พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาไม่สุจริตเพื่อขัดขวางการโอนที่ดิน และการทำสัญญาโดยมิได้เป็นหนี้จริง
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์แล้วจำเลยที่ 2 เข้าทำสัญญาแย่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยให้ราคาสูงกว่าแล้วจำเลยที่ 2 สมยอมกันทำสัญญายอมความเพื่อให้จำเลยที่ 2 ใช้สิทธิอันไม่สุจริตนำสัญญาไปฟ้องศาลเพื่อขายทอดตลาดอันเป็นเหตุให้โจทก์บังคับคดีไม่ได้เมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 สมยอมกับจำเลยที่ 1 ทำหลักฐานแห่งหนี้ขึ้นฟ้องจำเลยที่ 1 โดยมิได้เป็นหนี้กันจริงแล้วยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดที่ดินแปลงนี้การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ในคดีแพ่งแดงที่ 107/2503 จำเลยที่ 2 นำยึดที่พิพาทเพื่อขายทอดตลาดโจทก์ร้องขัดทรัพย์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ อ้างว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิที่พิพาทได้ก่อนจำเลยที่ 2 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้ง 3 สมคบกันแสดงเจตนาลวงโดยจำเลยที่ 2 ใช้เล่ห์เพทุบายแย่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 และทำสัญญายอมความกันโดยไม่สุจริตเพื่อยึดที่พิพาทมาขายทอดตลาด ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมที่นำมาฟ้องสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตลอดจนคำขอบังคับเป็นคนละอย่างต่างกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ว่า ได้สมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาขึ้นโดยไม่สุจริต เพื่อขัดขวางมิให้โจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในเมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 เป็นการเพียงพอจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ในคดีแพ่งแดงที่ 107/2503 จำเลยที่ 2 นำยึดที่พิพาทเพื่อขายทอดตลาดโจทก์ร้องขัดทรัพย์ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ อ้างว่าโจทก์อยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิที่พิพาทได้ก่อนจำเลยที่ 2 ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยทั้ง 3 สมคบกันแสดงเจตนาลวงโดยจำเลยที่ 2 ใช้เล่ห์เพทุบายแย่งซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 และทำสัญญายอมความกันโดยไม่สุจริตเพื่อยึดที่พิพาทมาขายทอดตลาด ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมที่นำมาฟ้องสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตลอดจนคำขอบังคับเป็นคนละอย่างต่างกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ว่า ได้สมคบกันแสดงเจตนาลวง ทำสัญญาขึ้นโดยไม่สุจริต เพื่อขัดขวางมิให้โจทก์ได้รับโอนที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในเมื่อโจทก์ชนะคดีจำเลยที่ 1 เป็นการเพียงพอจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินมรดกและที่งอกหน้าดิน โดยการยกให้ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์ และสิทธิในการแบ่งมรดก
การยกที่ดินมีโฉนดให้โดยเพียงแต่พูดด้วยวาจาไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทำชอบด้วยกฏหมายไม่
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมาแม้จะล่วงพ้นกำหนด 1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมาแม้จะล่วงพ้นกำหนด 1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินด้วยวาจายังไม่สมบูรณ์, สิทธิการแบ่งมรดก, การครอบครองปรปักษ์, ที่งอก
การยกที่ดินมีโฉนดให้โดยเพียงแต่พูดด้วยวาจาไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หาชอบด้วยกฎหมายไม่
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมา แม้จะล่วงพ้นกำหนด1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมา แม้จะล่วงพ้นกำหนด1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการต่อสู้คดีอายุความหนี้ในคดีล้มละลาย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้
ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายบัญญัติว่า เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์-ทรัพย์ผู้เดียวมีอำนาจฟ้องร้องและต่อสู้คดีใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ ฉะนั้น การต่อสู้คดีว่าหนี้ของผู้ขอรับชำระหนี้ขาดอายุความ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงทำได้ตามลำพัง โดยไม่ต้องให้ลูกหนี้รู้เห็นยินยอมด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารประมาทเลินเล่อในการจัดการเช็คของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเสียหายและขาดอายุความเรียกร้อง
จำเลยเป็นธนาคารโดยปกติย่อมจะต้องระมัดระวังผลประโยชน์ของลูกค้าแต่จำเลยกลับละเลยต่อหน้าที่อันจะพึงต้องปฏิบัติต่อลูกค้าโดยไม่พยายามจัดการส่งคืนเช็คที่ผู้สั่งจ่ายโดยไม่มีเงินให้แก่โจทก์ซ้ำยังปล่อยให้เช็คนั้นสูญหายไปทำให้โจทก์ต้องเสียหายเพราะเช็คนั้นขาดอายุความที่จะฟ้องร้องเอากับผู้สั่งจ่าย หรือผู้สลักหลังและไม่มีเช็คคืนให้โจทก์เพื่อเรียกร้องเอากับผู้สั่งจ่ายหรือสลักหลังอีกด้วยจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
โจทก์เพิ่งทราบก่อนฟ้องไม่ถึงปีว่าเช็คที่โจทก์นำเข้าบัญชีไว้หลายปีแล้วนั้นไม่มีเงิน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์เพิ่งทราบก่อนฟ้องไม่ถึงปีว่าเช็คที่โจทก์นำเข้าบัญชีไว้หลายปีแล้วนั้นไม่มีเงิน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารประมาทเลินเล่อ ไม่จัดการคืนเช็คไม่มีเงิน ทำให้ลูกค้าเสียหายและขาดอายุความฟ้องร้อง
จำเลยเป็นธนาคาร โดยปกติย่อมจะต้องระมัดระวังผลประโยชน์ของลูกค้า แต่จำเลยกลับละเลยต่อหน้าที่อันจะพึงต้องปฏิบัติต่อลูกค้าโดยไม่พยายามจัดการส่งคืนเช็คที่ผู้สั่งจ่ายโดยไม่มีเงินให้แก่โจทก์ ซ้ำยังปล่อยให้เช็คนั้นสูญหายไป ทำให้โจทก์ต้องเสียหายเพราะเช็คนั้นขาดอายุความที่จะฟ้องร้องเอากับผู้สั่งจ่าย หรือผู้สลักหลัง และไม่มีเช็คคืนให้โจทก์เพื่อเรียกร้องเอากับผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังอีกด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
โจทก์เพิ่งทราบก่อนฟ้องไม่ถึงปี ว่าเช็คที่โจทก์นำเข้าบัญชีไว้หลายปีแล้วนั้นไม่มีเงิน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
โจทก์เพิ่งทราบก่อนฟ้องไม่ถึงปี ว่าเช็คที่โจทก์นำเข้าบัญชีไว้หลายปีแล้วนั้นไม่มีเงิน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำสบประมาท แม้แปลความหมายได้หลายนัย แต่หากเจตนาดูหมิ่นย่อมเป็นความผิด
จำเลยว่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ว่า'ตำรวจเฮงซวย ถือว่ามีอำนาจก็ทำไปตามอำนาจ จะต้องให้เจอดีเสียบ้าง' ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนี้เป็นการกล่าวสบประมาท ผู้เสียหายขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ จึงเป็นคำที่แสดงการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำสบประมาทขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
จำเลยว่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ว่า "ตำรวจเฮงซวย ถือว่ามีอำนาจก็ทำไปตามอำนาจ จะต้องให้เจอดีเสียบ้าง" ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนี้ เป็นกล่าวสบประมาทผู้เสียหายขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ จึงเป็นคำที่แสดงการดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินที่ติดจำนอง: สิทธิไถ่ถอนของผู้รับโอนและผลของการยกให้โดยเสน่หา
การที่จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งติดจำนองให้แก่ผู้ร้องสิทธิจำนองย่อมติดไปกับที่พิพาทด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 จึงเป็นสิทธิของผู้ร้องจะไถ่จำนองในฐานะผู้รับโอนที่พิพาทมาก็ได้ ถ้าหากผู้ร้องประสงค์จะไถ่ถอนแล้วก็จำต้องใช้เงินค่าไถ่ถอนเองจะถือเอาการที่ต้องไถ่จำนองเองเป็นค่าตอบแทนการโอนหาได้ไม่
ข้อที่ว่าโจทก์ชอบที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการการยกให้เสียก่อนนั้นเมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลสูงก็ย่อมไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยไปว่าแม้โจทก์จะมิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนเสียก่อน ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดได้นั้นไม่ทำให้เป็นประเด็นในปัญหาข้อกฎหมายชั้นอุทธรณ์ที่ผู้ร้องจะฎีกาต่อมาได้
ข้อที่ว่าโจทก์ชอบที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการการยกให้เสียก่อนนั้นเมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลสูงก็ย่อมไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยไปว่าแม้โจทก์จะมิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนเสียก่อน ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดได้นั้นไม่ทำให้เป็นประเด็นในปัญหาข้อกฎหมายชั้นอุทธรณ์ที่ผู้ร้องจะฎีกาต่อมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินที่มีจำนอง: สิทธิการไถ่ถอนและผลของการโอนโดยเสน่หา
การที่จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งติดจำนองให้แก่ผู้รอง สิทธิจำนองย่อมติดไปกับที่พิพาทด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 จึงเป็นสิทธิของผู้ร้องจะไถ่จำนองในฐานะผู้รับโอนที่พิพาทมาก็ได้ ถ้าหากผู้ร้องประสงค์จะไถ่ถอนแล้ว ก็จำต้องใช้เงินค่าไถ่ถอนเอง จะถือเอาการที่ต้องไถ่จำนองเองเป็นค่าตอบแทนการโอนหาได้ไม่
ข้อที่ว่าโจทก์ชอบทีจะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้เสียก่อนนั้น เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลสูงก็ย่อมไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยไปว่า แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนเสียก่อน ศาลก็มีอำนาจชึ้ขาดได้นั้น ไม่ทำให้เป็นประเด็นในปัญหาข้อกฎหมายชั้นอุทธรณ์ที่ผู้ร้องจะฎีกาต่อมาได้
ข้อที่ว่าโจทก์ชอบทีจะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการยกให้เสียก่อนนั้น เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลสูงก็ย่อมไม่หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเลยไปว่า แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนเสียก่อน ศาลก็มีอำนาจชึ้ขาดได้นั้น ไม่ทำให้เป็นประเด็นในปัญหาข้อกฎหมายชั้นอุทธรณ์ที่ผู้ร้องจะฎีกาต่อมาได้