พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความหลังเลิกบริษัท: ยังมีสิทธิดำเนินคดีได้จนกว่าผู้ชำระบัญชีจะถอนมอบอำนาจ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 มีความหมายว่า แม้บริษัทได้เลิกแล้ว แต่กฎหมายก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ในระหว่างเวลาที่จำเป็นแก่การชำระบัญชี. ฉะนั้น ทนายความที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทก็ยังคงถือว่าเป็นบริษัทอยู่ในขณะชำระบัญชี และยังคงมีสิทธิดำเนินคดีได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259(1) เป็นบทให้อำนาจแก่ผู้ชำระบัญชีที่จะว่าต่างแก้ต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท มิใช่เป็นบทระงับสิทธิของทนายความที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทนายที่แต่งตั้งไว้จะหมดอำนาจดำเนินคดีก็ต่อเมื่อผู้ชำระบัญชีถอนการมอบอำนาจ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259(1) เป็นบทให้อำนาจแก่ผู้ชำระบัญชีที่จะว่าต่างแก้ต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท มิใช่เป็นบทระงับสิทธิของทนายความที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทนายที่แต่งตั้งไว้จะหมดอำนาจดำเนินคดีก็ต่อเมื่อผู้ชำระบัญชีถอนการมอบอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความหลังเลิกบริษัท: ทนายความยังคงมีอำนาจดำเนินคดีได้จนกว่าผู้ชำระบัญชีจะถอนอำนาจ
ป.พ.พ. มาตรา 1249 มีความหมายว่าแม้บริษัทได้เลิกแล้ว แต่กฎหมายก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ระหว่างเวลาที่จำเป็นแก่การชำระบัญชี ฉะนั้น ทนายความที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทก็ยังคงถือว่าเป็นทนายของบริษัทอยู่ในขณะชำระบัญชี และยังคงมีสิทธิดำเนินคดีได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 (1) เป็นบทให้อำนาจแก่ผู้ชำระบัญชีที่จะว่าต่างแก้ต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท มิใช่เป็นบทระงับสิทธิของทนายความที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทนายที่แต่งตั้งไว้จะหมดอำนาจดำเนินคดีก็ต่อเมื่อผู้ชำระบัญชีถอนการมอบอำนาจ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 (1) เป็นบทให้อำนาจแก่ผู้ชำระบัญชีที่จะว่าต่างแก้ต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท มิใช่เป็นบทระงับสิทธิของทนายความที่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทนายที่แต่งตั้งไว้จะหมดอำนาจดำเนินคดีก็ต่อเมื่อผู้ชำระบัญชีถอนการมอบอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกทุเรียน: การปฏิบัติตามสัญญาและสิทธิบอกเลิกสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าสวนส้มของโจทก์มีกำหนด 12 ปี ค่าเช่าปีละ 10 บาท โดยมีข้อสัญญาว่าจำเลยจะต้องปลูกทุเรียนจนเต็มเนื้อที่โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และในระหว่างอายุสัญญาเช่า ดอกผลที่ได้จากทุเรียนจะต้องแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์สงวนสิทธิเก็บดอกผลของต้นไม้บางต้น นอกนั้นยอมให้จำเลยเก็บได้ทั้งสิ้น แม้ตามสัญญาจะมิได้กำหนดว่าจะต้องเริ่มปลูกทุเรียนเมื่อใดแต่เมื่อพิเคราะห์ถึงความประสงค์ของคู่สัญญาประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 368 แล้ว จำเลยจะต้องปลูกทุเรียนโดยเร็วในระยะแรกที่พอปลูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสวนและการปฏิบัติตามสัญญา: หน้าที่ของผู้เช่าในการปลูกทุเรียนตามวัตถุประสงค์ของสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าสวนส้มของโจทก์มีกำหนด 12 ปี ค่าเช่าปีละ 10 บาท โดยมีข้อสัญญาว่าจำเลยจะต้องปลูกทุเรียนจนเต็มเนื้อที่โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และในระหว่างอายุสัญญาเช่า ดอกผลที่ได้จากทุเรียนจะต้องแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์สงวนสิทธิเก็บดอกผลของต้นไม้บางต้น นอกนั้นยอมให้จำเลยเก็บได้ทั้งสิ้น แม้ตามสัญญาจะมิได้กำหนดว่าจะต้องเริ่มปลูกทุเรียนเมื่อใด แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงความประสงค์ของคู่สัญญาประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 368 แล้ว จำเลยจะต้องปลูกทุเรียนโดยเร็ว ในระยะแรกที่พอปลูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่ออายุโดยปริยาย: การบอกเลิกสัญญาต้องเป็นไปตามข้อตกลงเดิม และการชำระค่าเช่าต่อเนื่องแสดงถึงการไม่มีเจตนาบอกเลิก
สัญญาเช่าที่ระบุว่า "เมื่อผู้เช่าต้องการห้องเช่าคืนหรือผู้เช่าจะต้องการคืนห้องทั้งสองฝ่ายจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน" นั้นมีความหมายว่าถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง กฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกันผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง กฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกันผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่ออายุโดยปริยาย ผู้ให้เช่าต้องแจ้งบอกเลิกตามสัญญาเดิมก่อนฟ้องขับไล่
สัญญาเช่าที่ระบุว่า "เมื่อผู้เช่าต้องการห้องเช่าคืน หรือผู้เช่าต้องการคืนห้อง ทั้งสองฝ่ายจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน" นั้นมีความหมายว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาเช่า จะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาการเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วงกฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกัน ผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่า ก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาการเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วงกฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกัน ผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่า ก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำคำแถลงในคดีอื่นมาประกอบการพิจารณาคดี โดยไม่ระบุในบัญชีพยาน ศาลทำได้หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า เดิมจำเลยกู้เงินไปตามฟ้องจริงต่อมาโจทก์จำเลยได้เอาดอกเบี้ยกับเงินต้นที่ค้างอยู่มารวมกันทำเป็นสัญญาขึ้นใหม่ คือสัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยก่อนแล้วตามสำนวนคดีอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนสัญญาฉบับเดิมโจทก์ไม่คืนให้ และกลับนำมาฟ้องคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ระบุอ้างคำแถลงของจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงในคำให้การนั้นไว้ในบัญชีพยานคดีนี้ แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเมื่อศาลเห็นสมควรแล้ว ศาลก็นำเอาคำแถลงนั้นมาประกอบการพิจารณาในคดีนี้และฟังตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 86 วรรค 3 ไม่ขัดกับมาตรา 87
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำคำแถลงในคดีอื่นมาประกอบการพิจารณาเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า เดิมจำเลยกู้เงินไปตามฟ้องจริง ต่อมาโจทก์จำเลยได้เอาดอกเบี้ยกับเงินต้นที่ค้างอยู่มารวมกันทำเป็นสัญญาขึ้นใหม่ คือ สัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยก่อนแล้วตามสำนวนคดีอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนสัญญาฉบับเดิมโจทก์ไม่คืนให้และกลับนำมาฟ้องคดีนี้อีก ดังนี้ แม้จำเลยจะมิได้ระบุอ้างคำแถลงของจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงในคำให้การนั้นไว้ในบัญชีพยานคดีนี้ แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เมื่อศาลเห็นสมควรแล้ว ศาลก็นำเอาคำแถลงนั้นมาประกอบการพิจารณาในคดีนี้และฟังข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 3 ไม่ขัดกับมาตรา 87
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุกรุกสาธารณสมบัติของเทศบาล: นายกเทศมนตรีฟ้องแทนเทศบาลได้
บุคคลในตำแหน่งนายกเทศมนตรีย่อมมีอำนาจฟ้องในนามของเทศบาลได้
ฟ้องโจทก์ขึ้นต้นว่า "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล โดยนายเขตต์ ฉัตรศิริ โจทก์" นั้นหมายความว่าฟ้องในนามของเทศบาลไม่ใช่ฟ้องเป็นส่วนตัว
เทศบาลที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ย่อมหมายรวมถึงให้มีอำนาจฟ้องร้องคดีผู้ที่บุกรุกที่ดินนั้นด้วย
ฟ้องโจทก์ขึ้นต้นว่า "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล โดยนายเขตต์ ฉัตรศิริ โจทก์" นั้นหมายความว่าฟ้องในนามของเทศบาลไม่ใช่ฟ้องเป็นส่วนตัว
เทศบาลที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ย่อมหมายรวมถึงให้มีอำนาจฟ้องร้องคดีผู้ที่บุกรุกที่ดินนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขนส่งที่บริษัทจ่ายให้ตัวแทนมิใช่รายได้จากการเป็นนายหน้าและตัวแทน จึงไม่ต้องเสียภาษี
บริษัทจำหน่ายน้ำหวานซึ่งมีหน้าที่ต้องขนส่งน้ำหวานไปให้ตัวแทนของบริษัทในการจำหน่ายน้ำหวานนั้น ได้จ่ายเงินค่าขนส่งให้แก่ตัวแทนเป็นผู้ขนส่งเสียเอง เงินค่าขนส่งนี้มิใช่เป็นรายรับของตัวแทนตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 ที่ตัวแทนจะต้องเสียภาษีการค้าประเภทนายหน้าและตัวแทน