พบผลลัพธ์ทั้งหมด 197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คคือหนังสือสำคัญทางกฎหมายอาญา การปลอมแปลงเช็คเป็นความผิด
เช็คเป็นตั๋วเงินชนิดหนึ่ง สั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน จึงเป็นหนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งหนี้สิน หรือเป็นหลักฐานแก่การเปลี่ยนแก้ เลิกล้างหรือโอนหนี้สิน เพราะเช็คนั้น ในเบื้องต้นย่อมเป็นหนังสือตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินแก่ผู้ทรง และผู้สั่งจ่ายก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง และในเบื้องปลาย เมื่อธนาคารได้จ่ายเงินตามคำสั่งของผู้ออกเช็คแล้ว ก็ย่อมเป็นหนังสือหลักฐานแสดงหนี้สินผูกพัน ระหว่างผู้ออกเช็คและธนาคารซึ่งผู้ออกเช็คต้องยอมให้ธนาคารหักเงินที่สั่งจ่ายนั้นจากบัญชีเงินฝากของตน หรือถ้าธนาคารจ่ายเงินตามเช็คเกินบัญชีเงินฝากของผู้ออกเช็คไป ธนาคารก็ย่อมเรียกร้องเอาจากผู้ออกเช็คได้ เช็คจึงเป็นหนังสือสำคัญตามความหมายของกฎหมายลักษณะอาญาโดยแท้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจผู้จัดการธนาคารในการดำเนินคดี และข้อยกเว้นการเสียอากรแสตมป์
การที่ผู้จัดการธนาคารอุตสาหกรรมยื่นคำร้องขอหรือคำฟ้องต่อศาลนั้น ไม่ใช่เป็นการทำนิติกรรมของธนาคารอุตสาหกรรมและทั้งไม่ใช่เป็นการตั้งตัวแทนของธนาคารอุตสาหกรรมด้วย หากเป็นแต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า คณะกรรมการธนาคารอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ผู้จัดการทำการยื่นคำร้องขอหรือคำฟ้องในคดีได้หรือไม่ เอกสารต่างๆ ที่ธนาคารอุตสาหกรรมซึ่งเป็นโจทก์ส่งต่อศาล จึงเป็นแต่เพียงพยานหลักฐานเบื้องต้นแห่งการมอบหมายให้ดำเนินคดี ไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจหรือการตั้งตัวแทนอันจะต้องทำตามแบบ ถ้าจำเลยต้องการโต้แย้งว่าผู้จัดการธนาคารอุตสาหกรรมไม่ได้รับมอบหมายให้ยื่นคำร้องขอต่อศาล ก็เป็นหน้าที่ของผู้อ้างเอกสารและผู้ปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงแห่งเอกสารนั้น จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบประกอบให้เห็นประจักษ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการดำเนินคดีของผจก.ธนาคาร: การมอบหมายอำนาจไม่ใช่การทำนิติกรรม แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิสูจน์
การที่ผู้จัดการธนาคารอุตสาหกรรมยื่นคำร้องขอหรือคำฟ้องต่อศาลนั้น ไม่ใช่เป็นการทำนิติกรรมของธนาคารอุตสาหกรรมและทั้งไม่ใช่เป็นการตั้งตัวแทนของธนาคารอุตสาหกรรมด้วย หากเป็นแต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า คณะกรรมการธนาคารอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ผู้จัดการทำการยื่นคำร้องขอหรือคำฟ้องในคดีได้หรือไม่ เอกสารต่าง ๆ ที่ธนาคารอุตสาหกรรมซึ่งเป็นโจทก์ส่งต่อศาล จึงเป็นแต่เพียงพยานหลักฐาน เบื้องต้นแห่งการมอบหมายให้ดำเนินคดี ไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจหรือการตั้งตัวแทนอันจะต้องทำตามแบบ ถ้าจำเลยต้องการโต้แย้งว่า ผู้จัดการธนาคารอุตสาหกรรมไม่ได้รับมอบหมายให้ยื่นคำร้องขอต่อศาล ก็เป็นหน้าที่ของผู้อ้างเอกสาร และผู้ปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงแห่งเอกสารนั้น จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบประกอบให้เห็นประจักษ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาและแจ้งความเท็จ: จำเลยเข้าใจสัญญาถูกต้องตามเจตนา แม้ข้อความไม่ชัดเจน ไม่ถือเป็นแจ้งความเท็จ
โจทก์จำเลยทำสัญญากัน โดยจำเลยยอมให้เอาที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยื่นคำร้อง ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญา ในการนี้โจทก์ตกลงให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน ต่อมาพ้นเวลา 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อพนักงานโลหกิจว่า จนบัดนี้ โจทก์ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองได้ จำเลยจึงขอคัดค้านการอ้างสิทธิของโจทก์โดยจำเลยไม่ยอมให้ใช้ที่ดินของจำเลย ฯลฯ เช่นนี้ แม้ความจริงโจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญากันนั้นไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อความในสัญญามีเหตุทำให้จำเลยเข้าใจได้ดังคำร้องคัดค้านของจำเลยแล้ว โจทก์จะหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาและการแจ้งความเท็จ: จำเลยไม่ได้แจ้งความเท็จ แต่เป็นการเข้าใจสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญากัน โดยจำเลยยอมให้เอาที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยื่นคำร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ในการนี้โจทก์ตกลงให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน ต่อมาพ้นเวลา 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าว จำเลยได้ยื่นคำร้องคัดค้านต่อพนักงานโลหกิจว่า จนบัดนี้ โจทก์ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองได้ จำเลยจึงขอคัดค้านการอ้างสิทธิของโจทก์โดยจำเลยไม่ยอมให้ใช้ที่ดินของจำเลย ฯลฯ เช่นนี้ แม้ความจริงโจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันทำสัญญากันนั้นไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อข้อความในสัญญามีเหตุทำให้จำเลยเข้าใจได้ดังคำร้องคัดค้านของจำเลยแล้ว โจทก์จะหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญา: ความสมบูรณ์ของฟ้องที่บรรยายลักษณะการกระทำผิดที่เปลี่ยนแปลงไป
ฟ้องของโจทก์ตอนแรกบรรยายว่าได้มีผู้บังอาจปลอมใบเสร็จรับเงินและฟ้องตอนหลังกล่าวว่า จำเลยบังอาจสมคบกันปลอมใบเสร็จรับเงินนั้นเป็นการกล่าวว่ามีผู้ปลอมใบเสร็จรับเงินซึ่งหมายรวมถึงตัวจำเลยเป็นผู้ปลอมด้วย ข้อเท็จจริงในฟ้องจึงหาขัดกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การกล่าวถึงผู้กระทำผิดโดยรวมถึงจำเลย
ฟ้องของโจทก์ตอนแรกบรรยายว่าได้มีผู้บังอาจปลอมใบเสร็จรับเงินและฟ้องตอนหลังกล่าวว่า จำเลยบังอาจสมคบกันปลอมใบเสร็จรับเงินนั้นเป็นการกล่าวว่ามีผู้ปลอมใบเสร็จรับเงินซึ่งหมายรวมถึงตัวจำเลยเป็นผู้ปลอมด้วย ข้อเท็จจริงในฟ้องจึงหาขัดกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืน สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน
จำเลยกระทำการปล้น โดยใช้ปืนยิงยางรถยนต์ที่ผู้เสียหายกับพวกโดยสารมา และยิงขู่อีก ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความหวาดหวั่นต่อประชาชนทั่วไป การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืน สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชน
จำเลยกระทำการปล้น โดยใช้ปืนยิงยางรถยนต์ที่ผู้เสียหายกับพวกโดยสารมา และยิงขู่อีก ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความหวาดหวั่นต่อประชาชนทั่วไปการกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เตาอบในอาคารไม่ใช่การก่อสร้างอาคารตามกฎหมาย หากไม่ได้ขยายพื้นที่อาคารเดิม
เตาอบขนมปังไม่เป็นอาคารตามความหมายของพ.ร.บ. ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มาตรา 4 และประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ 3/2493 จำเลยได้ต่อเติม ขยายเตาอบให้ใหญ่ขึ้นภายในห้องของจำเลย ตัวอาคารมิได้กว้างออกไปจากเดิม จึงไม่เป็นการปลูกสร้างอาคารที่จะต้องขออนุญาตตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจังยังไม่เป็นความผิดฐานต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต