คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สอาด นาวีเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่หลวงหวงห้ามเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้สภาพเปลี่ยนไปก็ยังโอนหรือยกอายุความไม่ได้
กำแพงเมืองและคูเมืองซึ่งทางราชการทำขึ้น เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและแสดงการหวงห้ามเป็นที่หลวงตลอดมา มิได้ปล่อยให้กลายสภาพเป็นที่รกร้างว่างเปล่า แม้ต่อมาที่นั้นจะกลายสภาพไม่เป็นกำแพงเมือง หรือคูเมือง แต่เมื่อทางราชการยังคงถือว่าเป็นที่หลวงหวงห้ามตลอดมานั้น ที่นั้นก็ยังคงเป็นที่หลวงหวงห้ามอยู่ ที่นั้นจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งจะโอนแก่กันไม่ได้ และจะยกอายุความขึ้นต่อสู้แผ่นดินไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305, 1306 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ส่งสำเนาฎีกาและการทิ้งฟ้อง: ศาลสั่งซ้ำความในกฎหมายไม่ได้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
ตามปกติในคดีแพ่ง เมื่อศาลสั่งรับอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว ก็สั่งไว้ด้วยว่าให้คู่ความที่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกานั้นนำส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งแก้ภายในกี่วันก็ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด หมายความว่า คู่ความฝ่ายนั้นจะต้องมานำส่งสำเนาภายในกำหนดเวลานั้นนับแต่วันทราบคำสั่งศาล ถ้าไม่ปฏิบัติตามและไม่สามารถชี้แจงเหตุขัดข้อง ศาลก็อาจวินิจฉัยสั่งว่าเป็นการทิ้งฟ้องได้
เมื่อศาลสั่งว่า "ให้รับฎีกาและนำส่งสำเนาให้จำเลยแก้ภายใน 15 วันนับแต่วันรับสำเนาฎีกา" เป็นการสั่งซ้ำความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 237, 247 และมิได้สั่งกำหนดวันให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกา ครบกำหนด 15 วันแล้ว โจทก์ยังไม่ติดต่อนำส่งสำเนาฎีกา ศาลก็จะสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องขับไล่เมื่อจำเลยเช่าห้องรวมกันและผิดสัญญาเช่าช่วง การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องแถวเลขที่ 78 และ 78/1 ของโจทก์ ต่อมาจำเลยเอาห้องเลขที่ 78 ให้ผู้อื่นเช่าช่วง จำเลยกับครอบครัวย้ายมาอยู่ในห้อง 78/1 โจทก็ได้บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าห้องดังกล่าวแล้วทั้งสองห้อง ขอให้จับไล่จำเลยออกจากห้องทั้งสอง ดังนี้ เมื่อได้บรรยายถึงว่า โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกสัญญากับจำเลยแล้วทั้งสองห้อง คำขอท้ายฟ้องจึงมิใช่คำขอเกินคำฟ้อง และเมื่อจำเลยเช่าห้องพิพาททั้งสองห้องรวมกันไป มิใช่แยกเช่าแต่ละห้อง แล้วจะอ้างว่าเฉพาะห้องเลขที่ 78/1 จำเลยอยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และบังคับคดีให้จำเลยออกจากห้องเลขที่ 78/1 นั้น หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของนิติบุคคลต่างประเทศในการฟ้องคดีและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในไทย การละเมิดเครื่องหมายการค้าและค่าเสียหาย
นิติบุคคลเมื่อจดทะเบียนตามกฎหมายต่างประเทศ มีอำนาจฟ้องคดีในศาลไทยหรือตั้งผู้แทนฟ้องคดีได้
นิติบุคคลในต่างประเทศมีอำนาจมอบให้นิติบุคคลในต่างประเทศซึ่งมีสำนักงานสาขาในประเทศไทยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของเขาได้
ถ้าจำเลยเห็นว่า การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะร้องขอให้ศาลเพิกถอน ไม่ใช่เรื่องที่จะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า
เมื่อกล่องและสลากปิดขวดยาอันเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นของปลอมแล้ว แม้ตัวยาในขวดจะไม่ได้ความชัดว่าเป็นยาปลอม จำเลยผู้สั่งของนี้มาจำหน่ายโดยรู้ว่ากล่องและสลากยานั้นเป็นของปลอม ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้าปลอม และต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานขาดประโยชน์ 83,850 บาท และค่าเสียหายฐานเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ 50,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ค่าเสียหาย 2 อย่างรวมกันมา 55,000 บาท และโจทก์อุทธรณ์ขอค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรได้เฉพาะค่าเสียชื่อเสียงเกียรติคุณและคงให้ใช้ค่าเสียหาย 55,000 บาทได้
การส่งประเด็นไปสืบพยานในต่างประเทศย่อมทำได้เมื่อจำเป็นและสมควร และค่าใช้จ่ายในการนี้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลใช้ดุลพินิจให้คู่ความฝ่ายใดเสียหรือให้เสียแทนกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมเงินทดรองของทางราชการไม่ใช่การยืมเงินทั่วไป หากยักยอกถือเป็นความผิดอาญา แม้มีระเบียบให้ฟ้องเรียกคืนทางแพ่งได้
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ให้ยืมเงินทดรองเพื่อนำไปซื้อสิ่งของตามหน้าที่ของจำเลย แต่เอาเงินไปใช้เสีย ดังนี้ เป็นความผิดทางอาญาแล้ว เพราะการยืมเงินทดรองของทางราชการหรือเทศบาลหามีลักษณะเหมือนการยืมเงินธรรมดาในระหว่างเอกชนด้วยกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมเงินทดรองของทางราชการไม่ใช่การยืมเงินทั่วไป หากนำไปใช้ผิดประเภท ถือเป็นความผิดอาญา แม้มีระเบียบให้ฟ้องทางแพ่งได้
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ได้ยืมเงินทดรองเพื่อนำไปซื้อสิ่งของตามหน้าที่ของจำเลยแต่เอาเงินไปใช้เสีย ดังนี้เป็นความผิดทางอาญาแล้ว เพราะการยืมเงินทดรองของทางราชการหรือเทศบาลหามีลักษณะเหมือนการยืมเงินธรรมดาในระหว่างเอกชนด้วยกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละที่ดินเพื่อสร้างถนนสาธารณะยังไม่ถึงขั้นเป็นการยกให้เป็นทางสาธารณะโดยสมบูรณ์
เอกสารที่ใส่ชื่อว่าหนังสือสละกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อสร้างถนนสาธารณ และมีข้อความว่าเจ้าของที่ดินในตรอกตากสิน 1 ทุกคนยินดียอมสละกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อสร้างถนนตากสิน 1 ได้ตามแต่ทางการจะต้องการมากหรือน้อยโดยไม่ขัดข้อง ท้ายหนังสือลงนามบุคคล 9 คน โดยระบุว่าเป็นผู้สละกรรมสิทธิ์ ดังนี้ มิใช่แสดงว่าเจ้าของที่ดินได้สละที่ดินเป็นทางสาธารณไปแล้ว ทั้งได้ความด้วยว่าเทศบาลเพิ่งทำถนน แต่ยังไม่ได้ทำผ่านที่ดินของจำเลยผู้รับมรดกจากผู้ทำหนังสือดังกล่าวนั้น ยังไม่แสดงว่าที่ดินของจำเลยตกไปเป็นทางสาธารณแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือสละกรรมสิทธิ์ที่ดินยังไม่ถือเป็นการเสียกรรมสิทธิ์จนกว่าจะมีการทำถนนจริง
เอกสารที่ใส่ชื่อ ว่าหนังสือสละกรรมสิทธิ์ที่ดิน เพื่อสร้างถนนสาธารณะ และมีข้อความว่า เจ้าของที่ดินในตรอกตากสิน1 ทุกคนยินดียอมสละกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อสร้างถนนตากสิน1 ได้ ตามแต่ทางการจะต้องการมากหรือน้อยโดยไม่ขัดข้อง ท้ายหนังสือลงนามบุคคล 9 คน โดยระบุว่าเป็นผู้สละกรรมสิทธิ์ ดังนี้ มิใช่แสดงว่าเจ้าของที่ดินได้สละที่ดินเป็นทางสาธารณไปแล้ว เมื่อเทศบาลเพิ่งทำถนนแต่ยังไม่ได้ทำผ่านที่ดินของจำเลยผู้รับมรดกจากผู้ทำหนังสือดังกล่าวนั้น ยังถือไม่ได้ว่าที่ดินของจำเลยตกไปเป็นทางสาธารณะแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ตัวการร่วม
การที่จำเลยทั้งสามได้ไปด้วยกันตั้งแต่แรกที่ลวงผู้ตายให้ไปรับเงินชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 และพาผู้ตายไปถึงที่เปลี่ยวเพื่อการฆ่าแล้วได้ฆ่าเสีย แสดงว่า จำเลยทั้ง 3 คนคิดกันประกอบการฆาตกรรมนี้ จึงต้องผิดฐานเป็นตัวการด้วยกันทุกคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วม ฆาตกรรมไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำร่วมตั้งแต่ต้นบ่งชี้เจตนา
การที่จำเลยทั้งสามได้ไปด้วยกันตั้งแต่แรกที่ลวงผู้ตายให้ไปรับเงินชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 และพาผู้ตายไปถึงที่เปลี่ยวเพื่อการฆ่าแล้วได้ฆ่าเสียแสดงว่า จำเลยทั้ง 3 คน คิดกันประกอบการฆาตกรรมนี้ จึงต้องผิดฐานเป็นตัวการด้วยกันทุกคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,289 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2504)
of 102