พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการผ่านทางแยก: รถที่มาถึงก่อนมีสิทธิไปก่อน แม้กฎหมายกำหนดรถจากซ้ายไปก่อน
ตามประกาศเจ้าพนักงานจราจร ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก ซึ่งกำหนดไว้ว่า'ในทางเอกด้วยกัน ณ ที่ร่วมกัน ตัดกันหรือแยกกันให้รถที่มาจากทางซ้ายผ่านไปก่อน'นั้น หมายถึงกรณีที่รถทั้งสองคันมาถึงปากทางที่ร่วมกันตัดกัน หรือแยกกัน พร้อมกันแต่ถ้าหากรถคันทางขวามาถึงปากทางดังกล่าวแล้วก่อนก็ไม่จำเป็นต้องหยุดรอให้รถคันทางซ้ายไปก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์และการยึดครองทรัพย์: พยายามลักทรัพย์เมื่อยังไม่ได้ยึดครอง
จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอซึ่งบุตรของผู้เสียหายสวมอยู่พอใช้ตะไกรตัดสร้อยนั้นขาดตกลงยังพื้นดิน ยังมิได้ยึดถือเอาสร้อยนั้นไปก็มีคนบอกให้ผู้เสียหายรู้ตัวและเก็บเอาสร้อยไว้เสียก่อนจะถือว่าจำเลยเอาสร้อยนั้นไป (ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334) ยังไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์แม้ยังมิได้ยึดถือ: พยายามลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยมีเจตนาลักสร้อยคอซึ่งบุตรของผู้เสียหายสวมอยู่ พอใช้ตะไกรตัดสร้อยนั้นขาดตกลงยังพื้นดิน ยังมิได้เข้ายึดถือเอาสร้อยนั้นไป ก็มีคนบอกให้ผู้เสียหายรู้ตัวและเก็บเอาสร้อยไว้เสียก่อน จะถือว่าจำเลยเอาสร้อยนั้นไป(ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334)ยังไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำรุนแรงในคำแก้อุทธรณ์ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท ศาลใช้ดุลพินิจได้
คู่ความและทนายความยื่นคำแก้อุทธรณ์ต่อศาลเป็นข้อความที่เกี่ยวโยงกับพฤติการณ์แห่งคดี เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจลงโทษอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะมีลักษณะฟุ่มเฟือยและใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อโจทก์ไปบ้างก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาต่างกรรมต่างวาระ การรับสารภาพ และอำนาจการสอบถามจำเลยของศาล
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็น 2 คดี คดีแรกฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโคจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลลงโทษไปแล้ว คดีหลังฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรกระบือ โดยโจทก์บรรยายฟ้องให้เห็นว่ามีผู้พบเห็นจำเลยครอบครองโคกระบือของกลางทั้งสองคดีอยู่ในขณะเดียวกันและแถลงรับว่าฟ้องคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่มีผู้พบเห็นจำเลยครอบครองของกลางดังกล่าว จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรอีกกับแถลงรับตามที่ศาลสอบถามว่า จำเลยกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันกับคดีก่อน เช่นนี้ แม้โจทก์ไม่สืบพยาน ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรในคดีหลังได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ และการที่ศาลถามจำเลยดังกล่าวก็เป็นการสอบถามในรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริง ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 235 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีรับของโจรต่างกรรมต่างวาระ ศาลรับฟังการรับสารภาพจำเลยได้ แม้มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับของกลางร่วมกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยคนเดียวเป็น 2 คดี คดีแรกฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโค จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ศาลลงโทษไปแล้วคดีหลังฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรกระบือ โดยโจทก์บรรยายฟ้องให้เห็นว่ามีผู้พบเห็นจำเลยครอบครองโคกระบือของกลางทั้งสองคดีอยู่ในขณะเดียวกัน และแถลงรับว่าฟ้องคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่มีผู้พบเห็นจำเลยครอบครองของกลางดังกล่าว จำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรอีก กับแถลงรับตามที่ศาลสอบถามว่าจำเลยกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันกับคดีก่อนเช่นนี้ แม้โจทก์ไม่สืบพยาน ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรในคดีหลังได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำและการที่ศาลถามจำเลยดังกล่าวก็เป็นการสอบถามในรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 235 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในการโอนสิทธิเช่า: เอกสารเป็นโมฆะได้ แม้มีพยานสืบหักล้าง
เอกสารมีข้อความว่า ผู้เช่าที่ดินแจ้งต่อผู้ให้เช่าขอโอนสิทธิการเช่าให้ผู้รับโอน และผู้รับโอนบันทึกไว้ด้วยว่ายอมรับโอนสิทธิการเช่า ดังนี้ ในคดีระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอน ผู้โอนนำสืบได้ว่าความจริงผู้โอนและผู้รับโอนตกลงกันให้ผู้รับโอนชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่ผู้ให้เช่าแทนผู้โอนโดยผู้รับโอนเก็บค่าเช่าห้องแถวที่ดินที่เช่านั้นชดใช้และแบ่งเป็นบำเหน็จจึงทำเอกสารการโอนไว้เพื่อความสะดวกและเป็นประกันการแสดงเจตนาเช่นนี้ เป็นการแสดงเจตนาลวง โดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 คู่ความนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างข้อความในเอกสารนั้นได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันหนี้ล้มละลาย: ผู้ค้ำประกันยังคงรับผิดแม้หนี้หลักระงับ
ในคดีล้มละลาย แม้หนี้ของบุคคลผู้ล้มละลายนั้นจะระงับไปแล้วด้วยการประนอมหนี้ก็ดี หรือศาลมีคำสั่งปลดลูกหนี้จากการล้มละลายก็ดี หาทำให้ผู้ค้ำประกันของบุคคลผู้ล้มละลายนั้นหลุดพ้นจากความรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบุคคลผู้ล้มละลายไม่ กรณีเช่นนี้ไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ค้ำประกันหลังลูกหนี้ล้มละลาย: การยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีต่อมา แม้ไม่ยื่นในคดีแรก
ผู้ค้ำประกันทำสัญญาค้ำประกันลูกหนี้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารเจ้าหนี้ในวงเงินไม่เกิน 110,000 บาท ลูกหนี้ได้เบิกเงินเกินบัญชีไปเป็นเงิน 125,329.84 บาท ต่อมาลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้รายอื่นฟ้องล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ของลูกหนี้ ปรากฎว่าธนาคารเจ้าหนี้มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเรื่องนั้น ต่อมาผู้ค้ำประกันถูกเจ้าหนี้อีกรายหนึ่งฟ้องล้มละลาย ธนาคารเจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีเรื่องหลังนี้ ดังนี้ การที่ธนาคารเจ้าหนี้มิได้ยืนคำขอรับชำระหนี้ในคดีเรื่องก่อน หาทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไปไม่ ธนาคารเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีเรื่องหลังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรมที่ดินตามมาตรา 61 ประมวลกฎหมายที่ดิน: ดุลพินิจและผลกระทบต่อผู้ครอบครอง
ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ให้อำนาจอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือเอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิไว้โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแก้ไขให้ถูกต้องหรือเพิกถอนเสียได้แต่อธิบดีกรมที่ดินจะใช้อำนาจตามมาตรานี้หรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของอธิบดีแม้อธิบดีจะไม่ใช้อำนาจนี้ก็ไม่เป็นการละเมิดต่อผู้ครอบครองที่ดินที่อ้างว่าโฉนดออกทับที่ของตนโดยไม่ถูกต้องเพราะกฎหมายมิได้กำหนดหน้าที่ให้อธิบดีจำต้องกระทำ