พบผลลัพธ์ทั้งหมด 197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดลักทรัพย์-รับของโจรในต่างประเทศ: ไม่จำต้องพิสูจน์ความผิดตามกฎหมายต่างประเทศ
ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรซึ่งคนไทยทำขึ้นในต่างประเทศ นั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 มิได้มีข้อความกำหนดให้โจทก์จำต้องนำสืบว่า จะต้องเป็นการกระทำที่กฎหมายในต่างประเทศบัญญัติว่า เป็นความผิด ทั้งความผิดทั้งสองฐานนี้ก็ได้มีบัญญัติไว้ใน มาตรา 8 (8) (12) แล้วฉะนั้นถึงแม้ความผิดทั้งสองฐานนี้จะเกิดในต่างประเทศ โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องนำสืบว่าควรผิดดังกล่าว เป็นความผิดตามกฎหมายของต่างประเทศนั้น ๆ ด้วย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดลักทรัพย์/รับของโจรในต่างประเทศ: โจทก์ไม่ต้องพิสูจน์ว่าผิดกฎหมายต่างประเทศ
ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรซึ่งคนไทยทำขึ้นในต่างประเทศ นั้นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 มิได้มีข้อความกำหนดให้โจทก์จำต้องนำสืบว่าจะต้องเป็นการกระทำที่กฎหมายในต่างประเทศบัญญัติว่าเป็นความผิด ทั้งความผิดทั้งสองฐานนี้ก็ได้มีบัญญัติไว้ใน มาตรา 8(8)(12)แล้วฉะนั้นถึงแม้ความผิดทั้งสองฐานนี้จะเกิดในต่างประเทศโจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องนำสืบว่าความผิดดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายของต่างประเทศนั้นๆ ด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกระทบสิทธิการใช้ประโยชน์จากสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริตโดยแกล้งเอาหินมากองไว้และเอาไม้ปักเป็นหลักกันไม่ให้โจทก์เอาเรือเข้าจอดในลำแม่น้ำระนองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งโจทก์ได้ใช้สอยมานานทำให้โจทก์เสียหายหากเป็นจริงตามฟ้องโจทก์ก็เป็นผู้ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตกีดขวางการใช้ประโยชน์จากสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โดยแกล้งเอาหินมากองไว้ และเอาไม้ปักเป็นหลักกันไม่ให้โจทก์เอาเรือเข้าจอดในลำแม่น้ำระนองอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินซึ่งโจทก์ได้ใช้สอยมานาน ทำให้โจทก์เสียหาย หากเป็นจริงตามฟ้อง โจทก์ก็เป็นผู้ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้แล้วเรียกคืนเนื่องจากเนรคุณ ประเด็นอยู่ที่การยกให้สมบูรณ์หรือไม่ และเหตุเนรคุณมีอยู่จริงหรือไม่
ตามฟ้องและคำให้การฟังได้ว่า โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยครอบครองมากกว่า 20 ปีแล้ว จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าการยกให้ไม่สมบูรณ์ จำเลยต่อสู้โดยอ้างเหตุเพียงว่า ไม่ได้ประพฤติเนรคุณ และโจทก์ยกให้เนื่องในการสมรส ประเด็นคงมีเพียงว่า โจทก์ยกให้เนื่องในการสมรสหรือไม่ และจำเลยได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งจะต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป ศาลไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยาน ในเมื่อสอบคู่ความได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์บอกยกให้ด้วยปาก ไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียน แล้วเลยวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์ จึงพิพากษายกฟ้อง เพราะการให้สมบูรณ์หรือไม่ ไม่เป็นประเด็นในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้แล้วเรียกคืนโดยอ้างเหตุเนรคุณ จำเป็นต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ตามฟ้องและคำให้การฟังได้ว่าโจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยครอบครองมากว่า 20 ปีแล้ว จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าการยกให้ไม่สมบูรณ์จำเลยต่อสู้โดยอ้างเหตุเพียงว่า ไม่ได้ประพฤติเนรคุณและโจทก์ยกให้เนื่องในการสมรสประเด็นคงมีเพียงว่า โจทก์ยกให้เนื่องในการสมรสหรือไม่และจำเลยได้ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งจะต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงกันต่อไป ศาลไม่ชอบที่จะสั่งงดสืบพยานในเมื่อสอบคู่ความได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์บอกยกให้ด้วยปาก ไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียน แล้วเลยวินิจฉัยว่า การให้ไม่สมบูรณ์จึงพิพากษายกฟ้อง เพราะการให้สมบูรณ์หรือไม่ ไม่เป็นประเด็นในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าทางอื่น และผลของการไม่ไปรับเงินค่าเช่าของผู้ให้เช่า ทำให้จำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปี ตั้งแต่เช่ากันมาเป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเองเมื่อโจทก์ไม่ไปเก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าและการผิดนัด: เจ้าของบ้านต้องเป็นผู้รับเอง หากเคยรับเองมาตลอด
การที่โจทก์ไปเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา 10 ปีตั้งแต่เช่ากันมา เป็นการแสดงเจตนาไว้ว่า โจทก์จะเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเอาจากจำเลยเอง เมื่อโจทก์ไปไม่เก็บ จะหาว่าจำเลยผิดนัดหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
(อ้างฎีกาที่ 728/2496)
จำเลยขอชำระค่าเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จำเลยจึงจัดส่งค่าเช่าทางธนาณัติให้โจทก์ โจทก์ก็ไม่ไปรับ ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่เป็นผู้ผิดนัดชำระค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งคำร้องเพิ่มเติมคำให้การ และประเด็นการฎีกาที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย
คดีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยว่าจะรับเป็นคำให้การเพิ่มเติมหรือไม่นั้นศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องเพิ่มเติมคำให้การนี้เสียก่อนแล้วจึงให้ดำเนินการพิจารณาต่อไปได้
การที่โจทก์โต้แย้งในชั้นฎีกา โดยโจทก์มิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ถือว่าไม่ปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
หากศาลชั้นต้นได้สั่งให้รับคำให้การเพิ่มเติมแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะสั่งว่า จะให้สืบในข้อต่อสู้นั้นหรือไม่
การที่โจทก์โต้แย้งในชั้นฎีกา โดยโจทก์มิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ถือว่าไม่ปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
หากศาลชั้นต้นได้สั่งให้รับคำให้การเพิ่มเติมแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะสั่งว่า จะให้สืบในข้อต่อสู้นั้นหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งคำร้องเพิ่มเติมคำให้การ และการไม่ยื่นคำแก้อุทธรณ์ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยว่าจะรับเป็นคำให้การเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องเพิ่มเติมคำให้การนี้เสียก่อน แล้วจึงให้ดำเนินการพิจารณาต่อไปได้
การที่โจทก์โต้แย้งในชั้นฎีกา โดยโจทก์มิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ถือว่า ไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
หากศาลชั้นต้นได้สั่งให้รับคำให้การเพิ่มเติม ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะสั่งว่า จะให้สืบให้ข้อต่อสู้นั้นหรือไม่
การที่โจทก์โต้แย้งในชั้นฎีกา โดยโจทก์มิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ถือว่า ไม่ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
หากศาลชั้นต้นได้สั่งให้รับคำให้การเพิ่มเติม ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะสั่งว่า จะให้สืบให้ข้อต่อสู้นั้นหรือไม่