พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความสมบูรณ์ แม้มีข้อตกลงไม่ฟ้องคดีอาญา และการทำสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเดิม
สัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงและมีข้อความตอนหนึ่งว่า จำเลยยินยอมไม่ฟ้องคดีอาญาอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาเรื่องฉ้อโกงนั้นถือว่าข้อความตอนนี้เป็นส่วนที่พึงสันนิษฐานได้ว่าคู่กรณีเจตนาจะแยกส่วนนี้ออกหากจากส่วนอื่นได้ สัญญาประนีประนอมยอมความนี้จึงสมบูรณ์
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ทำขึ้นอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น. ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสัญญาขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงยกเลิกเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิมสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ระงับ
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ทำขึ้นอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น. ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสัญญาขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงยกเลิกเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิมสัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ระงับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความสมบูรณ์ แม้มีข้อตกลงไม่ฟ้องคดีอาญา และการซื้อขายที่ดินเป็นการปฏิบัติตามสัญญาเดิม
สัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงและมีข้อความตอนหนึ่งว่าจำเลยยินยอมไม่ฟ้องคดีอาญาอันเนื่องมาจากการที่โจทก์ฟ้องคดีอาญาเรื่องฉ้อโกงนั้น ถือว่าข้อความตอนนี้เป็นส่วนที่พึงสันนิษฐานได้ว่าคู่กรณีเจตนาจะแยกส่วนนี้ออกหากจากส่วนอื่นได้ สัญญาประนีประนอมยอมความนี้จึงสมบูรณ์
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ทำขึ้นอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสัญญาขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงยกเลิกเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิม สัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ระงับ.
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ทำขึ้นอันเป็นการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสัญญาขึ้นใหม่เปลี่ยนแปลงยกเลิกเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิม สัญญาประนีประนอมยอมความจึงไม่ระงับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและการหลบหนี: ผลกระทบของคำสั่งที่ขาดตอนและการกลับมาควบคุมโดยชอบ
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 43 ข้อ 2 มีความมุ่งหมายว่า ไม่ประสงค์จะให้ควบคุมบุคคลไว้ตลอดไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา จึงกำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาและมีคำสั่งทุกระยะ 3 เดือนว่าให้ควบคุมต่อไปหรือให้ปล่อยไป การที่คณะกรรมการมิได้พิจารณาและมีคำสั่งให้ควบคุมตัวนายปุ่นไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การควบคุมในช่วงระยะเวลานั้นจึงไม่ชอบด้วยประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว หากนายปุ่นหลบหนีการควบคุมในช่วงระยะเวลานั้น นายปุ่นก็ไม่มีความผิดฐานหลบหนีการควบคุม(อ้างนัยฎีกา 105/2506) แต่การที่คณะกรรมการไม่มีคำสั่งให้ทันเมื่อครบ 3 เดือน จนเวลาล่วงมาระยะหนึ่งดังกล่าว จึงได้พิจารณามีคำสั่งให้ควบคุมตัวนายปุ่นไว้ต่อไป เช่นนี้ไม่เป็นเหตุทำให้คำสั่งหลัง ๆ นั้นไม่ชอบด้วยประการใด เพราะตัวนายปุ่นก็ยังต้องควบคุมอยู่ตลอดมา เมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาและมีคำสั่งตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 43 ข้อ 2 ให้ควบคุมไว้ต่อไป ก็ต้องถือว่านายปุ่นได้กลับถูกควบคุมไว้โดยชอบด้วยประกาศดังกล่าวอีก เมื่อนายปุ่นหลบหนีการควบคุมจำเลยซึ่งมีหน้าที่ควบคุมต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและการหลบหนี: ผลกระทบของการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนตามประกาศคณะปฏิวัติ
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 43 ข้อ 2 มีความมุ่งหมายว่า ไม่ประสงค์จะให้คุมบุคคลไว้ตลอดไปโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาจึงกำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาและมีคำสั่งทุกระยะ 3 เดือนว่าให้ควบคุมต่อไปหรือให้ปล่อยไปการที่คณะกรรมการมิได้พิจารณาและมีคำสั่งให้ควบคุมตัวนายปุ่นไว้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง การควบคุมในช่วงระยะเวลานั้นจึงไม่ชอบด้วยประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวหากนายปุ่นหลบหนีการควบคุมในช่วงระยะเวลานั้นนายปุ่นก็ไม่มีความผิดฐานหลบหนีการควบคุม (อ้างนัยฎีกา 105/2506)แต่การที่คณะกรรมการไม่มีคำสั่งให้ทันเมื่อครบ 3 เดือน จนเวลาล่วงมาระยะหนึ่งดังกล่าว จึงได้พิจารณามีคำสั่งให้ควบคุมตัวนายปุ่นไว้ต่อไปเช่นนี้ไม่เป็นเหตุทำให้คำสั่งหลังๆ นั้นไม่ชอบด้วยประการใดเพราะตัวนายปุ่นก็ยังต้องควบคุมอยู่ตลอดมา เมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาและมีคำสั่งตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 43 ข้อ 2 ให้ควบคุมไว้ต่อไป ก็ต้องถือว่านายปุ่นได้กลับถูกควบคุมไว้โดยชอบด้วยประกาศดังกล่าวอีกเมื่อนายปุ่นหลบหนีการควบคุมจำเลยซึ่งมีหน้าที่ควบคุมต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 205
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267-268/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิการแถลงด้วยวาจาต่อศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำกัด
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกันหรือมีการสืบพยานไม่มีข้อความแสดงว่าให้ศาลต้องนัดหรือฟังคู่ความมาแถลงด้วยวาจา แต่มีข้อความแสดงว่าศาลจะนัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นเรื่องๆ ไป ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจา จึงไม่ผิดกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกันหรือมีการสืบพยานไม่มีข้อความแสดงว่าให้ศาลต้องนัดหรือฟังคู่ความมาแถลงด้วยวาจา แต่มีข้อความแสดงว่าศาลจะนัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นเรื่องๆ ไป ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจา จึงไม่ผิดกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์: สอบสวนอธิกรณ์ ไม่ใช่คดีอาญา
แม้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 45 จะบัญญัติให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาก็ดีก็มีแต่เพียงอำนาจสอบสวนอธิกรณ์ และสั่งลงโทษพระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเท่านั้น หามีอำนาจรับแจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาไม่ฉะนั้น จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนอธิกรณ์ของพระภิกษุ ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 173
แม้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 45 จะบัญญัติให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาก็ดี ก็มีแต่เพียงอำนาจสอบสวนอธิกรณ์และสั่งลงโทษพระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเท่านั้น หามีอำนาจรับแจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญา และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีอาญาไม่ ฉะนั้น จึงไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172,173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแกล้งตั้งราคาสูง ทำให้จำเลยไม่ผิดสัญญาซื้อโรงเรือน
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากจำเลยเพื่อปลูกสร้างโรงเรือนทำการค้าโดยไม่มีกำหนดเวลาแต่มีข้อกำหนดว่า หากจำเลยต้องการที่เช่าคืน จะต้องบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรให้โจทก์ทราบล่วงหน้า 1 ปี และจำเลยจะต้องรับซื้อโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งโจทก์ได้ปลูกสร้างลงไว้ในที่เช่ามิฉะนั้นจะต้องยอมให้โจทก์เช่าที่ดินต่อไปต่อมาจำเลยได้บอกเลิกการเช่า โจทก์เรียกร้องให้จำเลยซื้อโรงเรือนจากโจทก์ในราคาสูงเกินกว่าราคาตลาดมาก ดังนี้ ส่อแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ว่าแกล้งเล่นแง่ตั้งราคาสูง จนจำเลยไม่อาจตกลงรับซื้อได้อันจะทำให้จำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ไม่ได้ ฉะนั้นที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับซื้อเรือนของโจทก์ในราคาตลาดเป็นการผิดสัญญาจึงฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแกล้งตั้งราคาสูงทำให้จำเลยไม่ซื้อโรงเรือนได้ ไม่ถือเป็นการผิดสัญญาเช่า
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากจำเลยเพื่อปลูกสร้างโรงเรือนทำการค้าโดยการไม่มีกำหนดเวลา แต่มีข้อกำหนดว่า หากจำเลยต้องการที่เช่าคืน จะต้องบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรให้โจทก์ทราบล่วงหน้า 1 ปี และจำเลยจะต้องรับซื้อโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งโจทก์ได้ปลูกสร้างลงไว้ในที่เช่า มิฉะนั้นจะต้องยอมให้โจทก์เช่าที่ดินต่อไป ต่อมาจำเลยได้บอกเลิกการเช่า โจทก์เรียกร้องให้จำเลยซื้อโรงเรือนจากโจทก์ในราคาสูงเกินกว่าราคาตลาดมาก ดังนี้ ส่อแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์ว่าแกล้งเล่นแง่ตั้งราคาสูง จนจำเลยไม่อาจตกลงรับซื้อได้อันจะทำให้จำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ไม่ได้ ฉะนั้น ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับซื้อเรือนของโจทก์ในราคาตลาด เป็นการผิดสัญญาจึงฟังไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากการบังคับคดีและการลักทรัพย์: ผลต่อกรรมสิทธิ์และเจตนา
ที่ดินซึ่งเจ้าของที่ดินมีแต่เพียงสิทธิครอบครอง (ส.ค.1) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้จัดการยึดแล้วที่ดินรายนี้ย่อมตกอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาล ผู้ซื้อชำระราคาแล้ว ย่อมเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ยึดถือทรัพย์ที่ยึดนั้นต่อไป แต่เป็นที่เข้าใจว่าได้โอนความเป็นเจ้าของตลอดจนความยึดถือทรัพย์นั้นให้แก่ผู้ซื้อ ผู้ซื้อย่อมเป็นเจ้าของทรัพย์รายนี้ ส่วนการที่ศาลมีหนังสือถึงนายอำเภอท้องที่ ขอให้จัดการทำหนังสือสัญญาซื้อขายให้ผู้ซื้อนั้น เป็นเพียงให้ทางอำเภอจัดการเกี่ยวกับหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินอีกชั้นหนึ่ง.