คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิทักษ์มนูศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายผู้ช่วยเหลือและผู้ใหญ่บ้านในที่รโหฐานตอนกลางคืน ความผิดฐานพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย
จำเลยได้ทำร้ายผู้ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านโดยเจตนาฆ่าและทำร้ายผู้ใหญ่บ้านที่เข้าจับจำเลยในที่รโหฐาน ในเวลากลางคืนโดยไม่มีอำนาจทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดซึ่งหน้าแต่ประการใดดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าตาม มาตรา 288,80 และฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้กระทำการช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม มาตรา 289,80 และฐานทำร้ายเจ้าพนักงานตาม มาตรา 296

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปในการเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อมีพฤติกรรมเสื่อมเสียและกระบวนการไต่สวน
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปซึ่งตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลป พ.ศ.2479 มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายนี้โดยเด็ดขาดเกี่ยวกับการสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปศาลไม่อาจเข้าไปวินิจฉัยซ้อนการวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมาย
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่าโจทก์มีความประพฤติไม่ดีโดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงแต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก็ดีคณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 14(2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปฯไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2)ว่า ให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไปแก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพได้ตาม มาตรา9 และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลป เช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปตาม พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลป
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปซึ่งตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลป พ.ศ. 2479 มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายนี้โดยเด็ดขาดเกี่ยวกับการสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ ศาลไม่อาจเข้าไปวินิจฉัยซ้อนการวินิจฉัย ของคณะกรรมการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมาย
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่า โจทก์มีความประพฤติไม่ดี โดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชระเราเด็กหญิง แต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่เสียหาย ๆ ถอนคำร้องทุกข์ก็ดี คณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณะสุข ตารมพระราชกฤษฎีกามอบให้ ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2) ว่าให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไป แก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ได้ตาม มาตรา 9. และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวม พยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชจังหวัด ๆ เสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการตัดสิทธิการสืบพยานจำเลย ศาลพิจารณาคำร้องขอพิจารณาใหม่โดยการสอบถามได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ก่อนวันนัดสืบพยานจำเลย ๆ ยื่นคำร้องขอเลื่อนศาลสั่งให้มาพูดกันวันนัด ครั้นถึงวันนัด ่จำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล ศาลสั่งยกคำร้องและถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
การที่ศาลสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาและให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไปนั้น เป็นอันเข้าใจได้ว่า ศาลสั่งตัดหรืองดสืบพยานจำเลยแล้ว
ประเด็นแห่งคดีมี 2 ตอน ซึ่งจำเลยจะสืบแก้ได้ภายหลังอีกนั้น เมื่อศาลสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาและให้นัดสืบพยานโจทก์ ศาลสืบพยานโจทก์จนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานต่อไป จำเลยมิได้แถลงขอสืบพยานจำเลยในตอน 2 อีกเลยทั้ง ๆ ที่มีเวลา ดังนี้ จำเลยจะมาคัดค้านเมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว หาชอบไม่
ผู้รับมอบฉันทะจากทนายความให้มาฟังคำสั่งศาลและกำหนดวันนัด จะถือว่าผู้รับมอบฉันทะนั้นเป็นตัวแทนของตัวความหรือทนายความในการดำเนินคดีไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความ ถือไม่ได้ว่าตัวความหรือทนายตัวความมาศาล
การไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลอาจใช้วิธีสอบถามก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1281/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา-สิทธิสืบพยาน-การมอบฉันทะ-การไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ก่อนวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนศาลสั่งให้มาพูดกันวันนัด ครั้นถึงวันนัด จำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล ศาลสั่งยกคำร้องและถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
การที่ศาลสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาและให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไปนั้นเป็นอันเข้าใจได้ว่า ศาลสั่งตัดหรืองดสืบพยานจำเลยแล้ว
ประเด็นแห่งคดีมี 2 ตอน ซึ่งจำเลยจะสืบแก้ได้ภายหลังอีกนั้น เมื่อศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและให้นัดสืบพยานโจทก์ ศาลสืบพยานโจทก์จนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานต่อไป จำเลยมิได้แถลงขอสืบพยานจำเลยในตอน 2 อีกเลยทั้งๆ ที่มีเวลา ดังนี้ จำเลยจะมาคัดค้านเมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว หาชอบไม่
ผู้รับมอบฉันทะจากทนายความให้มาฟังคำสั่งศาลและกำหนดวันนัดจะถือว่าผู้รับมอบฉันทะนั้นเป็นตัวแทนของตัวความหรือทนายความในการดำเนินคดีไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนตัวความ ถือไม่ได้ว่าตัวความหรือทนายตัวความมาศาล
การไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ศาลอาจใช้วิธีสอบถามก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญา: ผลกระทบต่อสิทธิในการฟ้องร้อง
มูลกรณีในคดีอาญา โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง และโจทก์จำเลยได้ทำความตกลงกันไว้โดยชัดแจ้งตามหลักฐานเอกสารว่า ทั้งสองฝ่ายยินยอมจะไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากันอีกต่อไป ดังนี้ เป็นการยอมความแก่กันแล้วในความผิดต่อส่วนตัว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(2) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในคดีอาญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1280/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีความผิดส่วนตัว ทำให้สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมาย
มูลกรณีในคดีอาญา โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่ง และโจทก์จำเลยได้ทำความตกลงกันไว้โดยชัดแจ้งตามหลักฐานเอกสารว่า ทั้งสองฝ่ายยินยอมจะไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากันอีกต่อไป ดังนี้ เป็นการยอมความแก่กันแล้วในความผิดต่อส่วนตัว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในคดีอาญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวที่สมควรแก่เหตุ: โจรปล้นทรัพย์ทำร้ายร่างกาย จำเลยป้องกันเพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่น
พฤติการณ์ของผู้ตายเป็นโจรปล้นทรัพย์ทำร้ายนายเหืองจำเลยแล้วยังจะทำซ้ำอีก นายเบืองนายโหนจำเลยเข้าไปป้องกันโดยตีผู้ตายเสียก่อนเพื่อไม่ให้ผู้ตายทำร้ายนายเหืองจำเลย พรรคพวกของผู้ตาย 2 คน ยังกลับมาช่วยผู้ตายอีก ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายกับพวกจะก่อกรรมรุนแรงอย่างใดต่อไปย่อมรู้ไม่ได้ ในที่สุดผู้ตายก็ตายลงในเวลานั้นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดโดยผิดด้วยกฎหมาย เช่นนี้ ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินจากโจรปล้นทรัพย์
พฤติการณ์ของผู้ตายเป็นโจรปล้นทรัพย์ทำร้ายนายเหืองจำเลยแล้วยังจะทำซ้ำอีกนายเบือง นายโหนจำเลยเข้าไปป้องกันโดยตีผู้ตายเสียก่อนเพื่อไม่ให้ผู้ตายทำร้ายนายเหืองจำเลย พรรคพวกของผู้ตาย 2 คน ยังกลับมาช่วยผู้ตายอีก ขณะนั้น เป็นเวลากลางคืน ผู้ตายกับพวกจะก่อกรรมรุนแรงอย่างใดต่อไปย่อมรู้ไม่ได้ ในที่สุดผู้ตายก็ตายลงในเวลานั้นเอง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความจำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดโดยผิดด้วยกฎหมาย เช่นนี้ ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เช็คปลอมและฉ้อโกง: เช็คเป็นหนังสือสำคัญทางกฎหมายอาญา
เช็คเป็นตั๋วเงินชนิดหนึ่ง สั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน จึงเป็นหนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งหนี้สินหรือเป็นหลักฐานแก่การเปลี่ยนแก้ เลิกล้าง หรือ โอนหนี้สินเพราะเช็คนั้น ในเบื้องต้นย่อมเป็นหนังสือตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินแก่ผู้ทรง และผู้สั่งจ่ายเป็นอันสัญญาว่า ถ้าธนาคารไม่ยอมจ่ายเงิน ผู้สั่งจ่ายก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง และในเบื้องปลาย เมื่อธนาคารได้จ่ายเงินตามคำสั่งของผู้ออกเช็คแล้ว ก็ย่อมเป็นหนังสือหลักฐานแสดงหนี้สินผูกพันระหว่างผู้ออกเช็คและธนาคารซึ่งผู้ออกเช็คต้องยอมให้ธนาคารหักเงินที่สั่งจ่ายนั้นจากบัญชีเงินฝากของตน หรือถ้าธนาคารจ่ายเงินตามเช็คเกินบัญชีเงินฝากของผู้ออกเช็คไป ธนาคารก็ย่อมเรียกร้องเอาจากผู้ออกเช็คได้เช็คจึงเป็นหนังสือสำคัญตามความหมายของกฎหมายลักษณะอาญาโดยแท้
of 20