พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างแม้ผู้โดยสารไม่มีค่าโดยสาร และความรับผิดต่อทรัพย์สินที่สูญหาย
คนขับรถใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทนคนขับมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้รถคว่ำและบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย คนขับจะต้องรับผิดในการละเมิดที่เกิดขึ้น เหตุที่เกิดการละเมิดนี้อยู่ในกรอบกิจการที่จ้าง นายจ้างจะต้องร่วมรับผิดด้วยแม้คนตายจะโดยสารรถโดยไม่ได้ชำระค่าโดยสาร ก็ไม่เป็นเหตุให้นายจ้างพ้นความรับผิด เมื่อทรัพย์สินของผู้ตายสูญหายไปซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างทำละเมิดนายจ้างจะต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างและผลกระทบจากผู้โดยสารไม่มีค่าโดยสาร
คนขับรถใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทน คนขับมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้รถคว่ำ และบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย คนขับจะต้องรับผิดในการละเมิดที่เกิดขึ้น เหตุที่เกิดการละเมิดนี้อยู่ในกรอบกิจการที่จ้าง นายจ้างจะต้องร่วมรับผิดด้วย แม้คนตายจะโดยสารรถโดยไม่ได้ชำระค่าโดยสาร ก็ไม่เป็นเหตุให้นายจ้างพ้นความรับผิด เมื่อทรัพย์สินของผู้ตายสูญหายไปซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างทำละเมิด นายจ้างจะต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1838/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินมรดกโดยผู้ปกครอง ไม่ถือเป็นการทำนิติกรรมใหม่ และไม่ขาดอายุความ
ภายหลังเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปีแล้ว ผู้ปกครองของผู้เยาว์ผู้รับมรดกได้ยินยอมตกลงปฏิบัติตามสัญญาจะขายที่ดินที่ผู้ตายเจ้ามรดกได้ทำไว้ เรียกได้ว่าเป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 วรรคท้าย กรณีเช่นนี้ หาใช่เป็นการทำนิติกรรมขายที่ดินมรดกขึ้นใหม่อันจะต้องขออนุญาตต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1838/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากสัญญาจะซื้อขายที่ดินมรดกโดยผู้ปกครอง ไม่ถือเป็นการทำนิติกรรมใหม่ ไม่ขาดอายุความ
ภายหลังเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปีแล้ว ผู้ปกครองของผู้เยาว์ผู้รับมรดกได้ยินยอมตกลงปฏิบัติตามสัญญาจะขายที่ดินที่ผู้ตายเจ้ามรดกได้ทำไว้ เรียกได้ว่าเป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา188 วรรคท้าย กรณีเช่นนี้ หาใช่เป็นการทำนิติกรรมขายที่ดินมรดกขึ้นใหม่อันจะต้องขออนุญาตต่อศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1546 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่า ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีสิทธิรับมรดก
บุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่า และไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 ไม่มีสิทธิรับมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่า ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีสิทธิรับมรดก
บุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่า และไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1585 ไม่มีสิทธิรับมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805-1806/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนก่อหนี้: ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบหนี้ที่ตัวแทนซื้อเชื่อ
การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง แม้จะจ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างอีกต่อหนึ่งก็ตาม แต่ระหว่างก่อสร้างได้ปักป้ายว่าตนเป็นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและบางครั้งก็ไปตรวจงานเองหรือมอบให้คนอื่น ไปตรวจแทน การส่งมอบงานและรับเงินแต่ละงวดจำเลยที่ 1 ก็ทำเองโดยตรงเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนแล้ว จึงต้องรับผิดในหนี้ที่จำเลยที่ 2 ไปซื้อเชื่อวัสดุก่อสร้างต่อบุคคลภายนอกด้วย
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาท เมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาท เมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805-1806/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาเชิดตัวแทนก่อหนี้: ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบหนี้ที่ตัวแทนซื้อวัสดุก่อสร้าง
การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง แม้จะจ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างอีกต่อหนึ่งก็ตาม แต่ระหว่างก่อสร้างได้ปักป้ายว่าตนเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง และบางครั้งก็ไปตรวจงานเองหรือมอบให้คนอื่นไปตรวจแทน การส่งมอบงานและรับเงินแต่ละงวดจำเลยที่ 1 ก็ทำเองโดยตรง เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทนแล้ว จึงต้องรับผิดในหนี้ที่จำเลยที่ 2 ไปซื้อเชื่อวัสดุก่อสร้างต่อบุคคลภายนอกด้วย
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาทเมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์เป็นเงินเกินกว่าห้าร้อยบาทเมื่อผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีกันได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ฉะนั้น การตั้งตัวแทนก็ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนและการแปลงหนี้: การใช้หนี้แทนบุคคลอื่นและการทำสัญญากู้ยืมเงิน
เจ้าของเรือนกู้เงินโจทก์จำเลยต่อมาจำเลยจะรื้อเอาเรือนไป โจทก์คัดค้าน ในที่สุดจำเลยตกลงจะใช้หนี้ให้โจทก์แทนเจ้าของเรือนโดยโจทก์เลิกคัดค้าน มอบเรือนให้จำเลยไป ดังนี้ถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีผลสมบูรณ์ผูกพันกันตามกฎหมายได้ และหากจำเลยไม่มีเงินใช้ให้โจทก์ตามสัญญา จึงทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ ก็เป็นการแปลงหนี้เดิมมาเป็นหนี้กู้ยืมเงินซึ่งมีผลสมบูรณ์และบริบูรณ์ตามกฎหมาย ผูกพันกันได้ตามสัญญากู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนแปลงหนี้กู้ยืมเงิน - ผลผูกพันตามสัญญา
เจ้าของเรือนกู้เงินโจทก์จำเลย ต่อมาจำเลยจะรื้อเอาเรือนไป โจทก์คัดค้าน ในที่สุดจำเลยตกลงจะใช้หนี้ให้โจทก์แทนเจ้าของเรือน โดยโจทก์เลิกคัดค้านมอบเรือนให้จำเลยไป ดังนี้ ถือว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมีผลสมบูรณ์ผูกพันต่อกันตามกฎหมายได้ และหากจำเลยไม่มีเงินใช้ให้โจทก์ตามสัญญา จึงทำหนังสือกู้ให้โจทก์ไว้ก็เป็นการแปลงหนี้เดิมมาเป็นหนี้กู้ยืมเงินซึ่งมีผลสมบูรณ์และบริบูรณ์ตามกฎหมาย ผูกพันกันได้ตามสัญญากู้