1 ปี เศษจึงมาฟ้องโดยจำเลยก็ยินดีจะจ่ายให้ตามความเห็นของสารวัดแรงงาน ดังนี้จะถือว่านายจ้างจงใจผิดนัดไม่จ่ายค่าจ้างโดยไม่มีเหตุผลสมควรไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 มาตรา 33 วรรค 2
นายจ้างประกาศไม่จ่ายค่าจ้าง 2 เท่า ให้ลูกจ้างรายเดือนโดยเข้าใจข้อกฎหมายผิด ฝ่ายลูกจ้างไม่ทักท้วงและไม่เรียกร้องเอาค่าจ้างจนล่วง 1 ปี เศษจึงมาฟ้องโดยจำเลยก็ยินดีจะจ่ายให้ตามความเห็นของสารวัดแรงงาน ดังนี้จะถือว่านายจ้างจงใจผิดนัดไม่จ่ายค่าจ้างโดยไม่มีเหตุผลสมควรไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 มาตรา 33 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาโดยปราศจากเจตนาใส่ความไม่เป็นหมิ่นประมาท แต่การแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งผู้อื่นเป็นความผิดอาญา
มารดาถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ บุตรไม่เห็นคนขว้างแต่ได้กล่าวต่อหน้าคนหลายคนว่า "ไม่มีใครนอกจากอ้ายแก้ว(โจทก์)อ้ายชาติหมา อ้ายฉิบหาย" ดังนี้พฤติการณ์ในคดีแสดงว่าไม่มีเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่าเห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้นเป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2503)
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่าเห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้นเป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวหาบุคคลโดยปราศจากเจตนาใส่ร้าย และการแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งผู้อื่น
มารดาถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ บุตรไม่เห็นคนขว้าง แต่ได้กล่าวต่อหน้าคนหลายคนว่า ไม่มีใครนอกจากอ้ายแก้ว (โจทก์) อ้ายชาติหมา อ้ายฉิบหาย ดังนี้ พฤติการณ์ในคดีแสดงว่าไม่มีเจตนาใส่ความให้โจทก์เสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่า เห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้น เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุใหญ่ครั้งที่ 35/2503)
ไปให้การเป็นพยานเท็จในชั้นสอบสวนว่า เห็นโจทก์เป็นผู้กระทำผิดอาญา โดยที่ความจริงไม่ได้เห็นเลยนั้น เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 174 (ประชุใหญ่ครั้งที่ 35/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำถนนคอนกรีตบนทางภารจำยอมไม่ถือเป็นการเพิ่มภารจำยอม หรือสละสิทธิ หากยังคงสภาพเดิม และภารจำยอมยังไม่สิ้นสุด
การทำถนนคอนกรีตบนทางภารจำยอมไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2503)
จดทะเบียนภารจำยอมว่าเป็นทางเดินของผู้ที่อยู่ในโฉนดซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของ แต่แล้วใช้ทางนี้เป็นทางรถด้วยก็ดี หรือมีคนอื่นซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดของจำเลยได้ใช้เป็นทางเดินด้วยก็ดี ก็ยังไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม
เมื่อการจดทะเบียนภารจำยอมยังคงอยู่แม้ผู้ใช้ทางนั้นจะอ้างว่าเป็นทางสาธารณ ก็ไม่ถือว่าสละสิทธิภารจำยอม
จดทะเบียนภารจำยอมว่าเป็นทางเดินของผู้ที่อยู่ในโฉนดซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของ แต่แล้วใช้ทางนี้เป็นทางรถด้วยก็ดี หรือมีคนอื่นซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดของจำเลยได้ใช้เป็นทางเดินด้วยก็ดี ก็ยังไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม
เมื่อการจดทะเบียนภารจำยอมยังคงอยู่แม้ผู้ใช้ทางนั้นจะอ้างว่าเป็นทางสาธารณ ก็ไม่ถือว่าสละสิทธิภารจำยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมไม่เพิ่มขึ้นจากการทำถนน หรือใช้ทางร่วม แม้จะอ้างเป็นทางสาธารณะ การใช้ทางของเจ้าของที่ดินติดกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
การทำถนนคอนกรีตบนทางภารจำยอมไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2503)
่จดทะเบียนภารจำยอมว่าเป็นทางเดิน ของผู้ที่อยู่ในโฉนดซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของ แต่แล้วใช้ทางนี้เป็นทางรถด้วยก็ดี หรือมีคนอื่นซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดของจำเลยได้ใช้เป็นทางเดินด้วยก็ดี ก็ยังไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม
เมื่อการจดทะเบียนภารจำยอมยังคงอยู่แม้ผู้ใช้ทางนั้น จะอ้างว่าเป็นทางสาธารณก็ไม่ถือว่าสละสิทธิภารจำยอม (ย่อ ก.ม. มาตรา 140 แห่ง ป.วิ.พ. อยู่ตอนท้าย)
่จดทะเบียนภารจำยอมว่าเป็นทางเดิน ของผู้ที่อยู่ในโฉนดซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของ แต่แล้วใช้ทางนี้เป็นทางรถด้วยก็ดี หรือมีคนอื่นซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดของจำเลยได้ใช้เป็นทางเดินด้วยก็ดี ก็ยังไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม
เมื่อการจดทะเบียนภารจำยอมยังคงอยู่แม้ผู้ใช้ทางนั้น จะอ้างว่าเป็นทางสาธารณก็ไม่ถือว่าสละสิทธิภารจำยอม (ย่อ ก.ม. มาตรา 140 แห่ง ป.วิ.พ. อยู่ตอนท้าย)