พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากถูกข่มเหง: ลดโทษอาญาฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยได้ออกเงินค่าสุรา แต่ผู้ตายเอาเงินนั้นใส่กระเป๋าเสีย กินสุรากันหมดครึ่งขวด ผู้ตายก็กลับเอาสุราที่เหลือไปด้วย เจ้าของร้านมาทวงค่าสุรา จำเลยบอกว่าได้ออกไปแล้วและอยู่ที่ผู้ตาย เจ้าของร้านให้จำเลยไปตามมาให้ จำเลย ตามไปทันผู้ตายและพูดว่าเงินค่าสุรายังไม่ได้ให้เขา ผู้ตายพูดว่า กูไม่ได้เอาเงินของมึงมา ไม่รู้ พูดแล้วผู้ตายก็เหวี่ยงขวดสุราตีจำเลย จำเลยหลบ ไม่ถูก ขวดสุราหลุดมือผู้ตายเข้าป่าไป ทันทีนี้จำเลยแทงผู้ตายด้วยกฤชถูกที่กระดูกไหปลาร้าขวา และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายด้วยพิษบาดแผล ดังนี้ ถือว่า ผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนได้ยั่วให้จำเลยบันดาลโทสะ พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงควรได้รับการลงโทษน้อยลงตามมาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินที่ผิดแปลงและการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยไม่สุจริต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 เป็นเพียงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้มีชื่อในทะเบียนที่ดินเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้อื่นครอบครองข้อสันนิษฐานเช่นว่านี้ก็เป็นอันพับไป
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติว่าการได้มาโดยวิธีใดจึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย หาใช่เป็นบทบัญญัติว่า แม้จะได้มาโดยไม่สุจริต ก็ให้มีสิทธิด้วยไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติว่าการได้มาโดยวิธีใดจึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย หาใช่เป็นบทบัญญัติว่า แม้จะได้มาโดยไม่สุจริต ก็ให้มีสิทธิด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การสันนิษฐานตามทะเบียนที่ดิน และผลของการโอนที่ดินโดยไม่สุจริต
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 เป็นเพียงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้มีชื่อในทะเบียนที่ดินเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าอื่นครอบครอง ข้อสันนิษฐานเช่นว่านี้ ก็เป็นอันพับไป
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติว่า การได้มาโดยวิธีใดจึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย หาใช่เป็นบทบัญญัติว่าแม้จะได้มาโดยไม่สุจริต ก็ให้มีสิทธิด้วยไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติว่า การได้มาโดยวิธีใดจึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย หาใช่เป็นบทบัญญัติว่าแม้จะได้มาโดยไม่สุจริต ก็ให้มีสิทธิด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมยินยอมให้จำนองทรัพย์ส่วนรวม การจำนองมีผลผูกพันกับส่วนของผู้ยินยอม
จำเลยเอาห้องแถวซึ่งผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ไปจำนองกับโจทก์ไว้ โดยผู้ร้องรู้เห็นยินยอมด้วย การจำนองรายนี้จึงมีผลพูกพันทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นส่วนของผู้ร้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมยินยอมจำนองทรัพย์ส่วนรวม มีผลผูกพันกับส่วนของผู้ยินยอม
จำเลยเอาห้องแถวซึ่งผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วยไปจำนองกับโจทก์ไว้ โดยผู้ร้องรู้เห็นยินยอมด้วยการจำนองรายนี้จึงมีผลผูกพันทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นส่วนของผู้ร้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนา: การพิจารณาเหตุข่มเหงร้ายแรงและอำนาจศาลในการพิจารณาบันดาลโทสะแม้มิได้ยกขึ้นสู่ศาล
ก่อนเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง ผู้ตายกับจำเลยเล่นการพนันกันผู้ตายหาว่าจำเลยไม่ยอมให้เงินที่เสียการพนันเป็นเงิน 1 บาทเกิดโต้เถียงกันแล้วก็เลิกกันไปต่อมาขณะจำเลยอยู่ที่เพิงซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลย ผู้ตายเมาสุรามาที่เพิงและด่าแม่จำเลยจำเลยโกรธจึงได้ใช้มีดดาบฟันแขนผู้ตาย 1 ที และแทงถูกเหนือนมขวาผู้ตายอีก 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตายพอถือได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72(อ้างฎีกาที่ 409/2498)
ในคดีอาญา ฟ้องในข้อหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะเมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นในข้อบันดาลโทสะมาสู่ศาลศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้เสมอเพราะถือว่าเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา195.(อ้างฎีกาที่ 1818/2499)
ในคดีอาญา ฟ้องในข้อหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะเมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นในข้อบันดาลโทสะมาสู่ศาลศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้เสมอเพราะถือว่าเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา195.(อ้างฎีกาที่ 1818/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนา แต่ได้รับการพิจารณาจากเหตุข่มเหงอย่างร้ายแรงและบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ก่อนเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง ผู้ตายกับจำเลยเล่นการพนันกัน ผู้ตายหาว่าจำเลยไม่ยอมให้เสียการพนันเป็นเงิน 1 บาท เกิดโต้เถียงกันแล้วก็เลิกกันไป ต่อมาขณะจำเลยอยู่ที่เพิงซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลย ผู้ตายเมาสุรามาที่เพิงและด่าแม่จำเลย จำเลยโกรธจึงได้ใช้มีดดาบฟันแขนผู้ตาย 1 ที และแทงถูกเหนือนมขวาผู้ตายอีก 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตาย พอถือได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 72 (อ้างฎีกาที่ 409/2498)
ในคดีอาญา ฟ้องในข้อหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะ เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นในข้อบันดาลโทสะมาสู่ศาล ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ เสมอ เพราะถือว่า เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 (อ้างฎีกาที่ 1818/2499)
ในคดีอาญา ฟ้องในข้อหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะ เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นในข้อบันดาลโทสะมาสู่ศาล ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ เสมอ เพราะถือว่า เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 (อ้างฎีกาที่ 1818/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีเบียดบังเงิน เจ้ามรดก/ผู้รับมรดก มีสิทธิเรียกคืนได้ภายใน 10 ปีนับจากวันที่จำเลยเบียดบัง
โจทก์เป็นผู้รับมรดก ฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทนคดีเช่นนี้มีอายุความ 10 ปีนับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้แต่ละคราวเป็นตอนๆ มา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีเบียดบังทรัพย์สิน: สิทธิของเจ้ามรดกตกทอดสู่ผู้รับมรดก
โจทก์เป็นผู้รับมรดก ฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทน คดีเช่นนี้มีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้ แต่ละ คราวเป็นตอน ๆ มา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ทนายหลังถอนมอบอำนาจ: การแจ้งผลคำพิพากษาและการกระทำการแทนตัวความ
โจทก์แต่งให้จำเลยเป็นทนายฟ้องคดีให้โจทก์ จำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี โจทก์ขอถอนจำเลยออกจากการเป็นทนายใหม่เป็นผู้ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ต่อมา ดังนี้ หน้าที่ทนายความระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นอันสิ้นสุดลง แต่ในแง่ที่เกี่ยวกับศาลและคนอื่น จำเลยยังเป็นทนายของโจทก์อยู่ เพราะโจทก์จำเลยยังหาได้แจ้งถอนหรือเลิกการแต่งตั้งไม่
การที่จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีซึ่งตนพ้นจากหน้าที่ทนายแล้ว มีผลเท่ากับจำเลยทำกิจการแทนโจทก์ โดยที่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำการนั้น จำเลยต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว
การที่จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีซึ่งตนพ้นจากหน้าที่ทนายแล้ว มีผลเท่ากับจำเลยทำกิจการแทนโจทก์ โดยที่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะกระทำการนั้น จำเลยต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว