คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิชัยบัณฑิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ทนายหลังถอนจากกรณี – การแจ้งผลคำพิพากษาและการปฏิบัติหน้าที่แทนตัวความ
โจทก์แต่งให้จำเลยเป็นทนายฟ้องคดีให้โจทก์จำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีโจทก์ขอถอนจำเลยออกจากการเป็นทนายโดยจำเลยยินยอมโจทก์ตั้งทนายใหม่เป็นผู้ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ต่อมา ดังนี้ หน้าที่ทนายความระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นอันสิ้นสุดลง แต่ในแง่ที่เกี่ยวกับศาลและคนอื่น จำเลยยังเป็นทนายของโจทก์อยู่ เพราะโจทก์จำเลยยังหาได้แจ้งถอนหรือเลิกการการแต่งตั้งไม่
การที่จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีซึ่งตนพ้นจากหน้าที่ทนายแล้ว มีผลเท่ากับจำเลยทำกิจการแทนโจทก์ โดยที่ตนไม่มีสิทธิที่จะกระทำการนั้นจำเลยต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่จำเลยในการแสดงเหตุแก้ตัวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 โจทก์ไม่ต้องบรรยายในฟ้อง
คำว่า เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 นั้น โจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องเพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบแสดงออกมา เพื่อให้ตนพ้นผิด ไม่ใช่ให้โจทก์นำสืบว่าจำเลยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 611/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่จำเลยในการพิสูจน์เหตุแก้ตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 โจทก์ไม่ต้องบรรยายในฟ้อง
คำว่า'เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร'ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 นั้น โจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องเพราะเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบแสดงออกมา เพื่อให้ตนพ้นผิด ไม่ใช่ให้โจทก์นำสืบว่าจำเลยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำหนังสือแสดงหนี้สินที่เป็นเท็จ และการถอนคำร้องทุกข์ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยเป็นผู้จัดการร้านขายรถจักรยาน ได้เขียนใบส่งสิ่งของขึ้นเอง หรือสั่งให้คนให้ร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของผู้จัดการ ไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมหนังสือของผู้ใดอื่นเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 399/2485, 1411/2494)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้ว เพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีก สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมหนังสือและการถอนฟ้องคดีอาญา การกระทำไม่ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสาร และการถอนฟ้องแล้วสิทธิระงับ
จำเลยเป็นผู้จัดการร้านขายรถจักรยานได้เขียนใบส่งสิ่งของขึ้นเองหรือสั่งให้คนในร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของผู้จัดการไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมเป็นหนังสือของผู้อื่นใดเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 399/2485,1411/2494)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้วเพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีกหาได้ไม่สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกีดขวางการใช้ประโยชน์จากสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โดยแกล้งเอาหินมากองไว้ และเอาไม้ปักเป็นหลักกันไม่ให้โจทก์เอาเรือเข้าจอดในลำแม่น้ำระนองอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินซึ่งโจทก์ได้ใช้สอยมานาน ทำให้โจทก์เสียหาย หากเป็นจริงตามฟ้อง โจทก์ก็เป็นผู้ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกระทบสิทธิการใช้ประโยชน์จากสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตโดยแกล้งเอาหินมากองไว้และเอาไม้ปักเป็นหลักกันไม่ให้โจทก์เอาเรือเข้าจอดในลำแม่น้ำระนองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งโจทก์ได้ใช้สอยมานานทำให้โจทก์เสียหายหากเป็นจริงตามฟ้องโจทก์ก็เป็นผู้ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าเช่าและการผิดนัด: เจ้าของบ้านต้องเป็นผู้รับเอง หากเคยรับเองมาตลอด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปีตั้งแต่เช่ากันมา เป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเอง เมื่อโจทก์ไปไม่เก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าเช่าทางอื่น และผลของการไม่ไปรับเงินค่าเช่าของผู้ให้เช่า ทำให้จำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปี ตั้งแต่เช่ากันมาเป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเองเมื่อโจทก์ไม่ไปเก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนาฆ่าและความร้ายแรงของการกระทำ
จำเลยตั้งใจจะหนีให้พ้นการจับกุมเป็นการจวนตัวจึงได้แทงไปหมายจะเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งบาดแผลที่ตำรวจถูกแทงที่คอก็มีขนาดเล็ก กว้าง 3/4 เซนติเมตร ยาว 3/4 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตรต่อมาประมาณ 1 เดือน ตำรวจก็ตายเพราะแผลที่เย็บไม่ติดกัน ให้อาหารไม่ได้โดยอาหารรั่วออกทางแผล ร่างกายทรุดโทรมลงจนกระทั่งตาย เช่นนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ถึงตาย จำเลยยังไม่มีผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตาย ตามมาตรา 290 วรรคท้าย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 ผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานจนถึงตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคท้าย จำคุก 18 ปี ลด 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุก 12 ปีโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 289 ศาลฎีกาเห็นด้วย กับศาลอุทธรณ์ ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ผิดตามมาตรา 289 คงผิดตามมาตรา 290 วรรคท้ายแต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเบาและลดโทษให้มากไป ศาลฎีกามีอำนาจแก้เป็นให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 20 ปี ลดโทษให้ 4 ปี คงจำคุก 16 ปีได้ไม่ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 212
of 13