พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงผู้อื่นให้มอบทรัพย์สินโดยแสดงข้อความเท็จ ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยกับสิบตำรวจโทสำเนียงและสิบตำรวจเอกเหมกลับจากงานบวชนาคด้วยกันเมื่อไปถึงทุ่งนาสิบตำรวจโทสำเนียงบอกว่าจะไปถ่ายเพราะปวดท้องจึงมอบปืนไว้กับสิบตำรวจเอกเหมแล้วสิบตำรวจโทสำเนียงก็เดินไปโดยจำเลยเดินตามไปด้วยสิบตำรวจเอกเหมไปคุยอยู่กับพรรคพวกจำเลยได้กลับมาหาสิบตำรวจเอกเหมและเอาความเท็จบอกว่าสิบตำรวจโทสำเนียงให้มาเอาปืนจะไปธุระ สิบตำรวจเอกเหมเห็นว่าจำเลยกับสิบตำรวจโทสำเนียงเจ้าของปืนเป็นเพื่อนกัน จึงหลงเชื่อตามคำหลอกลวงของจำเลยและมอบปืนให้จำเลยไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงอยู่ในลักษณะที่เห็นได้ว่าจำเลยหลอกลวงให้สิบตำรวจเอกเหมหลงเชื่อจนได้ปืนไปจากสิบตำรวจเอกเหมผู้ถูกหลอกลวง ฉะนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2509)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายก่อนสัญญาประนีประนอม: โจทก์มีสิทธิเหนือผู้รับโอนจากสัญญาประนีประนอม
การที่จำเลยที่ 1,2 ซึ่งเป็นสามีภริยากันยินยอมทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์โดยโจทก์ได้วางมัดจำไว้แล้วแต่ต่อมาจำเลยที่ 1,2 กลับทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 3 ถึง 5 บุตรของตนเสียย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 1,2 ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ และเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์ซึ่งได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกับจำเลยที่ 1,2 ไว้ก่อนที่จะได้มีการทำสัญญายอมความนั้น จึงอยู่ในฐานที่จะได้รับโอนที่พิพาทดีกว่าจำเลยที่ 3 ถึง 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินก่อนสัญญาประนีประนอม: สิทธิผู้ซื้อเดิมดีกว่าผู้รับโอนจากสัญญายอมความ
การที่จำเลยที่ 1-2 ซึ่งเป็นสามีภริยากัน ยินยอมทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยโจทก์ได้วางมัดจำไว้แล้ว แต่ต่อมาจำเลยที่ 1-2 กลับทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาลยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 3 ถึง 5 บุตรของตนเสีย ย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 1-2 ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ และเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์ซึ่งได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทกับจำเลยที่ 1-2 ไว้ก่อนที่จะได้มีการทำสัญญายอมความนั้น จึงอยู่ในฐานะที่จะได้รับโอนที่พิพาทดีกว่าจำเลยที่ 3 ถึง 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึด/อายัดทรัพย์ซ้ำ: ศาลมีอำนาจยึดทรัพย์แม้มีการอายัดไว้ก่อนหน้าได้ หากเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต
การที่เจ้าพนักงานที่ดินรับอายัดที่ดินไว้ ก็ไม่มีกฎหมายห้ามศาลมิให้ยึดหรืออายัดที่ดินนั้นซ้ำอีก
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่เป็นการทำละเมิด.
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่เป็นการทำละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินซ้ำซ้อน: ศาลมีอำนาจยึดทรัพย์ที่ดินแม้มีการอายัดไว้แล้ว การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตไม่เป็นละเมิด
การที่เจ้าพนักงานที่ดินรับอายัดที่ดินไว้ก็ไม่มีกฎหมายห้ามศาลมิให้ยึดหรืออายัดที่ดินนั้นซ้ำอีก
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่เป็นการทำละเมิด
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่เป็นการทำละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511-512/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัคคีภัยทำให้ตึกสิ้นสภาพ สัญญาเช่าระงับตามข้อตกลง
ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า "ถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยขึ้น สัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง"
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้าน มีรอยร้าวบ้าง กะเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมด เพดานไหม้หมด ผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทน พื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่าง ขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียม รอดรองรับไม้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2 ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมด เหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50 % และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุต ที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหล โดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้าน มีรอยร้าวบ้าง กะเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมด เพดานไหม้หมด ผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทน พื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่าง ขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียม รอดรองรับไม้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2 ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมด เหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50 % และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุต ที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหล โดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511-512/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัคคีภัยทำให้ตึกสิ้นสภาพ สัญญาเช่าระงับตามข้อตกลง
ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า 'ถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยขึ้นสัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง'
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้านมีรอยร้าวบ้าง กระเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมดเพดานไหม้หมดผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทนพื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่างขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมดทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียมรอดรองรับไว้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมดเหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50% และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุตที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหลโดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อยตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้นครัวชั้นบนไม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้านมีรอยร้าวบ้าง กระเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมดเพดานไหม้หมดผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทนพื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่างขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมดทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียมรอดรองรับไว้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมดเหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50% และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุตที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหลโดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อยตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้นครัวชั้นบนไม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498-499/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งจำหน่ายคดีขาดนัด และข้อจำกัดการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายใหม่
บทบัญญัติใน ป.วิ.พ.มาตรา 198 มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ ฉะนั้น ในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วัน ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้ อ้างฎีกาที่ 1464/2495
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ไม่ว่าแจ้งเองหรือให้การ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137
การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น ไม่ว่าจะไปแจ้งเองหรือตอบคำถามที่เจ้าพนักงานเรียกไปสอบสวนเป็นพยาน ก็เป็นการแจ้งต่อเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งมาตรานี้ทั้งนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงาน ไม่ว่าแจ้งเองหรือให้การเป็นพยานเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137
การแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 นั้น ไม่ว่าจะไปแจ้งเองหรือตอบคำถามที่เจ้าพนักงานเรียกไปสอบสวนเป็นพยาน ก็เป็นการแจ้งต่อเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งมาตรานี้ทั้งนั้น