พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินงอกใหม่: การครอบครองปรปักษ์เริ่มต้นเมื่อใด?
ก่อนเป็นที่งอก ที่พิพาทเป็นที่น้ำท่วมถึงเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ต่อมาที่พิพาทเริ่มเป็นของจำเลยโดยเป็นที่งอกหน้าที่ดินของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1308 เมื่อ 3 ปีมานี้ การที่โจทก์ครอบครองปรปักษ์ ต่อที่ดินของจำเลยดั่งกล่าวนี้เพียง 3 ปี โจทก์ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแบ่งมรดกหลังประกาศรับมรดก: โจทก์มีสิทธิฟ้องได้แม้ไม่คัดค้าน
แม้เมื่อจำเลยไปขอประกาศรับมรดก (ที่ดินตามโฉนด) โจทก์ทราบประกาศนั้นแล้ว ไม่คัดค้านก็ตาม โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขอแบ่งมรดกรายตามประกาศนั้นได้ ประกาศนั้นหาได้ปิดปากโจทก์มิให้ฟ้องคดีไม่ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามว่า ถ้าไม่คัดค้าน การประกาศรับมรดกเช่นนี้แล้ว จะฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องแบ่งมรดก แม้ทราบประกาศรับมรดกแล้ว ไม่ถือเป็นการปิดปากโจทก์
แม้เมื่อจำเลยไปขอประกาศรับมรดก(ที่ดินตามโฉนด) โจทก์ทราบประกาศนั้นแล้วไม่คัดค้านก็ตามโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขอแบ่งมรดกรายตามประกาศนั้นได้ประกาศนั้นหาได้ปิดปากโจทก์มิให้ฟ้องคดีไม่เพราะไม่มีกฎหมายห้ามว่าถ้าไม่คัดค้านการประกาศรับมรดกเช่นนี้แล้วจะฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์พินัยกรรมปลอม สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรอง
โจทก์อ้างว่า ผู้วายชนม์ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า พินัยกรรมนั้นปลอม เช่นนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า พินัยกรรมที่อ้างนี้ไม่ปลอม
การเชื่อฟังพยานหลักฐานในข้อที่ว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมเป็นลายมือ ชื่ออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมหรือไม่ นั้น ตามปกติควรเชื่อคำประจักษ์พยานยิ่งกว่าคำผู้เชี่ยวชาญ การพิสูจน์หลักฐาน เพราะประจักษ์พยานเป็นผู้ได้ยินกับหูเห็นด้วยตาของตนเอง ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเหตุผลต่าง ๆ ประกอบให้พอเชื่อฟังได้ด้วย
การเชื่อฟังพยานหลักฐานในข้อที่ว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมเป็นลายมือ ชื่ออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมหรือไม่ นั้น ตามปกติควรเชื่อคำประจักษ์พยานยิ่งกว่าคำผู้เชี่ยวชาญ การพิสูจน์หลักฐาน เพราะประจักษ์พยานเป็นผู้ได้ยินกับหูเห็นด้วยตาของตนเอง ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเหตุผลต่าง ๆ ประกอบให้พอเชื่อฟังได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์พินัยกรรมปลอมและสิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรอง
โจทก์อ้างว่า ผู้วายชนม์ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์จำเลยต่อสู้ว่าพินัยกรรมนั้นปลอมเช่นนี้เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า พินัยกรรมที่อ้างนี้ไม่ปลอม
การเชื่อฟังพยานหลักฐานในข้อที่ว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมเป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมหรือไม่นั้น ตามปกติควรเชื่อคำประจักษ์พยานยิ่งกว่าคำผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์หลักฐานเพราะประจักษ์พยานเป็นผู้ได้ยินกับหูเห็นด้วยตาของตนเองทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเหตุผลต่างๆประกอบให้พอเชื่อฟังได้ด้วย
การเชื่อฟังพยานหลักฐานในข้อที่ว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมเป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรมหรือไม่นั้น ตามปกติควรเชื่อคำประจักษ์พยานยิ่งกว่าคำผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์หลักฐานเพราะประจักษ์พยานเป็นผู้ได้ยินกับหูเห็นด้วยตาของตนเองทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเหตุผลต่างๆประกอบให้พอเชื่อฟังได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำด้วยบันดาลโทสะหลังถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าโดยไม่เจตนา
ผู้ตายให้เด็กไปเรียกจำเลยมาและผู้ตายพูดทวงเงินจำเลยเถียงว่าใช้ให้แล้ว จึงเกิดโต้เถียงกันขึ้นผู้ตายกระชากคอเสื้อจำเลยจำเลยสบัดหลุดวิ่งหนีขึ้นสะพานไปแล้ว ผู้ตายยังถือไม้โยกสูบน้ำไล่ตามจำเลยขึ้นไปบนสะพานอีกจำเลยจึงฮึดสู้ โดยชักมีดออกมา ผู้ตายถอยหลังตกน้ำจำเลยกระโดดตามทันทีและแทงผู้ตายไปหนึ่งที แล้วก็เลิกลากัน ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาดังนี้ พอถือได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมและจำเลยได้แทงผู้ตายโดยเหตุบันดาลโทสะในขณะนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง: การแทงเพื่อป้องกันตัวในเหตุวิวาท
ผู้ตายให้เด็กไปเรียกจำเลยมาและผู้ตายพูดทวงเงิน จำเลยเถียงว่าใช้ให้แล้ว จึงเกิดโต้เถียงกันขึ้น ผู้ตายกระชากคอเสื้อจำเลย ๆ สบัดหลุดวิ่งหนีขึ้นสพานไปแล้ว ผู้ตายยังถือไม้โยกสูบน้ำไล่ตามจำเลยขึ้นไปบนสพานอีก จำเลยจึงฮึดสู้ โดยชักมีดออกมา ผู้ตายถอยหลังตกน้ำจำเลยกระโดดตามทันทีและแทงผู้ตายไปหนึ่งที แล้วก็เลิกลากัน พอถือได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และจำเลยได้แทงผู้ตายโดยเหตุบันดาลโทสะในขณะนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายผู้ช่วยเหลือและเจ้าพนักงานขณะจับกุม: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย
จำเลยได้ทำร้ายผู้ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านโดยเจตนาฆ่า และทำร้ายผู้ใหญ่บ้านที่เข้าจับจำเลยในที่ระโหฐาน ในเวลากลางคืนโดยไม่มีอำนาจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดซึ่งหนาแต่ประการใด ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าตาม มาตรา 288, 80 และฐานทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 295 ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า ผู้กระทำการช่วยเหลือ เจ้าพนักงานตามมาตรา 289, 80 และฐานทำร้ายเจ้าพนักงานตามมาตรา 296
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายผู้ช่วยเหลือและผู้ใหญ่บ้านในที่รโหฐานตอนกลางคืน ความผิดฐานพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย
จำเลยได้ทำร้ายผู้ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านโดยเจตนาฆ่าและทำร้ายผู้ใหญ่บ้านที่เข้าจับจำเลยในที่รโหฐาน ในเวลากลางคืนโดยไม่มีอำนาจทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดซึ่งหน้าแต่ประการใดดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าตาม มาตรา 288,80 และฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้กระทำการช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289,80 และฐานทำร้ายเจ้าพนักงานตาม มาตรา 296
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปตาม พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลป
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปซึ่งตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลป พ.ศ. 2479 มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายนี้โดยเด็ดขาดเกี่ยวกับการสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ ศาลไม่อาจเข้าไปวินิจฉัยซ้อนการวินิจฉัย ของคณะกรรมการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมาย
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่า โจทก์มีความประพฤติไม่ดี โดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชระเราเด็กหญิง แต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่เสียหาย ๆ ถอนคำร้องทุกข์ก็ดี คณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณะสุข ตารมพระราชกฤษฎีกามอบให้ ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2) ว่าให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไป แก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ได้ตาม มาตรา 9. และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวม พยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชจังหวัด ๆ เสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่า โจทก์มีความประพฤติไม่ดี โดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชระเราเด็กหญิง แต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่เสียหาย ๆ ถอนคำร้องทุกข์ก็ดี คณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณะสุข ตารมพระราชกฤษฎีกามอบให้ ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2) ว่าให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไป แก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ได้ตาม มาตรา 9. และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวม พยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชจังหวัด ๆ เสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด