คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิทักษ์มนูศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด ศาลฎีกาพิพากษาว่ามีเจตนาฆ่าจริง
เหตุที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ซึ่งโดยสารมาในเรือเพราะผู้เสียหายได้ถามนายท้ายเรือว่า พวกจำเลยนี้จะไปไหนกัน จำเลยกับพวกคงโกรธเพราะฤทธิ์สุราผสมด้วย จึงสมคบร่วมกันคิดทำร้ายขณะผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัว โดยพวกของจำเลยลุกไปนั่งคุมเชิงผู้เสียหายอยู่ข้างหลังก่อน พอเรือแวะจะส่งนักเรียน จำเลยก็แหวกนักเรียนตรงเข้าไปทำร้ายผู้เสียหาย พวกของจำเลยก็เข้าช่วยใช้มีดปลายแหลมยาวคืบกว่าแทงผู้เสียหายซ้ำ 2 ที ถูกที่สำคัญลึกถึงตับและปอด ซึ่งอาจทำให้ตายได้ จนผู้เสียหายล้มลง ก็จะแทงซ้ำอีก แต่มีคนกันไว้ จำเลยกับพวกจึงพากันหลบหนีไปเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า มีเจตนาฆ่าให้ตายเมื่อแพทย์ทำการผ่าตัดรักษาไว้ได้ทันท่วงทีจำเลยก็ย่อมต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกพยานตำรวจเพื่อประโยชน์แก่จำเลย ไม่เป็นการเพิ่มเติมพยานหลักฐานโจทก์
ศาลชั้นต้นได้เรียกนายตำรวจผู้หนึ่งมาเป็นพยานของศาลเพราะปรากฏตามหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวโยงมาถึงนายตำรวจผู้นั้น ก็เฉพาะเหตุที่นายตำรวจผู้นั้นไปร่วมอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นในขณะที่กำลังจับกุมจำเลย โจทก์ก็ได้สืบเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบกับบันทึกการจับกุมไว้แล้วการที่สืบนายตำรวจเป็นพยานของศาลจึงมิใช่ลักษณะที่จะเพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย เป็นลักษณะที่ให้ความยุติธรรมแก่จำเลยจึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกพยานตำรวจ: ศาลชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ได้เพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นได้เรียกนายตำรวจผู้หนึ่งมาเป็นพยานของศาล เพราะปรากฏตามหลักฐานของโจทก์ที่เกี่ยวโยงมาถึงนายตำรวจผู้นั้น ก็เฉพาะเหตุที่นายตำรวจผู้นั้นไปร่วมอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นในขณะที่กำลังจับกุมจำเลย โจทก์ก็ได้สืบเจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบกับบันทึกการจับกุมไว้แล้ว การที่สืบนายตำรวจเป็นพยานของศาลจึงมิใช่ลักษณะที่จะเพิ่มเติมคำพยานโจทก์เพื่อลงโทษจำเลย จึงเป็นการชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยที่รับสารภาพในคดีอาญา ต้องพิจารณาอัตราโทษขั้นต่ำตามกฎหมาย
คดีอาญาที่จำเลยรับสารภาพศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง ต้องเป็นคดีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอาญาที่กฎหมายกำหนดโทษต่ำกว่า 5 ปี ศาลไม่ต้องสืบพยานและลงโทษจำเลยได้
คดีอาญาที่จำเลยรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง ต้องเป็นคดีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงพลาดเป้า แม้กระสุนไม่ถูกลำตัว แต่ถือเป็นพยายามฆ่า
ทีแรกผู้เสียหายเอาแขนท้าวประตูรถจำเลย เห็นจำเลยเอื้อมมือหยิบวัตถุสีดำเข้าใจว่าปืน จึงเอี้ยวตัวหลบพอดีจำเลยยิงถูกใต้ศอกซ้ายทะลุ การที่จำเลยยิงผู้เสียหายขณะเอี้ยวตัวหลบ เห็นได้ว่าหมายยิงลำตัวซึ่งอยู่ในอาการเคลื่อนไหว ไม่ใช่หมายยิงแขนโดยเฉพาะปืนเป็นอาวุธร้ายแรง การยิงสาดตรงไปที่ตัว ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจถึงตาย เป็นกรณีเจตนาฆ่า เมื่อกระสุนปืนพลาดที่หมายไปถูกศอก จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงพลาดเป้า แม้กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ศาลฎีกาพิพากษายืนความผิดฐานพยายามฆ่า
ทีแรกผู้เสียหายเอาแขนท้าวประตูรถจำเลย เห็นจำเลยเอื้อมมือหยิบวัตถุสีดำเข้าใจว่าปืน จึงเอี้ยวตัวหลบ พอดีจำเลยยิงถูกใต้ศอกซ้ายทะลุ การที่จำเลยยิงถูกผู้เสียหายขณะเอี้ยวตัวหลบ เห็นได้ว่าหมายยิงลำตัวซึ่งอยู่ในอาการเคลื่อนไหวไม่ใช่หมายยิงแขนโดยเฉพาะ ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง การยิงสาดตรงไปที่ตัว ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจถึงตาย เป็นกรณีเจตนาฆ่า เมื่อกระสุนปืนพลาดที่หมายไปถูกศอก จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยานพาหนะที่ใช้ขนส่งยาเสพติด ไม่ใช่ของที่ต้องริบ หากไม่เกี่ยวข้องกับการครอบครอง
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะนำพาฝิ่นไป ไม่เกี่ยวกับการมีฝิ่นไว้ในครอบครอง จึงไม่เป็นของที่ต้องริบตาม พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยานพาหนะนำส่งยาเสพติด ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบ
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะนำพาฝิ่นไป ไม่เกี่ยวกับการมีฝิ่นไว้ในครอบครอง จึงไม่เป็นของที่ต้องริบตาม พ.ร.บ. ฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 69

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข – ไม่อาจพิจารณารวมกับฟ้องเดิมได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์และเรียกค่าซ่อมแซมห้องที่จำเลยออกไป 4,000 บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์ หรือหากจำเลยต้องออกจากห้องเช่านี้ ก็ขอให้ถือคำให้การนี้เป็นฟ้องแย้ง ให้โจทก์ใช้เงินค่าซ่อมแซมห้องเช่า 4,000 บาท แก่จำเลยด้วย ดังนี้ถือว่าฟ้องแย้งของจำเลยมีเงื่อนไข กล่าวคือ ให้ถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าดังนี้ ไม่เป็นฟ้องแย้งเพราะไม่อาจพิจารณารวมกับคำฟ้องเดิมได้
of 20