คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิชัยบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
จำเลยใช้กำลังทำร้ายโดยแรง เป็นเหตุให้ศีรษะผู้ตายฟาดหรือกระแทกกับพื้นถนนเข็งกระโหลกศีรษะแตกถึงตาย เป็นผลที่บังเกิดอันเนื่องจากการกระทำของจำเลย จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
(อ้างฎีกาที่ 55/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทดอกเบี้ยกู้ สัญญาไม่ชัดเจน ศาลต้องให้คู่ความสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยให้การต่อสู้ว่า ในสัญญากู้คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อไป สำเนาสัญญากู้ไม่ถูกต้อง ย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่า คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้อง ทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวน ดังนี้ถือว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทอัตราดอกเบี้ยสัญญาเงินกู้: จำเป็นต้องมีการนำสืบหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อตกลงที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยและเรียกดอกเบี้ยร้อยละ15 ต่อปีจำเลยให้การต่อสู้ว่า ในสัญญากู้คิดดอกเบี้ยตามกฎหมายแต่โจทก์กลับคิดร้อยละ 15 ต่อปีสำเนาสัญญากู้ไม่ถูกต้องย่อมเห็นได้ชัดว่า จำเลยให้การปฏิเสธว่าสัญญากู้ไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีดังที่โจทก์ฟ้องอ้างสำเนาสัญญากู้มีข้อความว่าคิดดอกเบี้ยตามกฎหมายร้อยละ 15 ต่อปี ติดมาท้ายคำฟ้องทั้งต้นฉบับสัญญากู้ก็ยังไม่มีปรากฏในสำนวนดังนี้ถือว่า ข้อเท็จจริงเรื่องดอกเบี้ยยังไม่ยุติ คู่ความต้องนำสืบความข้อนี้กันต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าประกันภัยจากผู้รับประกันภัย ไม่จำเป็นต้องเรียกบุคคลที่ 3 เข้าเป็นจำเลยร่วม หากไม่มีประเด็นความรับผิด
ผู้เอาประกันภัยฟ้องเรียกค่าประกันภัยรถยนต์จากผู้รับประกันภัยตามสัญญาประกันภัยนั้นเป็นการเรียกร้องในมูลหนี้เกิดจากสัญญาประกันภัยระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยเนื่องจากรถที่เอาประกันไว้ถูกชนไม่มีประเด็นว่าการชนนั้นเป็นความผิดของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ทำละเมิด และผู้ทำละเมิดจะเป็นลูกจ้างบุคคลที่ 3 จริงหรือไม่ ก็เป็นข้อที่บุคคลที่ 3 อาจยกขึ้นต่อสู้ได้ กรณีไม่เข้า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันจึงหาอาจยื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลที่ 3 เข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้ไม่การที่จะให้บุคคลที่ 3 เข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้นนอกจากไม่มีประเด็นความรับผิดไปถึงในเรื่องที่ฟ้องกันนี้ ยังทำให้การพิจารณายุ่งยากไม่สะดวกอีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าประกันภัยจากสัญญาประกันภัย: การเรียกบุคคลที่ 3 เข้าเป็นจำเลยร่วมไม่ชอบ
ผู้เอาประกันภัยฟ้องเรียกค่าประกันภัยรถยนต์จากผู้รับประกันภัยตามสัญญาประกันภัยนั้นเป็นการเรียกร้องในมูลหนี้ เกิดจากสัญญาประกันภัยระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยเนื่องจากรถที่เอาประกันไว้ถูกชน ไม่มีประเด็นว่าการชนนั้น เป็นความผิดของผู้เอาประกันภัยหรือผู้ทำละเมิด และผู้ทำละเมิดจะเป็นลูกจ้างบุคคลที่ 3 จริงหรือไม่ ก็เป็นข้อที่บุคคลที่ 3 อาจยกขึ้นต่อสู้ได้ กรณีไม่เข้า ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันจึงหาอาจยื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลที่ 3 เข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้ไม่ การที่ให้บุคคลที่ 3 เข้ามาเป็นจำเลยร่วมนั้น นอกจากไม่มีประเด็นความรับผิดไปถึงในเรื่องที่ฟ้องกันนี้ ยังทำให้การพิจารณายุ่งยากไม่สดวกอีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินมือเปล่า: สิทธิของผู้ครอบครอง vs. ผู้ละทิ้ง
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่ใช่ที่ดินที่มีโฉนด และไม่ใช่ที่บ้านที่สวน โจทก์ได้ขอจับจองที่พิพาทแล้วบุกเบิกทำเป็นนาในระหว่างที่ผู้ร้องสอดได้ทิ้งร้างที่พิพาทนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2492 โจทก์ได้เข้าครอบครองทำกินโดยสงบเปิดเผยและโดยเจตนายึดถือเป็นเจ้าของมาแต่พ.ศ.2495จนถึงวันฟ้องคดีเป็นเวลา 5 ปี ผู้ร้องสอดเคยจับจองที่พิพาทไว้ แต่ได้ละทิ้งไปเสียนานเกือบ 10 ปี เช่นนี้ผู้ร้องสอดย่อมหมดสิทธิในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า ผู้ทิ้งร้างสิทธิขาด
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่ใช่ที่ดินที่มีโฉนดและไม่ใช่ที่บ้านที่สวน โจทก์ได้ขอจับจองที่พิพาทแล้วบุกเบิกทำเป็นนาในระหว่างที่ ผู้ร้องสอดได้ทิ้งร้างที่พิพาทนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2492 โจทก์ได้เข้าครอบครองทำกินโดยสงบเปิดเผยและโดยเจตนายึดถือเป็นเจ้าของมาแต่ พ.ศ. 2495 จนถึงวันฟ้องคดีเป็นเวลา 5 ปี ผู้ร้องสอดเคยจับจองที่พิพาทไว้ แต่ได้ละทิ้งไปเสียนานเกือบ 10 ปี เช่นนี้ ผู้ร้องสอดย่อมหมดสิทธิในที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถและระยะห่างจากรถคันหน้า จำเลยต้องเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
จำเลยขับรถตามหลังมา จำเลยควรจะเว้นระยะให้ห่างมากพอที่จะหยุดรถได้ทันโดยไม่ให้ชนคันหน้ายิ่งมีฝุ่นตลบจำเลยควรต้องระมัดระวังเว้นระยะให้ห่างมากขึ้นการที่รถจำเลยไปชนรถที่แล่นอยู่ข้างหน้า ถือได้ว่า จำเลยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถและการเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า
จำเลยขับรถตามหลังมา จำเลยควรจะเว้นระยะให้ห่างมากพอที่จะหยุดรถได้ทันโดยไม่ให้ชนคันหน้า ยิ่งมีฝุ่นตลบจำเลยควรต้องระมัดระวังเว้นระยะให้ห่างมากขึ้น การที่รถจำเลยไปชนรถที่แล่นอยู่ข้างหน้า ถือได้ว่า จำเลยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินงอกริมตลิ่ง: การครอบครองปรปักษ์ต้องเริ่มนับเมื่อที่ดินนั้นเป็นของเอกชนแล้ว
ก่อนเป็นที่งอก ที่พิพาท เป็นที่น้ำท่วมถึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินต่อมาที่พิพาทเริ่มเป็นของจำเลยโดยเป็นที่งอกหน้าที่ดินของจำเลยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308เมื่อ 3 ปีมานี้ การที่โจทก์ครอบครองปรปักษ์ต่อที่ดินของจำเลยดังกล่าวนี้เพียง 3 ปีโจทก์ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์
of 13