คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สอาด นาวีเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษทางอาญา: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้บทลงโทษที่ไม่ถูกต้องได้ โดยไม่เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามบทหนักจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดหลายกระทง ให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่สุด ส่วนกำหนดโทษให้คงเดิม ดังนี้ เป็นเรื่องศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยมาไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาแก้เสียให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมกำหนดโทษจำเลยให้สูงขึ้นอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษทางอาญา: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขบทที่ศาลชั้นต้นปรับผิดพลาดได้ แต่ห้ามเพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษจำเลยตามบทหนัก จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดหลายกระทงให้ลงโทษตามกระทงที่หนักที่สุด ส่วนกำหนดโทษให้คงเดิมดังนี้ เป็นเรื่องศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยมาไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาแก้เสียให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมกำหนดโทษจำเลยให้สูงขึ้นอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีพนัน: รายละเอียดการกระทำความผิดเพียงพอต่อการฟ้อง แม้ไม่มีของกลาง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยจัดให้มีการเล่นและเล่นการพนันไพ่ผ่องไทย พนันเอาทรัพย์สินกันมิได้รับอนุญาต โดยบรรยายถึงการกระทำของจำเลยที่อ้างว่าเป็นความผิด ตลอดจนระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิดแล้วแม้โจทก์จะไม่ได้ระบุถึงทรัพย์สินที่เอาออกพนันและไพ่ผ่องไทยที่ใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นว่าจับได้หรือไม่ ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะพอจะเข้าใจได้แล้วว่าเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นก็คือ ไพ่ผ่องไทย ทรัพย์สินที่พนันก็อาจเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นซึ่งเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบต่อไป ฟ้องโจทก์จึงไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 916/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้ไม่ได้ระบุสละสิทธิชัดเจน การยอมรับเขตที่ดินตามการไกล่เกลี่ยถือเป็นการสละสิทธิ
เดิมอัยการฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยกับพวกบุกรุกที่ดินมีโฉนดของโจทก์และทำให้เสียทรัพย์ และในการบุกรุกนี้จำเลยได้ปักหลักขึงลวดหนามในเขตที่ดินของโจทก์ด้วย ในการพิจารณาคดีนั้นปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งจำเลยกับโจทก์ได้ลงชื่อไว้ความว่า ศาลได้ไกล่เกลี่ยให้โจทก์ จำเลยปรองดองกัน จำเลยยอมรับว่าเขตที่ดินของจำเลยมีอยู่ตามโฉนดเดิม จำเลยยอมรื้อรั้วและหลักที่ปักเข้าไปในโฉนดของโจทก์ออก ต่อมาโจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์และแถลงว่า จำเลยเข้าใจผิดในเขตในข้อหาบุกรุก ศาลจึงพิพากษายกฟ้องข้อหาบุกรุกนี้ด้วยครั้นแล้วจำเลยก็ไม่รื้อหลักและรั้วนั้นออก โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีแพ่งขอให้บังคับให้จำเลยรื้อไป จำเลยกลับมาอ้างอีกว่า ที่ที่จำเลยปักเสาทำรั้วเข้าไปนั้นจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองแล้ว และว่า ในคดีอาญานั้นจำเลยไม่ได้แถลงสละสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ ดังนี้ ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะข้อตกลงของโจทก์กับจำเลยในรายงานพิจารณาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นมีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และข้อความแห่งความตกลงนั้นแสดงชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การเล่าเหตุการณ์ตามความเข้าใจ ไม่ถือเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ หากไม่มีเจตนาใส่ร้าย
จำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน.โดยเล่าเรื่องให้ฟังตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าบิดาโจทก์กับบิดาจำเลยเป็นความกันเรื่องทางเดิน จำเลยพาคนไปถ่ายภาพทางเดินนั้นเพื่อประกอบคดีในขณะที่โจทก์กับพวกกำลังเดินออกจากบ้าน ขณะที่ถ่ายภาพอยู่นั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จำเลยไม่เห็นคนยิง แต่เชื่อหรือเข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้ยิงพนักงานสอบสวนได้สรุปข้อความตามคำแจ้งความแล้วให้ตำรวจบันทึกคำแจ้งความไว้ มีความตอนหนึ่งว่า โจทก์ใช้ปืนพกยิงจำเลยเข้าใจว่าโจทก์มีเจตนาจะยิงจำเลยให้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยไปแจ้งความโดยเล่าเรื่องตามที่เกิดขึ้นซึ่งมีเหตุการณ์ทำให้จำเลยเข้าใจเช่นนั้นได้ ข้อความที่บันทึกไว้นั้นก็เป็นข้อความที่พนักงานสอบสวนบอกให้ตำรวจเขียน ไม่ใช่ถ้อยคำที่จำเลยแจ้งโดยแท้จริง ทั้งมีพฤติการณ์ต่อมาแสดงว่าจำเลยมิได้เจตนาแกล้งเอาความเท็จไปกล่าวหาโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: ความเข้าใจผิดของผู้แจ้ง ไม่ถึงเจตนาใส่ร้าย ถือว่าไม่เป็นความผิด
จำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยเล่าเรื่องให้ฟังตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าบิดาโจทก์กับบิดาจำเลยเป็นความกันเรื่องทางเดิน จำเลยหาคนไปถ่ายภาพทางเดินนั้นเพื่อประกอบคดีในขณะที่โจทก์กับพวกกำลังเดินออกจากบ้านขณะที่ถ่ายภาพอยู่นั้น ได้มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จำเลยไม่เห็นคนยิง แต่เชื่อหรือเข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้ยิง พนักงานสอบสวนได้สรุปข้อความตามคำแจ้งความ แล้วให้ตำรวจบันทักคำแจ้งความไว้ มีความตอนหนึ่งว่า โจทก์ใช้ปืนพกยิง จำเลยเข้าใจว่าโจทก์มีเจตนาจะยิงจำเลยให้ถึงแก่ความตาย ดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยไปแจ้งความโดยเล่าเรื่องตามที่เกิดขึ้น ซึ่งมีเหตุการณ์ทำให้จำเลยเข้าใจเช่นนั้นได้ ข้อความที่บันทึกไว้นั้นก็เป็นข้อความที่พนักงานสอบสวนบอกให้เขียน ไม่ใช่ถ้อยคำที่จำเลยแจ้งโดยแท้จริง ทั้งมีพฤติการณ์ต่อมาแสดงว่าจำเลยมิได้เจตนาแกล้งเอาความเท็จไปกล่าวหาโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารพยานในคดีอื่นใช้ได้ในคดีปัจจุบัน หากส่งต่อศาลแล้ว ไม่ต้องขอเรียกใหม่
คู่ความได้ระบุอ้างเอกสารเป็นพยานไว้แล้ว เมื่อได้ความว่าเอกสารนั้นได้ถูกส่งไว้ในคดีอื่นของศาลชั้นต้นเดียวกันแล้ว ย่อมถือได้ว่าเอกสารนั้นได้ถูกส่งต่อศาลเพื่อเป็นพยานในคดีนี้แล้ว ไม่จำต้องให้คู่ความฝ่ายที่อ้างนั้นยื่นคำขอให้เรียกเอกสารนั้นมารวมไว้ในคดีนี้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารพยานในคดีอื่นใช้ได้ในคดีปัจจุบัน หากศาลมีอำนาจเรียกเอกสารนั้นได้
คู่ความได้ระบุอ้างเอกสารเป็นพยานไว้แล้ว เมื่อได้ความว่าเอกสารนั้นได้ถูกส่งไว้ในคดีอื่นของศาลชั้นต้นเดียวกันแล้ว ย่อมถือได้ว่าเอกสารนั้นได้ถูกส่งต่อศาลเพื่อเป็นพยานในคดีนี้แล้ว ไม่จำต้องให้คู่ความฝ่ายที่อ้างนั้นยื่นคำขอให้เรียกเอกสารนั้นมารวมไว้ในคดีนี้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภรรยาจากการทำธุรกิจร่วมกัน การรับรองหนี้โดยภรรยาผูกพันสามี
สามีเป็นผู้ผลิตแร่แล้วส่งไปให้ภรรยาจัดการจำหน่ายหนี้สินที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นหนี้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุริมสิทธิในมูลจ้างทำของ: ต้องเป็นทรัพย์ของลูกหนี้และราคาเพิ่มขึ้นเท่านั้น
บุริมสิทธิในมูลจ้างทำของเป็นการงานขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์กฎหมายให้มีบุริมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ที่ทำการงานขึ้น และอสังหาริมทรัพย์ที่ทำการงานขึ้นนั้นเป็นของลูกหนี้ กับให้มีบุริมสิทธิเพียงราคาที่เพิ่มขึ้นเท่านั้นดังนี้ เมื่อที่ดินที่ลูกหนี้จ้างผู้ร้องขอรับชำระหนี้ปลูกห้องแถวขึ้นนั้น ลูกหนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของ ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ก็ไม่อาจมีบุริมสิทธิเกิดขึ้นได้
of 102