คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิชัยบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีโดยจำเลยที่ยกเหตุผลเรื่องเอกสารไม่สมบูรณ์ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ในชั้นศาลชั้นต้น จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า จำเลยไม่ได้กู้ โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดง มิได้ต่อสู้ไว้เลยว่าสัญญากู้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และเพิ่งจะมายกขึ้นเป็นข้อฎีกาเท่านั้น ไม่รับพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ในการขอแบ่งสินบริคณห์ แม้เคยขอเฉลี่ยทรัพย์แล้ว ไม่ตัดสิทธิในการขอแบ่งสินบริคณห์เพิ่มเติม
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินบริคณห์ ขอให้แยกสินบริคณห์ซึ่งถูกศาลยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดแยกเป็นส่วนของสามี ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 288 หากแต่เป็นการขอแบ่งแยกสิบริคณห์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)
การขอเฉลี่ยทรัพย์ คือการขอให้ได้รับชำระหนี้ โดยส่วนเฉลี่ยกับเจ้าหนี้ผู้ทำการยึดทรัพย์จากทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้ ส่วนการขอแบ่งแยกสินบริคณห์ คือ การขอเอาส่วนอันเป็นส่วนของลูกหนี้ผู้ร้องออกมา
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอเฉลี่ยและได้เฉลี่ยว่า เป็นสินบริคณห์ก็มิได้ทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะขอแบ่งสินบริคณห์มาชำระหนี้หายไป เจ้าหนี้ย่อมที่จะยื่นคำร้องขอแบ่งสินบริคณห์ของลูกหนี้ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอแบ่งสินบริคณห์ แม้ได้มีการเฉลี่ยทรัพย์แล้ว เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิขอแบ่งสินบริคณห์เพื่อชำระหนี้ได้
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินบริคณห์ขอให้แยกสินบริคณห์ซึ่งถูกศาลยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดแยกเป็นส่วนของสามี ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 หากแต่เป็นการขอแบ่งแยกสินบริคณห์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2503)
การขอเฉลี่ยทรัพย์ คือ การขอให้ได้รับชำระหนี้โดยส่วนเฉลี่ยกับเจ้าหนี้ผู้ทำการยึดทรัพย์จากทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้ ส่วนการขอแบ่งแยกสินบริคณห์คือ การขอเอาส่วนอันเป็นส่วนของลูกหนี้ผู้ร้องออกมา
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอเฉลี่ยและได้เฉลี่ยแล้ว แม้เจ้าหนี้นั้นจะไม่ได้กล่าวไว้ในชั้นขอเฉลี่ยว่า เป็นสินบริคณห์ ก็มิได้ทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะขอแบ่งสินบริคณห์มาชำระหนี้หายไป เจ้าหนี้ย่อมที่จะยื่นคำร้องขอแบ่งสินบริคณห์ของลูกหนี้ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความต้องมีลายมือชื่อจริงในเอกสารแต่งตั้ง การติดลายเซ็นภายหลังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การที่จะแต่งตั้งทนายความนั้น ผู้ที่จะแต่งตั้งจะต้องเซ็นชื่อของตนเองไว้ในช่องผู้แต่งตั้ง ทนายความด้วยตนเอง (ป.วิ.พ. มาตรา 61, 67) การแต่งตั้งทนายความนั้น จึงจะสมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย การที่ตัดเอาลายเซ็นชื่อของผู้แต่งตั้งทนายความจากที่อื่นมาปิดลงไว้ในช่องผู้แต่งตั้งทนายความมิได้เซ็นชื่อในใบแต่งตั้งทนาย แม้ผู้แต่งตั้งทนายความจะรับรองหรือให้สัตยาบัน ก็ไม่ทำให้ลายมือชื่อของผู้แต่งตั้งทนายความในใบแต่งทนายโดยถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 61 ขึ้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความต้องใช้ลายมือชื่อจริงในเอกสาร การปิดลายเซ็นที่ตัดต่อมาไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การที่จะแต่งตั้งทนายความนั้นผู้ที่จะแต่งตั้งจะต้องเซ็นชื่อของตนเองไว้ในช่องผู้แต่งตั้งทนายความด้วยตนเอง (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61,67) การแต่งตั้งทนายความนั้นจึงจะสมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย การที่ตัดเอาลายเซ็นชื่อของผู้แต่งตั้งทนายความจากที่อื่นมาปิดลงไว้ในช่องผู้แต่งตั้งทนายความ จึงมีผลเท่ากับผู้แต่งตั้งทนายความมิได้เซ็นชื่อในใบแต่งทนาย แม้ผู้แต่งตั้งทนายความจะรับรองหรือให้สัตยาบัน ก็ไม่ทำให้มีลายมือชื่อของผู้แต่งตั้งทนายความในใบแต่งทนายโดยถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61 ขึ้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่จำกัดเฉพาะพื้นที่เช่า ผู้เช่าเดิมมีสิทธิเหนือพื้นที่ปลูกสร้างก่อนสัญญาเช่า
ในกรณีที่จำเลยผู้เช่าได้ปลูกโรงของจำเลยไว้ในที่พิพาทก่อนที่โจทก์ได้มาทำสัญญาเช่าที่พิพาทต่อเจ้าของที่พิพาทนั้น โจทก์จะอาศัยสิทธิสัญญาเช่านั้นมาฟ้องขับไล่จำเลยเพื่อโจทก์จะได้เข้าครอบครองที่พิพาทนั้นหาได้ไม่ โจทก์เป็นเพียงผู้มีสิทธิเช่า ยังไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่เช่ามานั้นเลย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่ากับสิทธิการครอบครองก่อนสัญญาเช่า: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงที่ปลูกก่อนทำสัญญา
ในกรณีที่จำเลยผู้เช่าได้ปลูกโรงของจำเลยไว้ในที่พิพาทก่อนที่โจทก์ได้มาทำสัญญาเช่าที่พิพาทต่อเจ้าของที่พิพาทนั้น โจทก์จะอาศัยสิทธิสัญญาเช่านั้นมาฟ้องขับไล่จำเลย เพื่อโจทก์จะได้เข้าครอบครองที่พิพาทนั้นหาได้ไม่ โจทก์เป็นเพียงผู้มีสิทธิเช่า ยังไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทที่เช่ามานั้นเลย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินหลังสามีเสียชีวิต: ไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี และพิจารณาอายุการครอบครองตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ
ในกรณีที่มีผู้ครอบครองที่ดินของสามีที่ตายไปแล้ว ภริยาไม่จำต้องเรียกร้องเอาคืนภายใน 1 ปี ตามอายุความมรดกเพราะกรณีไม่ใช่เรียกร้องตามสิทธิของเจ้าหน้าอันมีต่อกองมรดก และไม่ใช่เป็นเรื่องพิพาทในระหว่างทายาท
การที่จะใช้กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 บังคับในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่ครอบครองที่ดินนั้น ต้องแล้วแต่ว่าที่ดินนั้นได้เป็นที่บ้านที่สวนตั้งแต่เมื่อใด คือ ก่อนหรือหลังวันที่ 1 เมษายน 2475 ซึ่งเป็นวัน ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ บรรพ 4 ว่าด้วยทรัพย์สิน ถ้าเป็นที่บ้านที่สวนมาก่อน ก็ต้องนำเอากฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินหลังสามีเสียชีวิต: อายุความ & กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ
ในกรณีที่มีผู้ครอบครองที่ดินของสามีที่ตายไปแล้วภริยาไม่จำต้องเรียกร้องเอาคืนภายใน 1 ปี ตามอายุความมรดก เพราะกรณีไม่ใช่เรียกร้องตามสิทธิของเจ้าหนี้อันมีต่อกองมรดกและไม่ใช่เป็นเรื่องพิพาทในระหว่างทายาท
การที่จะใช้กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 บังคับในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่ครอบครองที่ดินนั้น ต้องแล้วแต่ว่าที่ดินนั้นได้เป็นที่บ้านที่สวนตั้งแต่เมื่อใด คือ ก่อนหรือหลังวันที่ 1 เมษายน 2475ซึ่งเป็นวันประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 ว่าด้วยทรัพย์สิน ถ้าเป็นที่บ้านที่สวนมาก่อน ก็ต้องนำเอากฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงและการลดโทษตามมาตรา 72
จำเลยได้ออกเงินค่าสุรา แต่ผู้ตายเอาเงินนั้นใส่กระเป๋าเสีย กินสุรากันหมดครึ่งขวด ผู้ตายก็กลับ เอาสุราที่เหลือไปด้วย เจ้าของร้านมาทวงค่าสุรา จำเลยบอกว่าได้ออกไปแล้วและอยู่ที่ผู้ตาย เจ้าของร้านให้จำเลยไปตามมาให้ จำเลยตามไปทันผู้ตายและพูดว่าเงินค่าสุรายังไม่ได้ให้เขา ผู้ตายพูดว่า กูไม่ได้เอาเงินของมึงมา ไม่รู้พูดแล้วผู้ตายก็เหวี่ยงขวด สุราตีจำเลย จำเลยหลบ ไม่ถูก ขวดสุราหลุดมือผู้ตายเข้าป่าไป ทันทีนี้จำเลยแทงผู้ตายด้วยกฤชถูกที่กระดูกไหปลาร้าขวา และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายได้ถึงแก่ความตายด้วยพิษบาดแผล ดังนี้ถือว่า ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุก่อน ได้ยั่วให้จำเลยบันดาลโทสะ พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยบันดาลโทสะ เพราะถูกผู้ตายข่มเหง อย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยจึงควรได้รับการลงโทษน้อยลงตามมาตรา 72
of 13